ยี่หวารับโทรศัพท์มาแล้วรีบเปิดดูทันที ก็พบว่าในอัลบั้มมีเกือบแปดพันรูป นี่เขาถ่ายอะไรเยอะขนาดนี้ ไม่คิดจะลบบ้างหรือไง แถมรูปส่วนใหญ่ก็มีแต่เธอทั้งนั้นเลย แน่ใจนะว่าหมอนี่ไม่ใช่สตอล์กเกอร์ แต่จะว่าไปเธอก็ดูจะสนิทกับเขามากจริงๆ มัธยมปลายก็เรียนห้องเดียวกัน แถมมหาวิทยาลัยก็ยังเรียนสาขาเดียวกันอีก และเหมือนว่าจะคบกันอยู่แค่สองคนด้วย คนอื่นในรูปนอกจากเธอก็คงเป็นวายุกับธาราธร
“ดูอะไรอยู่” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังขณะที่ยี่หวากำลังเลื่อนดูรูปอยู่ พีรพัฒน์เกือบไม่รอดหลังจากฝ่าฝูงชนไปซื้อข้าวให้ยี่หวา แถมยังต้องโดนลูกแพร์ยื้อให้ทานข้าวที่ร้านอีก แต่คิดเหรอว่าเขาจะยอม แค่นี้ก็เป็นจุดเด่นมากพอแล้ว
“มาแล้วเหรอ หวาดูรูปอยู่”
“รูปอะไร” พีรพัฒน์ก้มหน้าลงไปมองจอโทรศัพท์ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นๆ กับโทรศัพท์เครื่องนี้
ยี่หวาขยับมือไปด้านข้างเพื่อให้พีรพัฒน์ดูด้วย “รูปหวาเองค่ะ พอดีเมื่อกี้หวาเจอเพื่อนเก่า เขารู้จักหวาด้วย ก็เลยให้ยืมโทรศัพท์มาดูรูป”
พีรพัฒน์พยายามมองว่าคนที่ถ่ายรูปคู่กับยี่หวาเป็นใคร แต่เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ตาเขาก็ต้องเบิกกว้างทันที “เดวิลคือเพื่อนเก่าเราเหรอ”
“ใช่ ผมเอง” เดวิลที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จพอจะเดินไปหายี่หวาก็เห็นพีรพัฒน์กำลังยืนด้านข้างเธอจ้องโทรศัพท์มือถือของเขาและพูดถึงเขาอยู่
“เป็นนายไปได้ยังไง นายอายุห่างจากยี่หวาตั้งสองปี จะเรียนชั้นเดียวกันได้ไง” เพราะถ้าเขาจำไม่ผิดเหมือนว่าตอนนี้เดวิลจะอายุ 26 ซึ่งเดวิลห่างจากพีรพัฒน์หนึ่งปี
“ผมต้องถามพี่มากกว่าว่าเป็นพี่แท้ๆ ของยี่หวาจริงเหรอถึงได้ไม่รู้เรื่องอะไร” นี่เป็นครั้งแรกที่พีรพัฒน์ได้ยินเดวิลพูดเป็นประโยคยาวแถมยังไม่ใช่บทละครอีก
“แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้”
“ยี่หวาได้เลื่อนชั้นเรียนเร็วกว่าเกณฑ์สองปี”
“จริงด้วย! ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย” เพราะในประวัติล่าสุดยี่หวาเป็นนักศึกษาปีสอง แต่การที่จะทำให้คนอื่นคิดว่าเธอตายไปแล้วก็เลยไม่สามารถเทียบโอนหน่วยกิตได้ ยี่หวาจึงเริ่มเรียนปีหนึ่งใหม่ ซึ่งพีรพัฒน์เองก็ชินกับเกณฑ์ปกติของยี่หวาไปแล้ว
“แสดงว่าพี่ให้ยี่หวาเริ่มเรียนใหม่สินะ”
“ใช่ แต่จะว่าไปนายก็สนิทกับน้องฉันมากเลยนะเนี่ย คิดไม่ถึงว่าคนตายด้านแบบนายจะเป็นเพื่อนกับยี่หวาได้ ไม่ใช่ว่านายแอบชอบยี่หวาหรอกนะ”
“ผมรักยี่หวาเหมือนเพื่อนสนิท อีกอย่างผมไม่แย่งแฟนคนอื่นหรอก” เดวิลพูดด้วยท่าทางจริงจัง ทำให้รู้ได้ทันทีว่าที่เขาพูดเป็นความจริง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น!
“ฮะ?” ยี่หวาและพีรพัฒน์ตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ จนพนักงานที่กำลังเตรียมฉากอยู่ต่างก็หันมามองกันเป็นทางเดียว ยี่หวารีบหันไปโน้มตัวและผงกศีรษะเป็นเชิงขอโทษ
แต่ตอนนี้พีรพัฒน์ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างรีบถามเดวิลต่อ “ใครเป็นแฟนใคร”
“ก็ยี่หวาเป็นแฟนคุณวายุ อย่าบอกนะว่าคุณวายุไม่ได้บอกเธอ” เดวิลเอ่ยออกมาอย่างไม่สนใจนัก เพราะที่เขาสนใจคือหน้าตาของทั้งคู่ตอนตกใจที่เหมือนกันอย่างกับแกะ
“ฮะ!” รอบนี้เสียงทั้งคู่ดังกว่าเดิมเสียอีก ทำให้ผู้กำกับกวินต้องเดินมาถามด้วยตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้น ทั้งสองคนตกใจอะไรกัน” เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ตอบ กวินจึงหันไปพูดกับเดวิลแทน “แปลกนะที่คนเก็บตัวแบบนายมาอยู่ตรงนี้” เพราะปกติถ้าเดวิลไม่ได้เข้าฉากเขาก็จะอยู่แต่ในห้อง
เดวิลไม่ตอบยืนมองสองพี่น้องที่ตอนนี้กำลังช็อก จะว่าไปสองคนนี้ก็หน้าเหมือนกันจริงๆ เชื่อแล้วว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องแท้ๆ กัน
กวินที่เห็นว่าตัวเองถูกเมินก็อดน้อยใจไม่ได้ พูดออกไปอย่างประชด “ดูเหมือนว่าทุกคนจะพร้อมเข้าฉากกันแล้วสินะ”
สติยี่หวากลับมาก่อนพีรพัฒน์จึงรีบตอบกลับผู้กำกับที่ยื่นอยู่ตรงหน้า ด้วยท่าทางขอร้อง “ฉันขอกินข้าวก่อนได้ไหมคะ”
“ฉันล้อเล่น ตามสบายเลยอีกครึ่งชั่วโมงค่อยเริ่มถ่าย” ว่าจบกวินก็เดินออกไปตรวจสอบสถานที่ถ่ายทำ
ยี่หวาไม่รอช้ารีบดึงแขนพีรพัฒน์ที่กำลังยืนเหม่อให้เดินตามเธอมานั่งที่โต๊ะเพื่อจะกินข้าว ส่วนเดวิลก็เดินตามมาติดๆ “พี่พีชกินข้าวก่อน เดี๋ยวต้องถ่ายต่อแล้ว”
พีรพัฒน์ไม่สนใจยี่หวาหันไปพูดกับเดวิลเบาๆ “เรื่องมันเป็นมายังไง ทำไมยี่หวาถึงไปคบกับคนระดับนั้นได้”
“ขี้เกียจเล่า อีกอย่างเป็นเรื่องของพวกเขา พี่อย่าเข้าไปยุ่งเลย” ให้วายุเป็นคนพูดกับยี่หวาเองดีกว่า เพราะดูเหมือนเจ้าตัวคงจะมีเหตุผลที่ไม่ยอมบอกอยู่
พีรพัฒน์ไม่ใช่คนโง่ ตอนนี้เขาพอจะรู้เหตุผลที่วายุไม่บอกยี่หวา คงเป็นเพราะน้องสาวต่างแม่ของเธอที่ตอนนี้เป็นแม่ของลูกวายุ ความสัมพันธ์นี้ช่างซับซ้อนเหลือเกิน มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ถึงเขาจะอยากรู้แค่ไหนเขาก็คงไม่มีทางสืบหาข้อมูลได้อยู่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม