เวลาก็ยังคงเดินต่อไป ไม่คิดเลยว่าเผลอแป๊บเดียวพวกเขาทั้งสองคนก็หมั้นกันครบหนึ่งปีแล้ว แต่วันเกิดของยี่หวาปีนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผ่านไปง่ายๆ แบบทุกปี เนื่องจากเมื่อเช้านี้มีเบอร์แปลกโทรมาหายี่หวา ซึ่งเบอร์นั้นก็เป็นเบอร์พ่อของเธอเอง โดยเขาอยากให้เธอกลับบ้านวันนี้
ทั้งที่ดนัยณัฐไม่ได้ติดต่อเธอมาระยะสี่ปีเต็มๆ ทำไมวันนี้ถึงได้ตัดสินใจติดต่อเธอมา แต่ยังไงเขาก็เป็นพ่อของเธอ เพราะฉะนั้นวันนี้เธอคงต้องแวะไปที่บ้านสักหน่อย
ตอนนี้วายุจับมือยี่หวาไว้แน่นอยู่ในรถที่กำลังจอดอยู่หน้าบ้านเธอ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก “ฉันไม่อยากให้เธอกลับไป”
เขากลัวว่าเธอจะเป็นอะไร…
กลัวว่าเธอจะไม่ได้กลับมาหาเขาอีก…
“ไม่ต้องกังวลนะคะ ไม่ว่ายังไงหนูก็จะต้องกลับออกมาหาพี่” ยี่หวาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เพราะคนที่บ้านนี้เองก็คงไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่นานนักหรอก
“ฉันไม่ไว้ใจคนบ้านนี้” วายุเลือกที่จะพูดออกมาตรงๆ
“ยังไงเขาก็เป็นคนในครอบครัวของหนู อีกอย่างยังมีแม่นมอยู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ตอนนี้หนูโตแล้วพวกเขารังแกหนูไม่ได้หรอกค่ะ”
“ฉันจะรอ เธอต้องกลับมาหาฉันนะ”
“ค่ะ หนูจะกลับมาหาพี่ค่ะ”
ยี่หวาพุ่งตัวเข้าไปกอดวายุทีหนึ่งก่อนจะลงจากรถ และเดินเข้าไปในบ้าน วินาทีนี้เธอรู้สึกเหมือนว่ากำลังเดินเข้าไปในสนามรบเลย
“กลับมาแล้วเหรอลูกพ่อ” ดนัยณัฐเมื่อเห็นยี่หวาก็รีบเข้ามากอด ทำเอาหญิงสาวได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ “ไม่เจอกันนาน สวยขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย”
นี่พ่อเธอเป็นอะไร ทำไมถึงทำตัวดีกับเธอเป็นพิเศษ…
“พี่สาวกลับมาแล้วเหรอคะ ฉันคิดถึงพี่มากเลยไม่เจอกันตั้งหลายปี”
ขนาดผ่านมาหลายปีดาหลาก็ยังคงไม่เลิกเล่นละครใส่เธอ แต่เพราะอยู่ต่อหน้าดนัยณัฐเธอก็จะทำดี เล่นละครกลับให้แล้วกัน
“นั่นสิ เธอยังเหมือนเดิมเลยเนอะ” หมายถึงแสดงละครเก่งเหมือนเดิม
“แต่ดูพี่จะเปลี่ยนไปนะ แสดงว่าได้คนเลี้ยงดูดี” ดาหลาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันเกิดยี่หวา แถมยังเป็นวันที่เราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวอีก พวกเราไปกินข้าวที่โรงแรมกันดีไหม พอดีเพื่อนพ่อเขาจัดงานเลี้ยงที่นั่นด้วย”
“ดีค่ะ” เสียงแหลมขนาดนี้ไม่บอกก็รู้ว่าใคร
“คุณป้าสวัสดีค่ะ” ยี่หวาหันไปสวัสดีญาณิศาที่เพิ่งเดินมาอย่างช่วยไม่ได้
“จ้ะ” ญาณิศาตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำเอายี่หวาแทบอยากจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
วันนี้ทุกคนเป็นอะไรไปกันหมด ทำไมเสแสร้งทำดีกับเธอกันจัง ไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังวางแผนทำอะไรกันอยู่นะ แบบนี้มันน่ากลัวว่าตอนที่พวกเขาร้ายกับเธอเสียอีก
“งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ”
ในเวลาเดียวกันวายุกำลังอารมณ์เสีย เนื่องจากยี่หวาดันทิ้งของทุกอย่างที่เขาให้ไว้ในรถหมดเลย ทั้งสร้อยที่เขาไว้ติดตามเธอ ไหนจะโทรศัพท์ที่เขาเอาไว้ติดต่อเธอ แถมยังมีแหวนที่เขาให้เธออีก
แล้ววายุจะรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้ยี่หวาปลอดภัยไหม คนที่บ้านนี้จะทำอะไรเธอหรือเปล่า เขาอยากจะลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้านนั้นเดี๋ยวนี้เลย แต่กลัวว่าถ้าพ่อเธอไม่ยอมและบังคับให้เขาออกไปจากชีวิตยี่หวา เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะตอนนี้เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังต้องมีผู้ปกครองคอยดูแลอยู่
รอยี่หวาอายุครบยี่สิบเมื่อไหร่ เขาจะไม่ให้เธอมาเหยียบบ้านหลังนี้อีกเลย…
แต่ขณะที่เขากำลังอารมณ์เสียอยู่เมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาก็ต้องอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิมอีก
“มีอะไรครับ” น้ำเสียงวายุแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน แม้แต่เด็กสามขวบก็ยังรู้เลย
“พูดกับแม่ ช่วยทำน้ำเสียงดีๆ หน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม