กว่าวายุจะยอมปล่อยยี่หวาก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้กอดเธอก็ได้ “ฉันเข้าใจแล้ว ขอโทษที่ฉันเอาแต่ใจทั้งที่ก็รู้ว่าเธอไม่เหมือนเดิมแล้ว ช่วงที่ผ่านมาขอบคุณที่ช่วยดูแลเรนจิ เธอเข้าไปนอนเถอะฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้สักพักค่อยกลับ”
ยี่หวาลุกขึ้นจากโซฟาและเดินเข้าไปในห้อง พอประตูถูกปิดยี่หวาก็ทรุดลงกับพื้น ความรู้สึกทุกอย่างก็พุ่งพรวดขึ้นมาในใจจนขอบตารื้นด้วยน้ำใสบางๆ
เธอทำดีแล้วใช่ไหม?
เพื่อความปลอดภัยของเขา…
เพื่อศีลธรรมของเธอ…
ผ่านไปสักพักวายุก็ลุกขึ้นเปิดประตูเข้าไปในห้องยี่หวา ก็พบว่าเธอหลับไปแล้ว เนื่องจากห้องนี้มืดมากมีเพียงแสงไฟจากประตูเล็กน้อย วายุเลยไม่ทันสังเกตว่าดวงตาของยี่หวาแดงเพราะผ่านการร้องไห้มา ทำให้เขาคิดว่าเธอไม่ได้เสียใจเลยสักนิด แต่ก็ไม่แปลกเพราะยี่หวาตอนนี้ไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย
วายุโน้มตัวลงไปจูบที่ริมฝีปากของยี่หวาอย่างแผ่วเบา เพื่อชดเชยในสิ่งที่เขาเผลอทำรุนแรงกับเธอไปก่อนหน้านี้ มือหนาแตะเข้าที่หน้าผากของเธอเมื่อรู้ว่าอุณหภูมิร่างกายเธอปกติก็เดินออกมาจากห้อง
ยี่หวาลืมตาขึ้นทันทีที่วายุเดินออกไป น้ำตาที่หยุดไหลไปกลับมาไหลอีกครั้ง ทั้งที่เธอพูดออกไปชัดเจนแล้วทำไมเขายังทำดีกับเธออยู่อีก แล้วแบบนี้เธอจะลืมเขา ตัดใจจากเขาได้ยังไง
หลังจากที่วายุกลับมาจากคอนโดยี่หวา เช้าวันต่อมาธาราธรก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป ท่าทางของพี่ชายเขาดูมืดมนยังไงไม่รู้ แถมน่ากลัวจนเขาไม่กล้าเข้าใกล้ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาไปหายี่หวามาไม่ใช่เหรอ ทำไมสภาพกลายเป็นแบบนี้ไปได้
“หม่ามี๊จะกลับมาตอนไหน” เรนจิเดินออกมาจากห้องก็หันไปถามวายุทันทีโดยไม่ได้ดูสีหน้าของเขาให้ดีซะก่อน
ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติยามนี้ของวายุอึมครึมราวกับจะเกิดพายุฝนโหมกระหน่ำลงมาได้ทุกเมื่อ ทำให้ธาราธรกลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าแม้จะเอ่ยปากถามใดๆ เพราะตอนนี้เขาพอจะรู้สาเหตุที่ทำให้พี่เขาเป็นแบบนี้แล้ว
“ไม่กลับมาแล้ว” น้ำเสียงวายุตอนนี้ราวกับน้ำแข็งเย็นเยือก
“คืออะไร?” เรนจิถามกลับอย่างสงสัยและหงุดหงิดที่พ่อเขาพูดน้อยจนเขาไม่เข้าใจความหมาย
“เธอไม่กลับมาแล้ว และลูกก็ขึ้นไปเก็บของย้ายกลับไปอยู่บ้านใหญ่”
“พ่อหมายความว่ายังไง” เรนจิพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ พยายามหวังว่าจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิด
“หม่ามี๊ของลูกไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว”
เรนจิเหมือนโดนฟ้าผ่า ขอบตาแดงก่ำขึ้นมาทันที “ไม่จริง! พ่อโกหก หม่ามี๊ไม่มีวันทิ้งผมไปไหน หม่ามี๊จะอยู่กับผม”
“ลูกอย่าลืมว่าแม่ของลูกเป็นใคร” วายุพูดออกมาอย่างทำร้ายจิตใจเรนจิ เพราะตอนนี้จิตใจเขาก็ไม่ต่างจากลูกชายเท่าไหร่
ครั้งนี้เรนจิไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้แล้ว ร้องไห้โฮออกมาทันที ร่างเล็กๆ ไถลตัวลงไปนั่งกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปพลาง ตะโกนเสียงดังไปพลาง “เป็นเพราะพ่อ!!! เพราะพ่อ! ทำให้ผมไม่ได้เกิดมาเป็นลูกของหม่ามี๊ เพราะพ่อทำให้ผมต้องเป็นลูกของผู้หญิงคนอื่น!”
ธาราธรเมื่อเห็นหลานร้องไห้ก็จะร้องไห้ตาม แต่ก็ต้องสะดุดกับประโยคสุดท้าย ‘คนอื่นที่หลานพูดก็คือแม่แท้ๆ ของหลานนะ’
วายุมองเรนจิที่เศร้าโศก สีหน้าหม่นหมองลงเล็กน้อย สุดท้ายก็เดินกลับขึ้นห้องไปโดยไม่ลืมพูดทิ้งท้าย “เก็บของให้เรียบร้อย พ่อจะไปส่งลูกเย็นนี้”
ธาราธรรู้ว่าพี่ชายเขาเองก็เสียใจไม่ต่างจากเรนจิ แต่ต้องอย่าลืมสิว่าเรนจิเพิ่งจะ 5 ขวบเองนะ พี่จะพูดทำร้ายจิตใจเขาแบบนี้ไม่ได้ “เรนไม่ร้องไห้นะ เธอแค่กลับไปอยู่คอนโด ตอนนี้เธอเป็นดาราดังแล้ว ถ้าแฟนคลับรู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่นี่ก็อาจจะเสียชื่อเสียงได้”
“หม่ามี๊ไม่ได้ไปต่างประเทศใช่ไหม ไม่ได้หนีผมไปอยู่ในที่ไกลๆ ใช่ไหม”
“ใช่ เธอยังอยู่ที่ไทย เพราะยังไงเธอก็เป็นดาราคงไม่หายไปเงียบๆ”
“ถ้าอย่างนั้นอาธาราพาผมไปหาหม่ามี๊หน่อยได้ไหม”
“ได้สิ แต่ไม่ใช่วันนี้นะ วันนี้หลานต้องเก็บของกลับไปอยู่กับคุณปู่คุณย่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม