เมื่อวายุจัดการกับลูกชายเสร็จเขาก็เดินกลับมายังห้องทำงาน ก่อนจะโทรศัพท์หาคนคนหนึ่ง “ฉันเอง”
“ท่านประธานภูวิศโทรมามีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” ปลายสายเอ่ยอย่างหวาดระแวง เพราะหลายปีที่ผ่านมาท่านประธานไม่เคยโทรหาเขาโดยตรงเลย
“หาหนังให้ผู้หญิงคนนั้นเล่นเป็นนางเอกหนึ่งเรื่อง”
“ท่านประธานหมายถึงคุณดาหลาเหรอครับ”
“อย่าเอ่ยชื่อ” วายุตอบกลับไปอย่างเย็นชา เพราะพอเขาได้ยินชื่อนี้แล้วแทบอยากจะจัดการให้ตายตอนนี้เลย บังอาจมายุ่งกับผู้หญิงของเขา
“ครับๆ” อีกฝ่ายตอบรับอย่างมึนงง ท่านประธานคอยผลักดันให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นดาราดัง ทำให้คนในบริษัทหลายคนคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงของท่านประธาน แต่น้ำเสียงและท่าทางที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นกลับดูรังเกียจ สรุปแล้วท่านประธานต้องการอะไรกันแน่
แต่ใครจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้ววายุเพียงต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นขึ้นไปอยู่ที่สูงๆ เวลาตกลงมาจะได้เจ็บหรือไม่ก็ตาย อีกอย่างคงเป็นเพราะเขามั่นใจว่าอีกไม่นานแม่เขาจะต้องจัดงานแต่งงานแน่ เพราะงั้นสิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยขัดขวางที่ดีเลยทีเดียว
วายุกดวางสายจากนั้นก็เดินลงมาข้างล่าง เพื่อดูว่าลูกชายเขากินข้าวจริงอย่างที่บอกไหม แต่สิ่งที่พบคือเรนจิกำลังยืนสะพายกระเป๋าอยู่ “ไปไหน?”
“พ่อรีบไปเก็บกระเป๋า ผมจะไปหาหม่ามี๊”
“รู้เหรอว่าเธออยู่ไหน”
“เมื่อกี้หม่ามี๊ส่งโลเคชั่นมาให้ผมในไลน์แล้ว เร็วๆ เดี๋ยวหม่ามี๊ก็หายไปอีก”
“อืม” วายุไม่รอช้ารีบกลับขึ้นห้องหยิบกระเป๋าเป้แล้วยัดเสื้อผ้าลงไปด้วยความรวดเร็ว
เพียงเวลาไม่นานสองพ่อลูกก็มาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งที่ยี่หวาแชร์โลเคชั่นไปให้เรนจิ เพราะเธอกลัวว่าคนเก่งของเธอจะเป็นห่วงถ้าไม่รู้ว่าเธออยู่ไหน แต่นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาหาเธอถึงที่นี่
“เอ่อ…” ยี่หวาถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเปิดประตูห้องออกมาแล้วเจอสองพ่อลูกยืนรออยู่พร้อมกับกระเป๋าเป้คนละใบ นี่พวกเขาจะมาหาเธอทำไม
“หม่ามี๊” เรนจิรีบวิ่งเข้าไปกอดขายี่หวา เนื่องจากเธอกำลังยืนงงอยู่จึงไม่ได้ก้มลงไปอุ้ม “ผมคิดถึงหม่ามี๊ คิดว่าวันนี้ผมจะไม่ได้เจอหม่ามี๊แล้ว”
พอสติยี่หวากลับมาก็ก้มลงไปอุ้มเรนจิขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด “คนเก่งมาได้ยังไง”
“ผมคิดถึงหม่ามี๊” เรนจิโน้มตัวไปกอดคอยี่หวา หน้าเล็กๆ ซุกที่คอเธออย่างออดอ้อน
“หม่ามี๊คิดว่าเรนจะมาหาหม่ามี๊พรุ่งนี้ซะอีก” ถ้ารู้แบบนี้เธอคงทักไปบอกพรุ่งนี้ เพราะเดินทางตอนกลางคืนมันอันตราย
“ผมรอไม่ไหว”
“คุณลำบากแย่เลย ขับรถดึกๆ เข้ามานั่งในห้องก่อนค่ะ” ยี่หวาหันไปพูดกับวายุ ทำเอาเรนจิเกือบหลุดขำออกมา ลำบากอะไรกัน พ่อจัดกระเป๋าเสร็จเร็วกว่าเขาอีก รู้เลยนะว่าอยากมาเหมือนกัน
“เธอโอเคนะ อย่าไปสนใจที่ผู้หญิงคนนั้นพูดเลย”
“จริงครับ ไม่ว่ายังไงผมก็จะอยู่ข้างหม่ามี๊ ต่อให้ผมโตขึ้นกว่านี้อีกกี่ปีผมก็จะไม่ทิ้งหม่ามี๊ไปไหนผมสัญญา”
ยี่หวาแทบจะน้ำตาคลอ คนเก่งของเธอเข้าข้างเธอขนาดนี้เลยเหรอ…
แต่ก่อนที่จะได้ซึ้งไปมากกว่านี้ ยี่หวาก็นึกอะไรขึ้นมาได้เสียก่อน “ว่าแต่รู้ได้ยังไงคะว่าผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรกับฉันบ้าง เพราะว่าตรงนั้นก็ไม่มีคนแถมกล้องวงจรปิดก็เลื่อนมาไม่ถึงสักหน่อย”
วายุทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย ทำไมเธอถึงรู้มุมของกล้องวงจรปิดได้ “พ่อฉันอยู่ตรงนั้นพอดี”
“ยินดีกับพ่อคุณด้วย ที่รู้ธาตุแท้ของผู้หญิงคนนั้น” เพราะต่อไปก็คงมีแต่แม่ของเขาที่จะถูกดาหลาหลอก “แล้วคืนนี้ทั้งสองคนจะนอนที่ไหนกัน เพราะโรงแรมนี้ฉันจำได้ว่าห้องนี้เป็นห้องว่างสุดท้าย”
“แน่นอนว่าผมต้องนอนกับหม่ามี๊”
“รบกวนเธอด้วย ฉันนอนตรงโซฟาก็ได้” หมายความว่าเขาก็จะนอนที่นี่เหมือนกันเหรอ
“ได้ยังไงกัน คุณนอนบนเตียงกับเรนเถอะ เดี๋ยวฉันนอนตรงโซฟาเอง ฉันตัวเล็กกว่าคุณเยอะ” เธอจะให้ท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่มานอนที่โซฟาได้ยังไงกัน
เรนจิที่ได้ยินดังนั้นรีบส่ายหัว “ไม่เอา ถ้าหม่ามี๊นอนตรงโซฟา เรนก็จะนอนโซฟาด้วย” ดูก็รู้ว่าลูกชายรักเขาขนาดไหน
“เธอนอนบนเตียงกับเรนเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม