[ตอนที่ 17 ไม่เพียงแค่ปกป้องแต่ยังนำโชคให้อีกด้วย] – ตอนที่ต้องอ่านของ ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม
ตอนนี้ของ ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม โดย -BUTTER- ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง [ตอนที่ 17 ไม่เพียงแค่ปกป้องแต่ยังนำโชคให้อีกด้วย] จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“อาจารย์จะให้หนูย้ายไปเรียนมอสี่พรุ่งนี้เลยเหรอคะ” ยี่หวาถามออกมาอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าก่อนหน้านี้เธอฟังไม่ผิด
“ใช่ เป็นคำสั่งจากผู้อำนวยการโดยตรง ครั้งนี้เธอไม่มีสิทธิ์คัดค้าน อีกอย่างฉันเชื่อว่าเธอจะเรียนทันคนอื่นแน่นอน ถึงแม้จะเหลือเวลาแค่สองอาทิตย์ในการสอบกลางภาคก็ตาม”
พี่วายุเป็นคนจัดการสินะ สมแล้วที่เป็นพี่วายุ ครั้งนี้พ่อเธอเองก็คงขัดอะไรไม่ได้เหมือนกัน
“ค่ะอาจารย์” ยี่หวาพยักหน้าเข้าใจทำให้อาจารย์แปลกใจไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้เธอยังคัดค้านอยู่เลย
“นี่เอกสารการจบมอต้น ดีนะที่โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเอกชน เรื่องพวกนี้เลยไม่มีปัญหา ส่วนนี่เอกสารแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ”
ยี่หวายื่นมือไปรับเอกสารตรงหน้า “ขอบคุณค่ะ”
“แล้วก็หนังสือเรียน อาจารย์ประจำชั้นคนใหม่จะเตรียมไว้ให้เธอพรุ่งนี้” ยี่หวาพยักหน้าเข้าใจทำให้อาจารย์อดถามขึ้นไม่ได้ “ดูเธอโอเคนะ ตอนแรกครูคิดว่าเธอคงจะอ้างอะไรซะอีก”
“ก็ในเมื่อเป็นคำสั่งจากผู้อำนวยการโดยตรง หนูจะกล้าขัดได้ยังไงคะ”
วายุที่ได้ยินดังนั้นทำให้เผลอยิ้มออกมา ธาราธรที่ยืนอยู่ตรงหน้าถึงกับถลึงตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ
เมื่อกี้เขาเห็นพี่ยิ้มใช่ไหม...
แล้วไม่ใช่เป็นการยิ้มธรรมดา แต่เป็นการที่พี่เขายืนอยู่เฉยๆ ก็สามารถยิ้มออกมาได้
“พี่เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็ยิ้ม ทำเอาผมขนลุกหมดแล้ว” ธาราธรพูดพร้อมกับเอามือลูบแขนตัวเองเบาๆ แต่เมื่อเห็นว่าวายุไม่ตอบกลับ ธาราธรจึงถามขึ้นอีกครั้ง “คงเป็นเพราะหูฟังที่พี่ใส่อยู่สินะ”
พี่คิดว่าเขาไม่รู้งั้นเหรอ ว่าสร้อยที่ผู้หญิงคนนั้นใส่อยู่ได้มาจากไหน พี่เขาคงจ้างช่างให้ติดกล้องในสร้อยเส้นนั้นแน่ๆ เพราะปกติพี่ชายเขาไม่ใส่หูฟังพร่ำเพรื่อแบบนี้
ถ้าคนที่ทำไม่ใช่พี่ชายเขามีหวังตอนนี้ได้ไปนอนในห้องกรงแล้ว…
ส่วนวายุก็ยังคงไม่ตอบกลับอะไร เพียงแค่เบนความสนใจไปที่โทรศัพท์มือถือแล้วเปิดวิดีโอขึ้นมาเพื่อดูบรรยากาศรอบตัวของหญิงสาว จากนั้นก็เดินกลับไปยังห้องผู้อำนวยการเพื่อรอเวลาโรงเรียนเลิกจะได้กลับบ้านพร้อมเธอ
ในขณะเดียวกันนั้นยี่หวาก็เดินกลับไปยังห้องเรียนของตน แต่ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องทุกสายตาก็จ้องเขม็งมาที่เธอทันที
ถึงแม้สายตาของพวกผู้ชายจะบ่งบอกถึงความรู้สึกผิด ที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่สายตาของพวกผู้หญิงนั้นกลับมีความอาฆาตยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ทำไมพวกหล่อนถึงยังไม่สำนึกอีกนะ
ดีเหมือนกันที่ได้ย้ายชั้นเรียน...
“เพราะแก...ทำให้พวกเราต้องถูกคนเกลียด” หญิงสาวคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“คราวนี้รู้หรือยังว่าตอนนั้นฉันรู้สึกยังไง” ยี่หวาพูดแค่นั้นก็ไม่สนใจเดินไปเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน เพราะเธอไม่จำเป็นต้องเรียนที่ห้องนี้ต่อแล้ว
เดี๋ยวนะ! ตอนนี้เธอมีวุฒิมอต้นแล้ว แสดงว่าต่อไปเธอก็สามารถทำงานพิเศษได้แล้วสิ ในที่สุดก็จะได้มีเงินกินข้าวเที่ยงแล้ว
สร้อยเส้นนี้ไม่เพียงแค่ปกป้อง แต่ยังนำโชคให้อีกด้วย...
วายุที่ได้ยินดังนั้นสีหน้าก็คลายลง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่วายุต้องการ แต่อย่างน้อยเธอก็พึ่งพาเขานิดนึง อีกอย่างถ้าเวลาผ่านไปเดี๋ยวเธอก็คงลืมเรื่องนี้ไปเอง
“อืม”
“พี่วายุคิดว่าหนูควรทำงานอะไรดีคะ” อย่างน้อยตอนนี้วายุก็เหมือนผู้ปกครองคนหนึ่งของเธอ เพราะฉะนั้นลองขอคำปรึกษาสักหน่อยดีกว่า
วายุได้ยินดังนั้นรีบหันไปหาหญิงสาวข้างๆ ทันที “ทำไม”
“ก็ไหนๆ มีวุฒิมอต้นแล้ว หนูก็เลยอยากจะหางานพิเศษทำค่ะ”
“ฉันไม่เห็นด้วย” จุดประสงค์ที่เขาให้เธอเลื่อนชั้นไม่ได้ต้องการให้เธอทำงาน แต่เป็นเพราะเขาต้องการให้เธอโตขึ้นเร็วกว่านี้ อย่างน้อยตอนนี้เธอก็อยู่มอปลายแล้วไม่ใช่เด็กมอต้น
“ทำไมล่ะคะ”
“เธอมีวุฒิมอต้นแล้วก็จริง แต่ยังไงเธอก็อายุแค่สิบสี่ปี”
ทำไมเธอต้องให้เขาตอกย้ำเรื่องอายุด้วย แค่นี้ก็ช้ำใจมากเกินไปแล้ว เมื่อไหร่หญิงสาวตรงหน้าเขาจะสิบแปดสักที ถ้าวันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ เขาจะรีบจองตัวเธอไว้ก่อนเลย
“สิบสี่ก็ทำงานได้นะคะ หนูไปสมัครตามร้านอาหารดีกว่า ทำแค่เสาร์อาทิตย์ไปก่อนแล้วกัน”
เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าสรุปเองทั้งหมดไม่ได้สนใจวายุเลย ในเมื่อห้ามไม่ได้ มีหวังเขาคงต้องกวาดซื้อร้านอาหารที่เธอจะไปทำงานทั้งหมดซะแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม