“วันนี้ขอบคุณที่พาหนูไปซื้อชุด แล้วก็พาไปทานข้าวค่ะ” ยี่หวาที่กำลังจะลงจากรถก็หันไปขอบคุณชายหนุ่มข้างเธอก่อน เพราะวันนี้เขาหมดเงินไปกับเธอเยอะมาก จนเธอไม่รู้ว่าชาติไหนเธอจะใช้คืนหมด ถ้าเธอได้เงินค่าขนมก็อาจจะคืนได้หมดภายในวันเดียว
แต่เธอไม่ได้ไง!
“ไม่เป็นไร เธอรีบเข้าบ้านเถอะ” วายุพูดพร้อมกับก้มหน้าลงไปดูนาฬิกาที่ข้อมือ ก็พบว่าตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว
“โอเคค่ะ พี่วายุก็ขับรถดีๆ นะคะ”
“อืม”
ยี่หวาโบกมือให้วายุก่อนจะเดินเข้าบ้าน แต่วันนี้ภายในบ้านกลับทำให้เธอรู้สึกแย่ เพราะทันทีที่เธอกำลังจะเดินขึ้นบันได กระเป๋าเสื้อผ้าของเธอก็ถูกโยนลงมาจากชั้นบนเสียก่อน
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ”
“ยังจะถามอีกเหรอ เพราะแกทำให้ดาหลาต้องอับอาย อย่าลืมว่ายังไงลูกฉันก็ใช้นามสกุลจิรภิญญากุล มันส่งผลเสียต่อตระกูลฉันแค่ไหนรู้บ้างไหม” ดนัยณัฐพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ สีหน้าแสดงออกชัดว่าโกรธมาก ก็ไม่แปลกเพราะเธอดันไปทำให้ลูกสาวสุดที่รักของเขาต้องอับอาย
ใช่สิ! ดาหลาได้ใช้นามสกุลพ่อ ส่วนเธอต้องใช้นามสกุลแม่นม
“แล้วหนูไม่ใช่ลูกพ่อหรือไง”
“ไม่ใช่! แกมันลูกชู้”
“คำก็ลูกชู้ สองคำก็ลูกชู้ ถ้าหนูเป็นลูกชู้จริงๆ ทำไมพ่อไม่ยอมไปตรวจดีเอ็นเอกับหนูให้มันรู้เรื่องไปเลยล่ะ เพราะถ้าหนูไม่ใช่ลูกสาวของพ่อจริง หนูจะยอมออกไปจากบ้านหลังนี้เอง”
เมื่อได้ยินคำว่าดีเอ็นเอ ญาณิศาถึงกับหน้าถอดสี ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครเห็นนอกจากวายุ ที่กำลังดูวิดีโอจากกล้องบนสร้อยอยู่
เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังอะไรแน่นอน…
“ทั้งสองคนใจเย็นก่อนนะอย่าต้องทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย” ญาณิศาพูดเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพราะเธอไม่มีทางยอมให้ดนัยณัฐกับยี่หวาไปตรวจดีเอ็นเอแน่
ดนัยณัฐที่ตอนนี้กำลังอารมณ์ฟิวส์ขาด จึงเอ่ยออกไปอย่างไม่ได้คิด “ไม่ต้องไปตรวจให้ยุ่งยาก เพราะยังไงแกก็ไม่ใช่ลูกฉัน และในเมื่อแกอยากไปจากที่นี่มากก็เชิญไปเลย แล้วอย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก”
ยี่หวาที่ได้ยินดังนั้นก็แทบจะกระอักเลือดออกมา ทำไมพ่อถึงพูดแบบนี้ ที่เธอพูดแบบนั้นออกไปเพราะเธอมั่นใจว่ายังไงเธอก็ต้องเป็นลูกแท้ๆ “พ่อ…พ่อไล่หนู?”
“ฉันไม่ใช่พ่อแก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม