สรุปตอน [ตอนที่ 13 ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉัน] – จากเรื่อง ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม โดย -BUTTER-
ตอน [ตอนที่ 13 ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉัน] ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม โดยนักเขียน -BUTTER- เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน ยี่หวาเริ่มรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอย่างสบายอยู่บนโซฟา โดยบนตัวมีผ้าห่มคลุมไว้อยู่
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“เอ่อ…กี่โมงแล้วคะ”
“อีกยี่สิบนาทีเที่ยง”
ยี่หวารีบลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที แสดงสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด “นี่หนูหลับไปนานมากเลยใช่ไหม งั้นเดี๋ยวหนูขอตัวไปทำแผลก่อน”
วายุมองหญิงสาวตรงหน้าที่มีท่าทางลุกลี้ลุกลน เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอานิ้วชี้มาทางเธอและหันกลับไปชี้ที่ศีรษะตัวเอง หมายความว่าให้เธอจับที่หัวเหรอ
ยี่หวาเอื้อมมือไปสัมผัสที่ศีรษะก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้บนศีรษะของเธอมีผ้าพันแผลพันอยู่ แสดงว่าตอนที่เธอหลับแผลของเธอถูกจัดการเรียบร้อยแล้วสินะ
“พี่วายุทำแผลให้เหรอคะ”
“ฉันเรียกหมอมา”
“แฮะๆ นั้นสินะ” เขาจะเย็บแผลได้ยังไง “ขอบคุณพี่วายุมากเลยนะคะ ที่ให้หนูยืมห้องน้ำ แถมยังเตรียมเสื้อผ้า อุปกรณ์อาบน้ำให้หนูหมดเลย ไม่เคยมีใครดีกับหนูขนาดนี้มาก่อนเลยนอกจากแม่นม”
“ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจ”
“ถ้าพี่ต้องการให้หนูช่วยอะไรรีบบอกเลยนะคะ ถึงแม้ว่ามันจะยาก แต่หนูก็จะทำ” ยี่หวาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“งั้นเธอช่วยดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ได้ไหม อย่าให้คนอื่นมารังแกได้อย่างที่ผ่านๆ มา” วายุตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน
“พี่รู้?” ยี่หวามีสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้างุนงง
“อืม”
“พี่เชื่อว่าหนูไม่ได้ทำจริงๆ เหรอ” ยี่หวาถามคำถามหนึ่งออกมา ซึ่งเธอคิดว่าชาตินี้เธอจะไม่มีวันได้พูดเสียแล้ว
“ฉันเชื่อเธอ”
ดวงตายี่หวาเป็นประกายขึ้นมาทันที “ทั้งที่ในโรงเรียนนี้ไม่มีใครเชื่อหนูเลยสักคน แต่พี่เชื่อหนูจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่เชื่อที่น้องชายของพี่พูดใช่ไหม”
“ใช่ เพราะงั้นวันนี้ฉันถึงได้มาโรงเรียน เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด”
ยี่หวาได้ยินดังนั้น น้ำตาที่อดกลั้นมาตลอดสามปีก็ไหลออกมา น้ำเสียงสะอึกสะอื้นถูกเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “ที่แม่นมพูดเป็นความจริง…แม่นมบอกกับหนูว่าสักวันหนูจะเจอคนที่เชื่อหนู ต้องมีสักวันขอเพียงให้หนูอดทนรอวันนั้น หนูดีใจที่หนูไม่ยอมแพ้ พยายามอดทนมาตลอดหลายปี…”
วายุที่เห็นหญิงสาวตรงหน้าร้องไห้ก็ตกใจ แต่ก็ผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่าในสายตาของหญิงสาวกำลังมีความสุข “ฉันขอโทษที่มาช้า”
ยี่หวาส่ายหัวไปมา พลางเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ “แค่หนูเจอพี่วายุก็คุ้มกับที่รอแล้วค่ะ”
“ฉันสั่งข้าวมาอยู่บนโต๊ะ กินสักหน่อยเธอต้องกินยา”
ยี่หวาหันไปมองบนโต๊ะก็เจอกับข้าวสองกล่อง “แล้วพี่วายุยังไม่กินเหรอคะ”
“เธอกินก่อนเลย”
“กินพร้อมกันได้ไหมคะ” ยี่หวาส่งสายตาออดอ้อนไปให้
“ได้” ว่าจบวายุก็เดินมานั่งบนโซฟาข้างหญิงสาว “ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบกินอะไรก็เลยสั่งเมนูพื้นฐานมาให้ เธอกินข้าวผัดได้ใช่ไหม”
“หนูกินได้หมดค่ะ ขอแค่ไม่ใช่กุ้งก็พอ”
“เธอแพ้กุ้งเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
วายุถอนหายใจโล่งอก ดีนะที่เขาสั่งข้าวผัดหมูมา เพราะตอนที่สั่งเขากำลังลังเลอยู่เลยว่าจะสั่งข้าวผัดทะเลให้เธอดีไหม…ดีที่เขาไม่ได้สั่ง
“แล้วเธอแพ้อะไรอีกไหม”
“ไม่น่าจะมีแล้วค่ะ เพราะหนูก็ไม่ค่อยได้กินอะไรเยอะ...” ยี่หวาเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “จริงสิ! อันนี้หนูไม่รู้ว่ามันคืออาการแพ้หรือเปล่า แต่ถ้าหนูกินของเผ็ดมากๆ จะปวดท้องค่ะ”
“แสดงว่าเธอไม่กินเผ็ดเหรอ”
“เผ็ดนิดเดียวไม่เป็นไรค่ะ เพราะงั้นก็เลยไม่แน่ใจว่ามันใช่การแพ้หรือเปล่า”
“ดีที่ฉันสั่งข้าวผัดหมูมา”
“พี่วายุรู้ใจหนูตลอดแหละ”
คำพูดธรรมดาที่ออกมาจากหญิงสาวอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่กลายเป็นว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอได้แต่อดกลั้นท่องในใจว่า
“หนูปฏิเสธได้ไหม” ขืนให้ไปกินข้าวกับรุ่นพี่ธาราธร มีหวังเขาได้ฆ่าเธอทางอ้อมด้วยสายตาเป็นแน่
“นี่คือคำสั่ง”
น้ำเสียงคนตรงหน้าเธอหนักแน่นมาก แปลว่าเธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ “แต่หนูไม่ได้มีเงินขนาดนั้นนะ ถ้าจะให้กินทุกมื้อมันก็…”
“ฉันจ่าย ถือว่ามากินเป็นเพื่อน เพราะฉันก็ต้องกินยาเหมือนกัน” แต่พอเห็นท่าทีเกรงใจของหญิงสาวตรงหน้าวายุจึงเน้นย้ำไปอีกครั้ง “คำสั่ง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แต่ว่าตอนเที่ยงขอผ่านได้ไหมคะ พี่วายุก็น่าจะรู้ว่ารุ่นพี่ธาราธรไม่ชอบหนู” แถมค่อนข้างเกลียดเลยก็ว่าได้
“เรื่องนั้น ไว้ผ่านตอนบ่ายไปค่อยว่ากันอีกที” เพราะถ้าเจ้าตัวรู้ว่าตัวเองโดนผู้หญิงพวกนั้นหลอกใช้ คงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆ แล้วก็คงเลิกอคติกับยี่หวาไปเอง
“โอเคค่ะ งั้นหนูขอตัวไปเรียนก่อนนะ”
“เดี๋ยว…เอากระดาษแผ่นนี้ไปด้วย” วายุพูดขึ้นพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ยี่หวา
“นี่มัน…” ซึ่งพอเธอเปิดดูก็พบว่ามันคือกระดาษรับรองการเป็นเจ้าของสร้อยคอเส้นที่เธอใส่อยู่ “พี่วายุต้องอ่านใจหนูได้แน่ๆ เพราะหนูกำลังคิดอยู่เลยว่ากลับไปจะเอายังไงกับสร้อยเส้นนี้ดี เพราะเพื่อนในห้องหาว่าหนูขโมยของคนอื่นมา”
“เธอไม่ได้ขโมย เพราะงั้นไม่มีอะไรต้องกลัว”
“หนูไม่กลัวอยู่แล้ว มันคือเครื่องรางที่พี่วายุอุตส่าห์ให้หนู หนูเชื่อว่ามันจะต้องปกป้องหนูได้แน่”
“อืม” สีหน้าของวายุเห็นได้ชัดว่าพึงพอใจมาก ที่ตัดสินใจสั่งทำสร้อยเส้นนี้ให้หญิงสาว “เธอไปเรียนเถอะ”
“ค่ะ งั้นหนูไปแล้วนะคะ”
“เจอกันตอนเย็น”
หมายความว่ายังไง หรือว่า “ที่พี่วายุบอกก่อนหน้านี้ เริ่มวันนี้เลยเหรอคะ”
“อืม เริ่มเย็นนี้เลยแล้วกัน” เพราะเขาคงรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าไม่ไหว แถมถ้าไม่ใช่เย็นนี้ มีหวังหญิงสาวตรงหน้าเขาได้ทานข้าวอีกทีพรุ่งนี้เช้าแน่
“โอเคค่ะ เจอกันตอนเย็นค่ะ”
จากนั้นยี่หวาก็เดินออกมาจากห้องผู้อำนวยการด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม วันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดเลย พี่วายุเปรียบเสมือนพ่อของเธอจริงๆ จัดการทุกเรื่องให้เธอได้อย่างเรียบร้อย ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องเลย
ถ้าพ่อแท้ๆ เป็นได้สักครึ่งของพี่วายุก็คงจะดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม