ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 131

ทันทีที่ยี่หวากลับมาถึงคอนโดก็เจอพีรพัฒน์ยืนอยู่หน้าห้อง ด้วยท่าทางดูเป็นกังวล “อ้าว! พี่พีช มาหาหวามีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“เราโอเคใช่ไหม?”

“เรื่องข่าวของดาหลากับคุณวายุใช่ไหม ถ้าเป็นเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ ก็แค่ข่าวโคมลอยอย่าไปสนใจเลยค่ะ พี่ก็รู้นี่ว่าหวาจดทะเบียนกับคุณวายุแล้ว เพราะงั้นหวาไม่มีทางกลายเป็นมือที่สามแน่นอนค่ะ”

“เราไม่เป็นอะไรพี่ก็สบายใจ”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วหวาเข้าห้องก่อนนะ เดี๋ยวคุณวายุกลับมาแล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่” เพราะวันนี้เธอไม่ได้เอาคนติดตามไปด้วย ถ้าเขารู้ว่าเธอออกไปข้างนอกมาจะต้องโกรธมากแน่ๆ

“ไม่ทัน” น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องยี่หวาที่ถูกเปิด ตามด้วยร่างสูงใหญ่มองเธอด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาได้ วายุก้มหน้าไปสั่งลูกชาย “เรนไปอยู่กับลุงพีชก่อน”

เรนจิไม่ตอบแต่ส่ายหน้าไปมาอย่างหนักแน่น ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ปล่อยให้หม่ามี๊อยู่กับพ่อสองคนแน่ วายุจึงส่งสายตากดดันไปให้ยี่หวาเป็นฝ่ายพูดแทน ซึ่งเธอเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธ “คนเก่งไปอยู่กับลุงพีชก่อนนะ”

“ก็ได้ครับ” เรนจิรีบพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ผิดกับท่าทางต่อต้านวายุเมื่อครู่ลิบลับเลย

หลังจากที่เรนจิเข้าไปในห้องของพีรพัฒน์แล้ว วายุก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องไปโดยไม่สนใจยี่หวา เธอค่อยๆ เดินตามหลังวายุอย่างช้าๆ ก้มหน้าก้มตาสำนึกผิด เธอรู้ว่าเธอผิด แต่เธออยากที่จะเซอร์ไพรส์เขานี่

ยี่หวาปิดประตูห้องแล้วเดินไปยังโซฟาที่มีชายหนุ่มกำลังนั่งแผ่ความไม่พอใจออกมา รอบกายเต็มไปด้วยบรรยากาศชวนอึดอัด

“ฉันขอโทษ” น้ำเสียงยี่หวามีความกระอักกระอ่วน สายตาก้มมองมือของตัวเองที่กำลังอยู่ไม่สุข พอจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน่อยก็เห็นหน้าตาที่หล่อเหลาของเขานิ่งขรึมขึ้นไปอีก “คุณไม่เป็นแบบนี้ได้ไหมคะ ฉัน…”

หมับ!

ยังไม่ทันที่ยี่หวาจะพูดจบร่างกายเธอก็ถูกวายุดึงเข้าไปกอดอย่างแรง มันแน่นมากจนเธอเกือบจะหายใจไม่ออก

“ฉันเป็นห่วงเธอมาก ฉันกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับเธออีก ทีหลังไม่ทำแบบนี้แล้วได้ไหม” วายุพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ ทำเอายี่หวาถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“เอ่อ…” ให้เขาโกรธเธอยังดีกว่าที่เขาทำแบบนี้กับเธออีก มันทำให้เธอยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ที่ทำให้เขาเป็นห่วงขนาดนี้ “ฉันผิดไปแล้วค่ะ”

“เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว” วายุถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เห็นว่าหญิงสาวไม่เป็นอะไร ตอนที่เขากลับมาถึงคอนโดแล้วไม่เจอเธอกับเรนทำเอาเขากระวนกระวายเป็นอย่างมาก แต่พอเปิดจีพีเอสที่แอบติดกับโทรศัพท์เธอไว้แล้วเห็นว่าเธอกำลังขับรถกลับมาก็หายห่วง

“คุณไม่โกรธฉันแล้วใช่ไหมคะ” ยี่หวาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอย่างออดอ้อน วายุไม่ตอบแต่ก้มหน้าลงประกบริมฝีปากปิดปากเล็กของเธอเอาไว้ ปลายลิ้นสอดแทรกเข้าไปในปากของเธออย่างช่ำชองเพื่อดื่มด่ำความหวานฉ่ำอย่างอดไม่ได้

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แต่เหมือนเพิ่งจะผ่านไปเพียงชั่วพริบตา ในที่สุดวายุก็ยอมถอนจุมพิตจากยี่หวาอย่างอ้อยอิ่ง ยี่หวารู้ได้ทันทีเลยว่าปากเธอตอนนี้ต้องบวมมากแน่ๆ “แสดงว่าคุณหายโกรธฉันแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันไปหาเรนก่อนนะ”

“ยัง” วายุตอบกลับมาแค่คำเดียวก่อนจะอุ้มยี่หวาขึ้นแล้วดันหลังเธอให้ชิดกับกำแพง และพูดออกมาอีกสองคำด้วยเสียงแหบแห้ง “ดอกเบี้ย”

ยี่หวารู้ได้ทันทีว่าเขากำลังจะทำอะไร “แต่เดี๋ยวเรนจะรอนาน”

“ปล่อยให้เขารอ” วายุพูดอย่างไม่สนใจและก้มลงประกบจูบยี่หวาอีกครั้ง มือหนาค่อยๆ สอดเข้าไปใต้กระโปรงของยี่หวาและดึงสิ่งปกปิดลงมา

“ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้” ยี่หวาบ่นอุบอิบแต่มือของเธอก็ทำหน้าที่ได้ดีโดยการปลดเข็มขัดและถอดกางเกงวายุออกลงไปกองกับพื้น

“ดูเหมือนจะไม่ใช่ฉันคนเดียว” วายุจัดท่าทางให้มั่นคงก่อนจะใส่เข้าไปในตัวเธอจนสุด โดยไม่รอให้คนที่เขากำลังอุ้มอยู่ได้ปรับตัว พอเห็นว่าเธอกำลังจะอ้าปากบ่น วายุก็รีบก้มหน้าและสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอพร้อมกับตวัดไปมา ยี่หวาจึงต้องกลืนคำที่จะบ่นกลับเข้าไป

“อืม~ ลึกไป…อ๊า~” เมื่อปากของยี่หวาเป็นอิสระเธอก็ครางเสียงหวานออกมา ทำเอาวายุรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

วายุที่เห็นว่าริมฝีปากของยี่หวาตอนนี้บวมมากแล้วจึงกลั้นใจไม่จูบอีก ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าอกเธอ รู้ตัวอีกทีบนตัวยี่หวาก็เต็มไปด้วยรอยแดง รวมถึงหน้าเธอด้วยที่ตอนนี้คงแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศแล้ว

บทเพลงรักผ่านไปได้สักพักจนเสร็จ วายุก็ปล่อยยี่หวาลงบนโซฟาอย่างเบามือก่อนจะจัดเสื้อผ้าเธอให้เข้าที่ตามเดิมรวมถึงของตัวเองด้วย “เธอนั่งพักเถอะ ฉันจะไปเรียกเรนเอง”

ขณะที่นั่งรอวายุ ยี่หวาก็หยิบโทรศัพท์กดเข้าไปดูข่าวในอินเทอร์เน็ต โดยหัวข้อหลักๆ ก็ยังคงไม่พ้นข่าวการหมั้นหมายของประธานภูวิศกับลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังอย่างดนัยณัฐ

[อิจฉาดาหลาจังที่จะได้หมั้นกับประธานภูวิศ แม้ว่าในใจแอบเสียดาย แต่ก็คงต้องขอแสดงความยินดีทั้งน้ำตา]

[ทั้งที่ข่าวออกจะใหญ่ขนาดนี้ แต่ไม่ทำคุณภูวิศไม่เห็นจะออกมาพูดอะไรเลย แถมที่งานเลี้ยงครั้งก่อนเขาก็ปฏิเสธดาหลาต่อหน้าทุกคนเลย หรือว่าการหมั้นหมายครั้งนี้จะเป็นการคลุมถุงชน]

[ฉันว่าต้องใช่แน่ๆ เพราะดูเหมือนว่าคุณภูวิศเองก็ไม่ได้ชอบดาหลาเท่าไหร่]

[แล้วที่ดาหลาโพสต์หมายความว่ายังไง หรือว่าที่ประธานภูวิศไม่สนใจดาหลาเพราะมีคนที่รักอยู่ก่อนแล้ว]

[บ้าหน่า ถ้าเขามีคนรักจริงๆ ทำไมตลอดหลายปีที่ผ่านมาถึงได้ไม่มีข่าวอะไรหลุดรอดออกมาเลย แม้แต่ตอนที่เขาออกมาเปิดตัวก็ดูเหมือนยังโสดด้วยซ้ำ]

[ถ้าโสดก็ดีสิ อย่างน้อยก็ช่วยทำให้คนธรรมดาอย่างเราๆ ฝันกลางวันต่อได้]

[ข่าวด่วน!!! นักแสดงหญิงชื่อดังถูกพบบนเรือยอชต์หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆ โดยผู้จัดการสาวให้การว่า ‘ฉันคิดว่าดาหลาลงจากเรือไปก่อนแล้วเลยไม่ได้เอะใจอะไร แต่หลังจากนั้นฉันก็ติดต่อเธอไม่ได้จึงตัดสินใจมาดูที่เรืออีกครั้ง ก็พบกับดาหลาที่นอนหมดสติอยู่ในห้องน้ำ’ ซึ่งพอนักแสดงคนดังกล่าวฟื้นขึ้นมาก็บอกว่าตัวเองถูกคนกลั่นแกล้ง แต่พอทางเจ้าหน้าที่ไปเปิดกล้องก็พบว่าไม่มีใครเดินผ่านไปตรงนั้นเลยนอกจากตัวเธอเอง]

[ประตูเสียหรือเปล่า มันก็เลยล็อกเองอัตโนมัติ]

[เจ้าหน้าที่เช็กแล้ว พบว่าประตูใช้งานได้ตามปกติ แม้ว่าประตูจะล็อกจากข้างนอกได้แต่ก็เห็นแล้วว่าไม่มีใครผ่านไปแถวนั้น]

[ไม่ใช่ว่าเธอขังตัวเองไว้แล้วมาเรียกร้องความสนใจหรอกนะ ข่าวที่ได้หมั้นกับคุณภูวิศยังไม่พอใจอีกเหรอ]

“หม่ามี๊ดูอะไรอยู่ครับ” เรนจิวิ่งเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงข้างยี่หวาบนโซฟา

“ก็แค่ข่าวไร้สาระ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่คนเก่งหิวหรือยัง” ยี่หวากดปิดโทรศัพท์ แล้วหันไปลูบหัวเรนจิเบาๆ ลูกชายเธอน่าดูกว่าเยอะ

“หิวแล้วครับ”

“งั้นคนเก่งนั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวหม่ามี๊ไปทำอาหารให้ทาน” แต่ยังไม่ทันที่ยี่หวาจะลุกขึ้นเสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้นเสียก่อน “ฮัลโหล”

“เห็นข่าวแล้วใช่ไหม” เสียงโจเซฟดังขึ้นยี่หวาถึงกับต้องขมวดคิ้ว

“คุณมีเบอร์ฉันได้ยังไง” ทำไมเดี๋ยวนี้เบอร์เธอกลายเป็นเบอร์โทรสาธารณะไปเสียแล้วล่ะ ส่วนวายุที่พอได้ยินที่ยี่หวาพูดก็รีบหันมามองทันที

“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก เมื่อวานตอนที่ผมไปดูกล้องวงจรปิดก็พบว่าภาพถูกลบไปแล้วซึ่งนั่นก็เป็นฝีมือคุณใช่ไหม”

“รู้ได้ยังไง”

“ผมก็คิดอยู่ว่าคุณคงไม่โง่พอที่จะทำเรื่องแบบนั้นต่อหน้ากล้องวงจรปิดหรอก แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ ทำไมวันนี้พอให้เจ้าหน้าที่มาเปิดกล้องอีกทีถึงได้มีภาพกลับมาได้ แถมภาพยังถ่ายไม่ติดคุณอีก”

“ฉันเองก็สงสัย ตอนแรกคิดว่าเป็นฝีมือคุณเสียอีก” ยี่หวาจำได้ว่าเธอจัดการลบภาพจากกล้องนั้นไปแล้ว แถมยังทำให้ใช้การไม่ได้อีก

“แสดงว่าไม่ใช่ฝีมือคุณงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่”

“งั้นฝีมือใครกันล่ะ ใครมาทำอะไรกับกล้องวงจรปิดของผมกันเนี่ย ผมว่าระบบของผมก็ไม่ได้เจาะเข้าง่ายขนาดนั้นนะ”

ยี่หวาเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจึงพูดออกมาอย่างหยอกล้อ “ถ้าฉันรู้ว่าใครช่วยฉันจัดการกับกล้องวงจรปิดฉันคงรักตายเลย” ขณะที่พูดสายตายี่หวาก็เหลือบมองไปยังวายุที่กำลังก้มหน้าดูโทรศัพท์อยู่ ซึ่งพอเขาได้ยินยี่หวาพูดคำว่ารัก มุมปากก็กระตุกยิ้มออกมาหนึ่งที “ฉันรู้แล้วว่าเป็นฝีมือใคร”

“คงไม่ใช่แฟนคุณใช่ไหม”

“ไม่ใช่…สามีฉันต่างหาก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม