ขณะที่ทั้งห้าคนกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่นั้น พิชญ์สิณีเอาแต่คอยสังเกตท่าทางของลูกชาย ก็เห็นว่าเขายังคงเอาแต่จ้องมองไปยังผู้หญิงคนนี้ไม่เลิก เธอก็เลยตัดสินใจถามประวัติของอีกฝ่ายดู “ปกติเธออยู่กับใครเหรอ ทำไมทำอาหารอร่อยมาก”
“ปกติหนูอยู่คนเดียวค่ะ เลยมีเวลาเยอะในการเรียนรู้ตรงนี้เอง”
พิชญ์สิณีสังเกตท่าทางลูกชายตัวเอง ที่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก ทั้งที่ปกติไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เขาก็มักจะฟังแบบขอไปทีแท้ๆ ในเมื่อเจ้าลูกชายสนใจคนตรงหน้าขนาดนี้ งั้นเธอจะถามต่อให้ก็ได้ “ทำไมถึงอยู่คนเดียวล่ะ แล้วพ่อแม่เธอไปไหน”
“แม่หนูเสียแล้วค่ะ ส่วนพ่อไม่ได้ติดต่อนานแล้ว”
สีหน้าแววตาวายุเริ่มแสดงออกว่ากำลังดีใจและตื่นเต้น เพราะประวัติของผู้หญิงคนนี้ตรงกับยี่หวาเลย…
“เสียใจด้วยนะ แล้วเธอไม่เหงาเหรออยู่คนเดียว”
“ไม่ค่ะ เพราะหนูยังมีพี่ชายอีกคน ถึงแม้ว่าจะเจอกันแค่ปีละสองสามครั้งก็ตาม” คงเป็นเพราะว่าเราสองคนไม่ได้สนิทกันตั้งแต่แรก ก็เลยไม่ได้รู้สึกคิดถึงกันมากเท่าไหร่
“ว่าแต่เธอชื่ออะไร คุยกันมาตั้งนานฉันยังไม่รู้จักชื่อนามสกุลเธอเลย” พิชญ์สิณีเน้นคำว่านามสกุลให้ยี่หวาได้ยิน
ซึ่งเธอก็รู้ได้ทันทีว่าคุณหญิงท่านนี้ต้องการที่จะรู้ประวัติของเธอ จึงเอ่ยชื่อเต็มออกไป “หนูชื่ออาซาเลีย อักษราภัคสุเธียร หรือจะเรียกว่ายี่หวาก็ได้ค่ะ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนามสกุลของยี่หวา วายุถึงกับหน้าเสียเลย ทำไมนามสกุลของผู้หญิงคนนี้ถึงไม่ตรงกับของยี่หวา อันที่จริงเขาหน้าเสียตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอมีพี่ชายแล้ว
“แล้วนี่เธอจะไปไหนต่อ” พิชญ์สิณีถามขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ เพราะถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะดีขนาดไหน จะสวยขนาดไหน หรือจะทำอาหารเก่งแค่ไหน แต่ถ้าชื่อเสียงวงศ์ตระกูลไม่ดังเธอก็คงรับเป็นลูกสะใภ้ไม่ได้ และถึงแม้ว่าลูกชายกับหลานชายของเธอจะชอบผู้หญิงคนนี้ก็ตาม
ตอนแรกพิชญ์สิณีคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นคุณหนูของบ้านไหนแน่ๆ เพราะดูจากกิริยาท่าทางของเธอแล้ว ไหนจะหน้าตาสะสวยนั่นอีก แถมคำพูดคำจาก็ไพเราะ แต่ทำไมถึงได้เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาเท่านั้น
อันที่จริงถ้าเมื่อวานไม่ใช่เพราะเรนจิเป็นฝ่ายขอร้องอ้อนวอนผู้หญิงคนนี้ เธอคงคิดว่าหล่อนตั้งใจมานอน เพราะเห็นเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้ามาเรียบร้อยเลย
“สนามบินค่ะเพราะต้องขึ้นเครื่องกลับบ้านเลย”
ยี่หวาพูดจบเรนจิที่นั่งอยู่ด้านข้างก็หันขวับมาหาเธอทันที ส่วนวายุถลึงตาโตพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เธอกลับบ้านที่ไหน บ้านเธอไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ”
“เปล่าค่ะ บ้านฉันอยู่ต่างประเทศ ครั้งนี้ฉันแค่กลับมาเยี่ยมแม่ที่ตายไปแล้วเท่านั้น พอเสร็จก็เลยตั้งใจว่าจะบินกลับบ่ายนี้เลยค่ะ”
เคร้ง!
สิ้นเสียงยี่หวาช้อนในมือของเด็กน้อยถึงกับร่วงหล่นลงที่พื้นจนเกิดเสียงดัง รอบบริเวณดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆ ไหลออกมา จนทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ตกใจมาก ยี่หวาไม่รอช้ารีบถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เป็นอะไรไปครับ คนเก่งร้องไห้ทำไม”
เด็กน้อยไม่ตอบได้แต่โผเข้ากอดยี่หวาแล้วร้องไห้อย่างหนักพร้อมกับสะอึกสะอื้น จนทำให้คนที่เห็นรู้สึกอดสงสารไม่ได้ ยี่หวาจึงถามขึ้นอีกครั้ง “ไหนลองบอกหม่ามี๊หน่อยครับ ว่าเป็นอะไร”
“ผมไม่ให้หม่ามี้ไป...ฮึก! ผมไม่อยากให้หม่ามี้ไป อึก! หม่ามี้ไม่ไปได้ไหมครับ หม่ามี้อยู่กับผมได้ไหม...อย่าไปจากผมเลยนะ” แม้ว่าเสียงเรนจิจะขาดๆ หายๆ แต่มันก็ทำให้ยี่หวาฟังออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม