ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 109

คืนวันนั้นดาหลารีบโทรไปหากลุ่มนักฆ่าที่เธอเคยจ้างให้ไปจัดการกับยี่หวา ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับ สรุปว่าเธอต้องเสียเงินให้พวกมันฟรีๆ ใช่ไหม ตั้งแต่ที่ยี่หวากลับมาทุกอย่างรอบตัวเธอก็ดูแย่ไปหมด เพราะมันคนเดียว! ไม่รู้จะมาเป็นมารในชีวิตเธอไปถึงเมื่อไหร่ คนอย่างมันสมควรตายไปตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว…

วันนี้ช่วงเช้ายี่หวามีนัดกับหมอเพื่อทำการกระตุ้นสมอง “คนไข้พร้อมนะครับ ทำตัวตามสบายไม่ต้องเกร็ง ไม่เจ็บครับแค่รู้สึกเหมือนมดกัด” ยี่หวาพยักหน้ารชานนท์ก็เริ่มลงมือทันที จนเวลาผ่านไปเกือบสามสิบนาที “รู้สึกยังไงบ้างครับ”

“ปกติค่ะ”

“โอเคครับ งั้นหมอจะนัดคนไข้ให้มาโรงพยาบาลทุกวันจันทร์กับวันศุกร์ เวลาประมาณนี้ คนไข้สะดวกไหม”

“ได้ค่ะ”

หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล ยี่หวาก็เข้าบริษัทตามที่ควิลเลอร์ทักไลน์มาบอกเมื่อเช้า เพื่อจะคุยรายละเอียดเรื่องรายการอาหารที่ต้องถ่ายทำพรุ่งนี้ แถมยังมีเรื่องที่เธอไปงานเลี้ยงต้อนรับเมื่อวานด้วย เพราะมีหลายคนสงสัยว่าเธอเกี่ยวข้องกับตระกูลนั้นยังไง ซึ่งสืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ที่มีข่าวลือว่ายี่หวากับพีรพัฒน์เป็นพี่น้องกัน

ซึ่งยี่หวาก็ได้โพสต์ชี้แจ้งแล้วว่าเธอกับสองพี่น้องเคยเจอกันที่ทะเลเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความสัมพันธ์กับพีรพัฒน์อีกเช่นเคย เธอไม่ได้โกหกแต่เธอแค่ไม่ได้บอก ทำให้ตอนนี้ความสงสัยของแฟนคลับลดลงไปมาก

[พี่ยี่หวาสวยมากเลย ขนาดดูก็รู้ว่าพี่แต่งเบาแล้ว แต่ก็ดูแพงมาก]

[ผมว่าเธอดูสวยกว่าดาหลาที่ใส่ชุดเดรสเกาะอกยาวลากพื้นที่อย่างกับมาเดินงานพรหมแดงที่ไหนสักที่]

[รูปคู่ยี่หวากับเดวิลเคมีเข้ากันมาก อยากให้ทั้งสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ คงจะฟินมาก [พูดถึงดาหลาฉันได้ข่าวจากวงในมาว่าเธอโดนภูวิศหักหน้ากลางงานเลยจ้า ตอนแรกมีนักข่าวถ่ายรูปเธอคู่กับเขาเยอะมาก แต่กลายเป็นว่าไม่มีรูปคู่สักใบบนอินเทอร์เน็ต]

[พูดถึงพ่อของลูกใจฉันก็ละลายทุกทีเลย ตอนแรกที่รู้ว่าอายุ 34 ก็คิดว่าเป็นชายแก่ที่ไหน แต่พอได้เห็นรูปแล้วอายุห่างกันหนึ่งรอบก็ไม่ใช่ปัญหา]

[อยากรู้เลยว่าทำไมประธานภูวิศถึงยอมออกมาเปิดตัว หลังจากที่ปิดบังตัวเองมานานมาก รู้สึกเสียดายหน้าหล่อๆ ของเขา]

[แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ฉันพรินต์รูปเขาแปะเต็มฝาผนังห้องแล้ว]

ธาราธรที่นั่งอ่านคอมเมนต์ก็อยากจะพิมพ์กลับไปว่าที่พี่เขายอมเปิดตัวก็เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวที่ชื่อว่ายี่หวาเท่านั้น ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยเลย

แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลสักนิด!

“หนังภาคต่อที่เธอเคยเล่นอีกสองสามเดือนก็จะเปิดกล้องแล้วนะ เตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ ส่วนรายละเอียดไว้ฉันจะแจ้งให้ทราบอีกที แล้วก็ช่วงนี้มีหนังเรื่องหนึ่งติดต่อมาอยากให้เธอไปแสดงเป็นเพื่อนนางเอกที่ถูกรังแกจนฆ่าตัวตายตอนเด็ก แค่ไม่กี่ฉากเธอคิดว่าไง” ควิลเลอร์หันไปพูดกับยี่หวาที่นั่งดูคอมเมนต์แฟนคลับอยู่

“ก็ได้ค่ะ ฉันไม่มีปัญหา แล้วก็ขอตารางงานด้วยนะ เพราะเดี๋ยวอีกไม่กี่เดือนจะมีจัดแฟชั่นโชว์กลัวว่างานจะชนกัน”

“อยากไปด้วย!” ควิลเลอร์ส่งเสียงหวานที่ถูกดัดให้ยี่หวา

“ถ้าพี่ว่างก็ไปด้วยกันก็ได้ค่ะ” ดีซะอีกเธอจะได้ไม่เหงาเดินทางคนเดียว

ควิลเลอร์แทบจะลุกขึ้นกระโดดกอดยี่หวา ไม่คิดว่าเธอจะให้ไปด้วย “ฉันโชคดีอะไรขนาดนี้เนี่ย! ขอบคุณเธอมากเลยนะ เออจริงสิ ฉันถามได้ไหมว่าเธอมีปัญหาอะไรกับครอบครัวหรือเปล่า”

เขาคงสงสัยเรื่องที่เธอไม่บอกความจริงว่าเป็นน้องของพีรพัฒน์แล้วก็ยังปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นสินะ

“ก็ไม่ถึงกับมีปัญหาหรอกค่ะ ฉันอยู่กับพ่อตั้งแต่เด็ก ก็เลยไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนที่บ้านนั้น มีแต่พี่พีชที่เป็นพี่แท้ๆ เท่านั้นค่ะ”

“ครอบครัวเธอนี่ซับซ้อนดีเนอะ”

“ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“อืม พรุ่งนี้ที่สตูดิโอเอสวีเก้าโมง”

ยี่หวาเข้ามาสำนักงานต่อเพื่อเคลียร์งานที่ค้าง แต่พอมองนาฬิกาเห็นว่าใกล้บ่ายสามแล้วก็อดรู้สึกคิดถึงเรนจิไม่ได้ เพราะเมื่อวานเธอยังไม่ได้เจอคนเก่งของเธอเลย แต่ถ้าเธอไปก็จะเกิดการผูกมัดขึ้นอีก บางทีเธออาจจะใจอ่อนกลับไปทำให้พวกเขาเกินอันตรายก็ได้

แต่อย่างน้อยก็ขอไปสังเกตการณ์หน่อยแล้วกัน ดังนั้นยี่หวาจึงขอยืมรถอมีเลียเพราะรถของเธอวายุคงจำได้หมดแล้ว จากนั้นก็ขับมาจอดหน้าโรงเรียนอนุบาลที่ไม่ได้มานานมากแล้ว โชคดีที่รถของอมีเลียเป็นฟิล์มทึบ คนข้างนอกเลยมองไม่เห็นเธอ

จะว่าไปสงสัยผู้ปกครองพวกนี้คงจะกลัววายุมาก ทำให้ไม่มีข่าวที่เธอเคยมาโรงเรียนหลุดรอดไป ต่างคนก็ต่างปิดปากเงียบแม้แต่ครูที่โรงเรียนด้วย

ตั้งแต่ที่ยี่หวากลายมาเป็นดาราเหล่าผู้ปกครองต่างก็ใช้เธอเป็นตัวล่อให้ลูกกลับบ้าน โดยอ้างว่าจะเปิดหนังที่เธอแสดงให้ดู ซึ่งพวกเด็กๆ ก็ว่านอนสอนง่ายไม่ดื้ออีกเลย แม้ว่าทุกคนจะมีสงสัยบ้างแต่ก็ทำได้แค่เก็บความสงสัยนั้นกลับไป

โรงเรียนเลิกได้สักพักยี่หวาก็เห็นวายุที่หน้าตาหมองคล้ำเดินเข้าไปรับเรนจิ วินาทีต่อมาเธอก็มองเห็นเรนจิ ซึ่งคนเก่งของเธอตอนนี้ก็มีสภาพไม่ต่างจากวายุเท่าไหร่นัก ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะเธอ เธอทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นแบบนี้ แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็กลับไปอยู่ตรงจุดนั้นไม่ได้อยู่ดี

ก็หวังว่าวันหนึ่งพวกเขาจะลืมเธอได้

ยี่หวาขับรถออกมาด้วยจิตใจที่บอบช้ำ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่รู้ว่าเธอกลายเป็นคนขี้แยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เธอได้สติรีบกดรับสาย “ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าโดนคนสะกดรอยตาม”

เสียงนี้มัน… “ฮาเดส? นี่นายมีเบอร์ฉันได้ยังไง!”

“ที่รักลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นใคร แล้วก็ขอเตือนว่าทางที่ดีอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นอีก” น้ำเสียงกดต่ำแสดงออกถึงคำสั่ง

“ฉันว่าคนที่สะกดรอยตามฉันก็เป็นนายนี่แหละ คงไม่มีใครทำตัวโรคจิตได้แบบนายอีกแล้ว”

“ที่รัก ดูเหมือนว่าเธอจะประเมินผู้ชายคนนั้นต่ำไปนะ ในเมื่อเธอไม่จัดการงั้นฉันจะเป็นคนจัดการเอง” อีกสายว่าจบก็วางสายไปปล่อยให้ยี่หวาร้อนรน

หรือว่าวายุจะส่งคนให้สะกดรอยตามเธอ เพราะอย่างนั้นเรื่องที่เธอโดนลักพาตัวไปเมื่อคราวก่อนคนของเขาก็เลยตามมาช่วยได้ทันสินะ ยี่หวาไม่รอช้ารีบกดโทรศัพท์หาวายุ อย่างน้อยๆ ก็ขอให้คนของเขาปลอดภัย อย่าได้มาตายเพราะเธอเลย ไม่รอให้ถึงหนึ่งวิปลายสายก็กดรับ

“คุณบอกให้คนของคุณที่กำลังตามฉันอยู่กลับไปเดี๋ยวนี้” ยี่หวาพูดด้วยเสียงเย็นชาแสดงออกถึงความไม่พอใจ ทั้งที่ภายในใจอยากจะพูดกับเขาดีๆ เหมือนเดิม แต่เธอก็กลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน

“เธอรู้?” วายุถามกลับอย่างสงสัย เพราะคนของเขาก็มีฝีมือในการแอบสะกดรอยตามพอสมควร แล้วทำไมเธอถึงรู้ได้

“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ดังนั้นคุณก็ไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกับฉันอีก” ยี่หวาพูดอย่างเด็ดขาด แม้ว่าตอนนี้น้ำตาที่กลั้นไว้จะไหลออกมาตั้งแต่คำพูดสองคำที่ออกมาจากปากของวายุแล้ว

“แล้วทำไมเธอถึงได้มาที่โรงเรียนอนุบาล ไหนจะสายตาที่เธอมองฉันที่งานนั่นอีก แล้วทำไมตอนนี้เธอต้องร้องไห้ด้วย” วายุพูดออกมาอย่างสั่นเครือ เพราะเขาไม่เข้าใจคำพูดกับการกระทำที่สวนทางกันของหญิงสาว

“…” ยี่หวาถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขารู้ได้ยังไงว่าตอนนี้เธอกำลังร้องไห้

“ถ้าเธอรักฉันขอแค่เธอพูดออกมา ฉันเชื่อว่าจะไม่มีใครสามารถทำอะไรเราได้”

“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย สั่งให้คนของคุณกลับไปเดี๋ยวนี้” ว่าจบยี่หวาก็กดตัดสายก่อนจะร้องไห้ออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม