ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 39

หลายวันต่อมา

ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตา ผู้ใหญ่ทั้งสามคนจ้องมองไปทางเด็กน้อยที่หลายวันมานี้แววตาเขาหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด สายตาเลื่อนลอยตลอดเวลา

ตั้งแต่วันที่ยี่หวาบอกเรนจิว่าคุยด้วยไม่ได้แล้ว เขาก็ไม่พูดกับใครอีกเลย ใครพูดอะไรก็ไม่ตอบ จนทำให้เด็กน้อยตอนนี้เหมือนกับวายุเมื่อสี่ปีก่อน วันที่เขารู้ว่ายี่หวาได้ตายไปแล้ว…

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไร นึกจะหายก็หายไป ดูสิทำให้หลานฉันต้องมีสภาพแบบนี้” พิชญ์สิณีพูดขึ้นทำให้เรนจิหันไปมองด้วยสีหน้าจะร้องไห้แล้ว

วายุที่เห็นดังนั้นจึงรีบพูดขึ้น “ไม่ได้หาย เธอแค่มีงานที่ต้องทำ”

แต่สีหน้าเรนจิก็เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ เขาไม่ใช่เด็กห้าขวบที่ไม่รู้เรื่องอะไร เขารู้ว่าหม่ามี๊ทิ้งเขาไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงหลอกตัวเองอยู่ว่าหม่ามี๊ไม่ได้หายไปไหน

พอนึกถึงหม่ามี๊เรนจิก็เริ่มคิดถึงเธอขึ้นมาอีกแล้ว เขาหยิบรูปยี่หวาออกมาจากกระเป๋า ซึ่งตอนนี้รูปนั้นได้ยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว แต่มันก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสงบได้

วายุเหลือบตามองรูปทีหนึ่ง ก็รู้ได้ทันทีว่าคือยี่หวา และเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันไปคุยกับลูกชาย “อยากรู้เรื่องเธอไหม”

เรนจิที่กำลังเหม่อลอยรีบหันไปหาวายุทันที พร้อมกับพยักหน้าหลายครั้ง วายุจึงเดินไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นแล้วพาไปที่รถ แต่ก่อนที่จะได้ก้าวเท้าออกจากบ้านวายุก็เอ่ยด้วยเสียงเรียบอีกครั้ง “ถ้าจะโทษ ไปโทษลูกรักแม่”

จากนั้นสองพ่อลูกก็มาถึงบ้านหลังหนึ่งที่วายุเคยซื้อไว้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เป็นหลังที่เขาเคยอยู่กับยี่หวาสองคน เป็นสถานที่ความทรงจำของวายุกับยี่หวาอยู่เต็มไปหมด ทำให้สี่ปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้มาเหยียบที่นี่อีกเลย ตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว

แต่ในเมื่อเธอยังอยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะคิดถึงเธออีก เพราะก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเธอ มันทำให้เขาอยากจะตายตามเธอไปด้วย…

“พ่อเคยอยู่ที่นี่กับหม่ามี๊ของลูก” วายุพูดขึ้นเมื่อเห็นแววตาสงสัยของลูกชาย แต่พอเรนจิได้ยินดังนั้นก็รีบหันไปหาผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าสงสัยยิ่งกว่าเดิมเสียอีก วายุจึงเริ่มพูดอีกรอบ “ถ้าพ่อเล่า สัญญาว่าจะไม่บอกใคร โดยเฉพาะหม่ามี๊ของลูก”

เด็กน้อยรีบพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“เมื่อสิบสองปีก่อนพ่อตัดสินใจออกมาอยู่ที่นี่คนเดียว เพราะรำคาญย่าของลูกที่เอาแต่พูดเรื่องแต่งงานทั้งที่พ่อเพิ่งจะเรียนจบ แต่แล้วสองปีผ่านไปพ่อก็เจอกับยี่หวา เธอช่วยชีวิตพ่อไว้ ทำให้พ่อได้รู้จักกับเธอ แต่แล้วเธอก็โดนไล่ออกจากบ้าน พ่อก็เลยช่วยเธอกลับโดยการให้เธอมาอยู่ที่นี่ พ่อกับเธออยู่ด้วยกันมาโดยตลอด เธอมักจะทำอาหารทั้งมื้อเช้าและมื้อเย็นให้พ่อทานเสมอ งานบ้านทุกอย่างที่นี่เธอก็เป็นคนจัดการ จนเมื่อเธออายุครบสิบเจ็ดพ่อก็ได้ขอเธอหมั้น หรือก็คือขอเป็นแฟนนั่นแหละ…”

เมื่อพูดถึงตรงนี้สีหน้าเด็กน้อยก็เต็มไปด้วยความอิจฉา แต่ด้วยความอยากรู้เลยต้องยอมทนฟังพ่อพูดต่อ เพราะถ้าเรื่องราวราบรื่นแบบนี้แม่ของเขาคงจะเป็นหม่ามี๊ไปแล้ว

“ยี่หวากับพ่อคบกันมาได้หนึ่งปี จนเมื่อหกปีก่อน ที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของพ่อและเธอ…” วายุเงียบไปครู่หนึ่ง เพราะพอนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้เขาแทบจะเก็บอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่

วายุถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มพูดต่อ “เมื่อหกปีที่แล้วย่าของลูกให้พ่อไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จากนั้นก็จัดฉากให้พ่อได้เจอกับแม่ของลูก ซึ่งตอนนั้นพ่อไม่สามารถฝืนตัวเองได้ แถมยังจำอะไรไม่ได้อีก รู้ตัวอีกทีในตอนเช้า ก็พบแม่ของลูกนอนอยู่ข้างๆ …แล้วรู้ไหมว่าแม่ของลูกเป็นใคร”

เด็กน้อยทำหน้าตาประมาณว่า ‘ก็แม่ไง จะเป็นใครได้ล่ะ’ ดังนั้นวายุจึงเอ่ยตอบแทน “แม่ของลูกเป็นน้องสาวของหม่ามี๊ของลูก”

เด็กน้อยฟังแล้วก็ตาโต ตั้งนานสองนานกว่าจะเรียกสติคืนมาได้ แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีสติขนาดไหนก็ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่พ่อพูดได้

ถ้าหม่ามี๊เป็นพี่สาวของแม่ก็ดีสิ เขาจะได้บอกให้แม่พาหม่ามี๊กลับมาหาเขา…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม