ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 115

เพล้ง!

เสียงจานตกแตกเพราะมือของยี่หวาลื่น ขณะที่กำลังล้างจานอยู่ ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เธอกำลังใจลอยอะไรอยู่ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ยี่หวาทำจานแตกแบบนี้

หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะ…

ขณะที่ยี่หวากำลังเก็บเศษจานที่แตก เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น เธอรีบเดินไปเปิดประตูด้วยความหวาดระแวง จากนั้นก็ถึงกับนิ่งค้างไป เพราะด้านนอกประตูนั้น วายุในชุดสูทสีดำบนใบหน้ามีเหงื่อท่วม กำลังยืนหอบหายใจอยู่

“เกิดอะไรขึ้นคะ? ทำไมคุณถึงได้ดูรีบร้อนแบบนี้” ยี่หวาถามออกไปอย่างร้อนรน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาดูเสียอาการขนาดนี้

“เรน…” วายุที่ยังไม่หายเหนื่อยจึงพูดออกมาได้ขำเดียว

เพียงแค่ยี่หวาได้ยินชื่อคนเก่งของเธอ ในใจก็ลุกลี้ลุกลน “เรนทำไมคะ? เรนเป็นอะไร”

วายุถอนหายใจเข้าก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “เรนถูกรถชน ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”

คำพูดของวายุทำให้ยี่หวารู้สึกราวกับว่าหัวใจร่วงหล่นลงไปในหุบเหวลึก ยี่หวาร้อนรนทันที “คุณว่าอะไรนะ? เรน…โดนรถชนงั้นเหรอ”

“แม่ฉันโทรมาบอก ฉันกำลังไปหาเรน ก็เลยแวะมารับเธอด้วย”

“งั้นเรารีบไปกันเถอะค่ะ ไปรถฉัน ฉันขอขับเองค่ะ” ยี่หวาเอื้อมมือไปจับมือวายุแล้วพาไปที่รถทันที สิบนาทีต่อมาทั้งสองคนก็มาถึงโรงพยาบาล ยี่หวาไม่รอช้ารีบวิ่งมาที่หน้าห้องฉุกเฉินก็พบกับดาหลา และพิชญ์สิณีที่กำลังนั่งร้องไห้โดยมีธวัฒน์คอยปลอบอยู่

ยี่หวาเดินก้มหน้าก้มตาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพวกเขา วายุเดินมานั่งข้างยี่หวาก่อนจะเอื้อมมือมาบีบมือเธอเบาๆ ต่อหน้าทั้งสามคน แต่ในเวลานี้ยี่หวาไม่ได้สนใจแล้วจึงไม่ห้ามเขา แถมเธอยังหมุนตัวเอาหน้าซุกไว้ที่อกเขาแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

วายุเอื้อมมือมาลูบหัวเธอเบาๆ พร้อมเอ่ยอย่างอ่อนโยน “เรนจะต้องไม่เป็นไร”

“อื้อ”

ผ่านไปสักพักหมอก็เปิดประตูออกมาจากห้องฉุกเฉินด้วยสีหน้าร้อนรน “ขอโทษนะครับ ใครเป็นญาติผู้ป่วย พอดีผู้ป่วยเสียเลือดมาก แถมตอนนี้เลือดกรุ๊ป O ในคลังของโรงพยาบาลมีไม่เพียงพอ ต่อให้รับมาจากโรงพยาบาลอื่นตอนนี้ก็เกรงว่าจะไม่ทัน...”

พิชญ์สิณีที่ได้สติก็รีบเอ่ยขึ้น “ดาหลาหนูให้เลือดเรนได้ไหม พอดีที่บ้านไม่มีใครเลือดกรุ๊ปโอเลย”

“ขอโทษค่ะคุณแม่…พอดีหนูเลือดกรุ๊ปเอ…ค่ะ” ดาหลาพูดพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

ยี่หวาที่ได้ยินดังนั้นก็รีบตะโกนขึ้น “ฉันเลือดกรุ๊ปโอค่ะ ให้ฉันได้ให้เลือดกับเรนเถอะนะคะ ขอร้องเถอะค่ะ” วายุหันไปทำหน้าไม่เห็นด้วยใส่ยี่หวา เธอจึงส่งสายตาอ้อนวอนให้เขา “นะคุณ ฉันแข็งแรงดีค่ะ ฉันไม่เป็นไร”

พิชญ์สิณีที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่เพื่อให้หลานชายรอด ครั้งนี้คงต้องยอมไปก่อน “อืม”

“งั้นเชิญคุณผู้หญิงทางด้านนี้เลยค่ะ” พยาบาลเดินมานำทางยี่หวามายังห้องถ่ายเลือดเพื่อตรวจสอบก่อนว่าเลือดทั้งสองคนเข้ากันได้ไหม มีโรคแทรกซ้อนอะไรหรือเปล่า

เวลาผ่านไปเกือบสี่ชั่วโมง ยี่หวาก็เดินหน้าซีดกลับมาหาวายุ เขารีบลุกขึ้นไปประคองเธอทันที “เธอโอเคไหม เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย”

“พี่! เรนเป็นยังไง เรนปลอดภัยใช่ไหม” ธาราธรที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนวิ่งเข้ามาหาวายุด้วยท่าทางตื่นตระหนก

“ต้องปลอดภัย” วายุพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ใช่ๆ เรนต้องปลอดภัย เรนต้องไม่เป็นอะไร” ธาราธรรีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วยทันที “แล้วทำไมยี่หวาดูหน้าซีดขนาดนั้น”

“เธอเพิ่งถ่ายเลือดให้เรน”

ธวัฒน์ลุกขึ้นเดินมาหายี่หวาที่กำลังนั่งซึมอยู่ ก่อนจะยื่นกระดาษใบหนึ่งให้เธอ และเดินกลับไปนั่งที่เดิม

ยี่หวารับมาอย่างมึนงงก่อนจะคลี่กระดาษออก บนกระดาษมีตัวอักษรที่ค่อนข้างอ่านยากเขียนด้วยดินสอ แต่เมื่อเธออ่านจบน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง ร้องไห้จนตัวโยน วายุที่เห็นรีบเอื้อมมือมาประคอง ก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นมาดู

[ผมขอโทษที่ต้องกลายเป็นเด็กไม่ดี แต่ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีหม่ามี๊ ถ้าผมเกิดใหม่อีกครั้ง ขอให้ผมได้เกิดมาเป็นลูกของหม่ามี๊นะครับ]

วายุหัวใจกระตุกวูบพลัน อย่าบอกนะว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดจากความตั้งใจของเรนจิ เขาต้องการตายเพื่อที่จะได้ไปเกิดใหม่อย่างนั้นเหรอ…

“ฮือ…เป็นความผิดของฉัน…เพราะฉันกลัวว่าจะเข้าไปทำลายชีวิตพวกคุณก็เลยเลือกที่จะเดินออกมา…แต่ไม่คิดว่าเรน…เรนเขา…ฮึก! ฉันเป็นคนทำร้ายเรน เพราะฉัน…ฉันขอโทษ” ยี่หวาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แม้แต่เสียงพูดยังขาดหายเป็นช่วงๆ

วายุฟังแล้วก็รู้สึกปวดไปทั้งหัวใจ เขายื่นอุ้งมือใหญ่เข้าลูบหลังของเธออย่างเบามือประหนึ่งกำลังสัมผัสกับกระจกที่แม้แต่สัมผัสเพียงนิดเดียวก็สามารถแตกได้โดยง่าย

“อย่าโทษตัวเอง…เธอไม่ได้ทำอะไรผิด”

คงเป็นเพราะความหวาดกลัว ยี่หวาจึงร้องไห้อยู่หลายกว่านาทีจึงหยุดลงได้ จากนั้นก็สะอึกสะอื้นติดต่อกันหลายครั้ง

ดาหลาได้แต่กำมือแน่น กัดริมฝีปากจนเลือดออก มองดูภาพตรงหน้าอย่างอาฆาต แต่เธอก็ต้องเก็บมันไว้เพราะตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรต่อหน้าพิชญ์สิณีและธวัฒน์ได้

ผ่านไปครู่หนึ่งคุณหมอท่านเดิมก็เปิดประตูออกมา แต่ทว่าคราวนี้ใบหน้ากลับดูดีขึ้นกว่าเดิม “ผู้ป่วยปลอดภัยแล้วครับ หมอขอแสดงความยินดีด้วยครับ”

ยี่หวาที่ได้ยินรีบเข้าไปกอดวายุทั้งน้ำตาจนเสื้อเขาเปียกชื้นไปหมด “เรนปลอดภัยแล้ว เธออย่าร้องไห้เลยนะ” เพราะเขารู้สึกแย่ทุกครั้งที่เห็นน้ำตาของเธอ

ภายในห้องพักผู้ป่วย

ยี่หวานั่งมองเรนจิที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง มือเล็กมีเข็มจากสายน้ำเกลือทิ่มอยู่ ทำให้เธอที่เห็นก็อดน้ำตาซึมออกมาอีกครั้งไม่ได้ โชคดีที่วายุไล่ทุกคนกลับบ้านไปหมดแล้ว ทำให้ยี่หวาสามารถจับมือของเรนจิได้

หลังจากผ่านไปได้สักพักเรนจิที่รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมา พอเห็นหน้ายี่หวาเขาก็ร้องไห้โฮออกมาทันที ยี่หวาถึงกับตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก วายุรีบลุกขึ้นจากโซฟาเดินมาดู “ลูกเจ็บตรงไหน ร้องไห้ทำไม”

“ฮือ…ทำไมผมยังไม่ตาย…ทำไมผมถึงไม่ได้ไปเกิดเป็นลูกของหม่ามี๊”

ยี่หวาที่ได้ยินแทบจะหยุดหายใจ “เรนอย่าพูดแบบนี้ได้ไหม…หม่ามี๊ขอโทษ ขอโทษที่ทิ้งเรน หม่ามี๊จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว หม่ามี๊จะไม่หนีไปจากเรนแล้ว เรนเชื่อหม่ามี๊นะ อย่าทำอะไรแบบนั้นอีกได้ไหม หม่ามี๊ขอร้อง”

“ฮึก! ผมไม่อยากอยู่ให้หม่ามี๊ลำบากใจ เพราะยังไงผมก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของหม่ามี๊ วันหนึ่งถ้าหม่ามี๊มีเด็กคนอื่น หม่ามี๊ก็ทิ้งผมไปอยู่ดี”

“ไม่ทิ้ง! หม่ามี๊จะไม่ทิ้งเรนไปไหน เรนอยู่กับหม่ามี๊ได้ไหม” ยี่หวากำมือเรนจิไว้แน่น พร้อมกับส่ายหัวไปมา

“ผมกลัวหม่ามี๊โกหกอีก เพราะหม่ามี๊เคยโกหกผม”

“หม่ามี๊จะไม่โกหกเรนแล้ว ครั้งนี้ไม่ว่าจะใครหน้าไหนก็ไม่มีทางมาทำให้หม่ามี๊ต้องแยกจากกับเรนอีก เรนยกโทษให้หม่ามี๊ได้ไหม”

เรนจิมองหน้ายี่หวาอย่างหวาดระแวง แต่สุดท้ายก็ยอมใจอ่อน ในเมื่อเขายังไม่ตาย เขาเองก็อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีหม่ามี๊ “หม่ามี๊ห้ามทิ้งเรนอีกนะ”

“จ้ะ หม่ามี๊สัญญา หม่ามี๊จะไม่ทิ้งเรนไปไหนอีก เพราะงั้นเรนก็อย่าทำแบบนี้ อย่าทิ้งหม่ามี๊ไปอีกนะ”

“ผมขอโทษครับ ทีหลังผมจะไม่ทำอีกแล้ว” และเรนจิก็หันไปหาวายุ “พ่อ…ผมขอโทษครับ”

“ปลอดภัยก็ดีแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม