หลังจากที่ทั้งสองคนจดทะเบียนสมรสเสร็จยี่หวาก็รีบไล่ให้วายุไปรับเรนจิที่บ้าน เพราะร่างกายเขายังไม่ค่อยแข็งแรงจึงให้หยุดเรียนไปก่อน ส่วนยี่หวาก็กลับมารอที่คอนโดตัวเอง
ทันทีที่วายุเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นพิชญ์สิณีกำลังนั่งคุยกับญาณิศา เขาเดินผ่านทั้งสองคนไปอย่างไม่สนใจ ไม่แม้กระทั่งยกมือไหว้ จนพิชญ์สิณีทนไม่ไหวจึงลุกไปดึงเสื้อเขาไว้ “นี่แกจะเสียมารยาทเกินไปแล้วนะ”
วายุยืนนิ่งไม่ตอบ หันไปมองทั้งสองคนด้วยแววตาแข็งกร้าว พิชญ์สิณีที่เห็นดังนั้นก็รีบปล่อยเสื้อเขา แต่ก่อนที่วายุจะเดินไปก็พูดกับญาณิศาด้วยเสียงเยือกเย็น “อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องคุณกำลังโกหก แต่ที่ผมยังไม่ทำอะไรก็เพราะเรน”
เรนจิที่ได้รับข้อความจากวายุว่าจะเข้ามารับไปหายี่หวาก็รีบเก็บกระเป๋า พอเดินลงมาจากห้องก็เห็นผู้ใหญ่ทั้งสามคนกำลังยืนทำหน้าเครียดอยู่ “มีอะไรกันเหรอครับ”
“หลานจะไปไหน? อย่าบอกนะว่าจะไปหาผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว” พิชญ์สิณีขึ้นเสียงใส่เรนจิก่อนทำท่าจะเข้ามาแย่งกระเป๋าของเขา
วายุจึงรีบอุ้มเรนจิขึ้น “ลูกชายผม ผมจัดการเอง”
“แต่เรนก็เป็นหลานแม่เหมือนกันนะ”
“เป็นหลานของน้าด้วย” ญาณิศาที่เงียบอยู่นานเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง วายุจึงตวัดสายตาไปมองอย่างไม่พอใจ แต่เพราะอยู่ต่อหน้าลูกชายจึงเก็บอาการโกรธไว้
วายุไม่สนใจอุ้มเรนจิเดินออกมาจากบ้าน แล้วขับรถออกไปทันที พอเรนจิมาถึงคอนโด ยี่หวาก็รีบเข้าไปกอดเรนจิไว้แน่น “หม่ามี๊คิดถึงหนูจังเลย”
“ผมก็คิดถึงหม่ามี๊มากเหมือนกันครับ” แม้ว่าเขาจะโกรธพ่อที่หนีไปเที่ยวกับหม่ามี๊ แล้วปล่อยให้เขาอยู่บ้านอย่างเหงาๆ ตั้งหลายวัน แต่เห็นแก่ที่เมื่อกี้พ่อช่วยให้เขาได้มาหาหม่ามี๊จะหายโกรธให้ก็ได้ “คิดถึงพ่อด้วย”
“หืม?” วายุยกคิ้วขึ้นแสดงอาการประหลาดใจ ลูกชายเขาไปกินอะไรผิดปกติมาหรือเปล่า
ยี่หวาที่เห็นท่าทางของสองพ่อลูกก็หัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าเธอต้องปลูกฝังให้ลูกชายตัวเองรักพ่อของเขามากกว่านี้หน่อยแล้ว “ทั้งสองคนมากินข้าวกันเถอะ”
“เย้! ไม่ได้กินกับข้าวฝีมือหม่ามี๊นานแล้ว”
“หม่ามี๊ขอโทษนะ” ขอโทษที่ปล่อยให้ลูกอยู่กับคนจิตใจอำมหิตตั้งนาน ขอโทษที่เคยคิดว่าไม่อยากให้ความจำกลับมา แถมยังเกือบทำให้ลูกต้องตายเพราะความโง่ของตัวเองอีก
เรนจิเข้าใจว่าที่ยี่หวาขอโทษเป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอทิ้งเขาไป “ผมไม่โกรธหม่ามี๊แล้วครับ หม่ามี๊อย่าร้องไห้สิครับ”
ยี่หวารีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังร้องไห้ ส่วนวายุที่กำลังก้มหน้าดูโทรศัพท์ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองยี่หวา “เธอเป็นอะไร?”
“เปล่าค่ะ แค่ดีใจนิดหน่อย”
“ไม่ต้องร้อง เรนปลอดภัยแล้ว” วายุเอื้อมมือไปดันหัวยี่หวาให้ซุกเข้ามาในอ้อมอก พร้อมกับลูบหัวเธอเบาๆ อย่างปลอบโยน
“ฮือ…” แต่ดูเหมือนว่ายี่หวาจะร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีก เรนจิที่ยืนมองก็ทำอะไรไม่ถูกจึงเอื้อมมือไปจับมือยี่หวาไว้แน่น
ผ่านไปสักพักกว่ายี่หวาจะหยุดร้องไห้ อาหารที่เธอทำไว้ก็เย็นพอดี วายุจึงมีหน้าที่เอาอาหารไปอุ่นให้ร้อน ส่วนยี่หวาก็นั่งรอที่โต๊ะทานข้าวกับเรนจิ “ขอโทษที่ทำให้ทั้งสองคนเป็นห่วง”
“เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม