“ขอบคุณ คุณมากเลยนะ” ยี่หวาถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเดินมาถึงที่รถ คิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว จะว่าไปทำไมผู้ชายคนนี้กับคนเก่งของเธอถึงได้ไหวพริบดีขนาดนี้นะ
“ไม่เป็นไร ขอแค่เธอโอเค” เพราะเขากลัวว่าพอเธอเจอแบบนี้แล้ว ต่อไปจะไม่มาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก
“ฉันโอเคค่ะ แล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงมาที่นี่วันธรรมดาได้คะ” เพราะปกติผู้หญิงคนนั้นจะมาที่นี่แค่เสาร์อาทิตย์ไม่ใช่เหรอ
“แม่ฉันคงโทรเรียก”
“แม่คุณคงไม่ชอบฉันมากเลยสินะคะ แต่ก็ไม่แปลกเพราะฉันก็แค่คนธรรมดา ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร”
วายุอยากจะเถียงกลับไปว่า ‘ถึงแม่จะไม่ชอบเธอ แต่ฉันชอบเธอนะ’
แต่ก็ทำได้เพียงแค่อดกลั้น ยื่นมือไปลูบหัวหญิงสาวตรงหน้าอย่างเคยชิน “อย่าคิดมาก แค่รู้ว่าเรนชอบเธอก็พอ”
“นั่นสิคะ...จริงสิ! ฉันว่าจะทักคุณก่อนหน้านี้แล้วแต่ลืมไปเลย คุณใส่ชุดสูทนี้เข้ามากเลย ตอนแรกฉันก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะออกมาเป็นยังไง” ไม่คิดว่าชุดสูทที่เธอออกแบบบ่อยๆ ผู้ชายคนนี้จะเป็นเจ้าของ แต่ถ้าเป็นเขาก็เหมาะกับคอนเซ็ปต์ที่ให้ดูดุดัน สุขุม และน่าเกรงขามจริงๆ
“หมายความว่าไง?”
“คุณรู้ไหมว่าชุดสูทที่คุณใส่อยู่ฉันเป็นคนออกแบบเองเลยนะ” ยี่หวาพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจสุดๆ
“เธอ?”
“ใช่ค่ะ ฉันบอกคุณแล้วไงว่าฉันทำงานออกแบบ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ” ว่าจบยี่หวาก็เปิดประตูรถและขับออกไปปล่อยให้วายุยืนยิ้มอยู่คนเดียว
ชุดที่เขาใส่อยู่เธอเป็นคนออกแบบเอง...
แสดงว่าเธอต้องทำงานออกแบบของแบรนด์เสื้อผ้านี้สินะ ไม่รอช้าวายุรีบเดินขึ้นไปบนห้องทำงานหยิบไอแพดเปิดเอกสารที่ธาราธรยัดเยียดให้เขาเซ็นก่อนหน้านี้ แล้วทำการเซ็นชื่อลงไป
ในเวลาเดียวกันธาราธรกำลังเคร่งเครียดจ้องมองเอกสารคู่ค้ากับแบรนด์เฮอเซน ด้วยแววตาเศร้าหมอง เขาจะต้องตัดใจจากมันจริงๆ เหรอ...
‘ติ้ง’
เสียงข้อความจากอีเมลดังขึ้น ธาราธรที่กำลังนั่งเหม่อลอยค่อยๆ เลื่อนมือไปกดเปิดข้อความอย่างเบื่อหน่าย เพราะคาดว่าคงจะเป็นเอกสารรายงานอะไรสักอย่าง แต่วินาทีต่อมาเขาก็ถลึงตาโต
นี่เขาเห็นอะไร! พี่เขาเซ็นชื่อให้แล้วเหรอ
ธาราธรไม่รอช้ารีบกดเบอร์โทรออกหาวายุทันที “มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ พี่ถึงเซ็นให้ผมล่ะ”
“หรือจะไม่?”
“เซ็นครับเซ็น ขอบคุณพี่มากครับ” น้ำเสียงธาราธรดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ไม่คิดว่าพี่เขาจะเซ็นให้จริงๆ
“ฉันจะช่วย”
ธาราธรถึงกับชะงัก นี่พี่เขาสนใจเสื้อผ้าแฟชั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถ้าพี่เขายื่นมือเข้ามาช่วยก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่ต้องทำอะไรมาก “ขอบคุณครับพี่”
หลังจากที่วางสายธาราธรเสียงเคาะประตูห้องวายุก็ดังขึ้น ชายหนุ่มตะโกนกลับไปเพราะรู้ว่าเป็นใคร “เชิญ”
“พ่อปล่อยให้หม่ามี๊กลับบ้านเหรอ!” เรนจิโวยวายขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง เขาอุตส่าห์ยอมนั่งทานข้าวกับแม่อย่างทรมาน สุดท้ายก็ไม่ได้หม่ามี๊ช่วยปลอบ
“จะให้เธออยู่เจอหน้าผู้หญิงคนนั้น?”
เด็กน้อยครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ ผมไม่โกรธ”
ถึงแม้ว่าเรนจิจะพูดว่าไม่โกรธ แต่น้ำเสียงท่าทางกิริยาแสดงออกชัดเจนว่าโกรธมาก แต่ทำอะไรไม่ได้
“ถ้าจะโกรธ ไปโกรธย่าของลูกที่โทรเรียกผู้หญิงคนนั้นมา” ทำให้เขาเสียเวลาอยู่กับยี่หวาไปหลายนาทีเลยทีเดียว
“แล้วต่อไปหม่ามี๊จะกล้ามาที่นี่อีกไหม”
“ไม่รู้”
“ถ้าหม่ามี๊ไม่มา ผมก็จะเป็นฝ่ายไปหาหม่ามี๊เองก็ได้ ผมไปโทรหาให้หม่ามี๊ช่วยปลอบดีกว่า”
“ที่นี่” วายุหมายถึงให้เรนจิโทรที่ห้องนี้ เพราะเขาจะได้เห็นหน้าเธอไปด้วย
“ไม่เอา พ่อก็ทำงานไปดิ งานเยอะไม่ใช่เหรอ” เรนจิพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันจบก็เปิดประตูห้องออกไป
เจ้าลูกคนนี้ช่วยกันหน่อยก็ไม่ได้...
วันต่อมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม