ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม นิยาย บท 74

สรุปบท [ตอนที่ 74 สวย เก่ง และเพอร์เฟกต์]: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม

อ่านสรุป [ตอนที่ 74 สวย เก่ง และเพอร์เฟกต์] จาก ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม โดย -BUTTER-

บทที่ [ตอนที่ 74 สวย เก่ง และเพอร์เฟกต์] คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย -BUTTER- อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ยี่หวาตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอตื่นสายขนาดนี้ พอเธอเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่กอดเธอ ก็เห็นว่าวายุกำลังนอนมองหน้าเธออยู่ “คุณตื่นนานแล้วเหรอ”

“เพิ่งตื่น” วายุโกหกออกไปทั้งที่เขาตื่นได้สักพักแล้ว อุตส่าห์ได้นอนกอดเธอทั้งทีถึงแม้ว่าจะมีเรนจินอนคั่นกลางอยู่ อย่างน้อยๆ ก็ขอกอดจนกว่าเธอจะตื่นแล้วกัน

“งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”

“อืม”

หลังจากที่ยี่หวาอาบน้ำแต่งตัวในห้องน้ำเสร็จ พอเธอออกมาก็เห็นคนเก่งของเธอนั่งตาแป๋วอยู่บนเตียง “หม่ามี๊อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ”

“ใช่จ้ะ”

“งั้นผมขออาบน้ำก่อนนะ” เรนจิหันไปพูดกับวายุที่กำลังกดโทรศัพท์อยู่ ซึ่งวายุไม่ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น

พอเรนจิเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ยี่หวาก็เดินมาหาวายุ “เมื่อคืนฉันฝัน ฉันฝันว่าคุณขอฉันหมั้น แล้วดูเหมือนว่าจะมีแหวนด้วย มันเหมือนจริงมากฉันเลยไม่แน่ใจว่าเป็นความฝันหรือความทรงจำกันแน่”

วายุมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่เดินไปหยิบกระเป๋าเป้เรนจิแล้วเปิดข้างในหยิบสร้อยเส้นหนึ่งออกมาก่อนจะส่งให้ยี่หวา “ใช่แหวนวงนี้ไหม”

สิ่งที่วายุยื่นให้เธอก็คือสร้อยที่ห้อยแหวนวงหนึ่งไว้อยู่ ซึ่งแหวนวงนี้ก็เหมือนแหวนที่เธอฝันเมื่อคืนเลย “ไม่ใช่ฝันจริงๆ ด้วยสินะ”

“มันเป็นเรื่องเมื่อเจ็ดปีก่อน เธอไม่ได้ฝันฉันเป็นคนมอบให้เธอเอง”

ยี่หวาถึงกับพูดไม่ออก ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะรักเธอจริงๆ เพราะคงไม่มีใครมาขอเด็กอายุสิบเจ็ดหมั้นหรอก เด็กอายุเท่าเธอส่วนใหญ่ก็เป็นได้แค่ของเล่นแก้เบื่อของผู้ชายอายุเยอะแล้วเท่านั้น

“แล้วทำไมแหวนถึงไปอยู่ที่เรนจิได้คะ อย่าบอกนะว่าเรนจิก็รู้เรื่องของคุณกับฉัน”

“อืม ฉันฝากให้เขาเก็บไว้จนกว่าเธอจะจำเรื่องทั้งหมดได้ แล้วเธอก็ไม่ต้องห่วงเรนจิอยู่ข้างเธอ…”

วายุยังไม่ทันได้พูดจบเสียงใสๆ ของเด็กน้อยก็ดังขึ้นมาก่อน “หม่ามี๊ ผมอาบน้ำเสร็จแล้วครับ…” สายตาเรนจิไปหยุดอยู่ที่สร้อยในมือยี่หวา “สร้อยนั่นมัน…หม่ามี๊จำได้แล้วเหรอ”

“ยังจ้ะ แต่เมื่อคืนหม่ามี๊ฝันว่าได้แหวนวงนี้”

“งั้นก็แสดงว่าความทรงจำหม่ามี๊ใกล้กลับมาแล้วใช่ไหมครับ”

“หม่ามี๊ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะใช่” เพราะตั้งแต่ที่เธอจำความได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอฝันถึงความทรงจำ…

หลังจากที่ทั้งสามคนอาบน้ำเสร็จก็ลงมาหาข้าวกินแถวโรงแรม จากนั้นเรนจิก็บ่นว่าอยากเล่นน้ำทะเล วายุจึงต้องขับรถมายังทะเลที่ใกล้ที่สุด เมื่อมาถึงจุดหมายเรนจิก็รีบลงจากรถวิ่งไปที่ชายหาด วายุเดินตามเรนจิไปส่วนยี่หวายังคงยืนอยู่ตรงบริเวณชายฝั่งไม่เหยียบย่ำลงบนหาด

วายุเห็นถึงความผิดปกติของยี่หวาจึงหยุดเดิน แล้วตะโกนเรียกเรนจิ “เรนขึ้นมาก่อน” จากนั้นก็เดินไปหายี่หวาที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ “เธอเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่ถูกกับน้ำ ฉันไม่ชอบน้ำที่มันลึกๆ”

วายุทำหน้าแปลกใจ เธอกลายเป็นคนกลัวน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่มาเที่ยวทะเล เธอยังดื้อจะไปตรงน้ำลึกให้ได้เลย จนเขาต้องเป็นคนพาเธอไป “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ไม่รู้ค่ะ รู้ตัวอีกทีก็เข้าใกล้น้ำไม่ได้แล้ว”

เรนจิที่วิ่งมาถึงถามยี่หวาด้วยความรีบร้อนและเป็นห่วง “หม่ามี๊เป็นอะไรครับ หม่ามี๊ไม่ชอบทะเลเหรอ ถ้าหม่ามี๊ไม่ชอบเรากลับกันก็ได้นะครับ”

“แต่เรนชอบ…”

“ผมไม่เป็นไร หม่ามี๊สำคัญกว่า”

“เรนไปเล่นน้ำเถอะ หม่ามี๊นั่งรอตรงนี้ได้ อุตส่าห์มาแล้วทั้งที”

“แต่ผมไม่อยากเล่นแล้ว ผมร้อนแล้ว เราไปตากแอร์ที่ห้างกันดีกว่า” เรนจิทำหน้าออดอ้อน เข้าไปกอดขายี่หวาที่ยืนนิ่งมาสักพักแล้ว

วายุที่เห็นว่ายี่หวากำลังปฏิเสธอีกรอบก็รีบเอ่ยขึ้น “ถ้าลูกว่าอย่างนั้น งั้นเราไปกันเถอะ” จากนั้นก็ไม่รอช้าเดินนำหน้าไปที่รถ

ส่วนยี่หวาก็ก้มลงไปอุ้มเรนจิขึ้นไว้ในอ้อมกอดแล้วเอ่ยเบาๆ ที่ข้างหูเรนจิ “ขอบคุณนะคนเก่ง”

“ขอแค่หม่ามี๊มีความสุข”

หลังจากวันนั้นยี่หวาก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือตอนนี้เธอต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เพราะเธอเพิ่งมารู้ว่าสังกัดที่พีรพัฒน์ให้เธออยู่ดันเป็นสังกัดเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าพี่ชายเธอคิดอะไรอยู่กันแน่

แถมวันนี้พีรพัฒน์ยังเรียกเธอให้เข้ามาบริษัทเพื่อเจอผู้จัดการอีก

“ก็ชุดที่ยี่หวาใส่อยู่เธอเป็นคนออกแบบเอง”

“หืม? เรื่องจริงเหรอ! เธอเป็นดีไซเนอร์เหรอ” ควิลเลอร์ถามอย่างตื่นเต้น เพราะเขาเองก็ชื่นชอบแฟชั่นอยู่แล้ว แถมดูจากสไตล์ต้องไม่ใช่แบรนด์ทั่วไปแน่นอน

“ใช่ค่ะ”

“แล้วเป็นดีไซเนอร์ของแบรนด์อะไร แต่ดูจากชุดแล้วน่าจะเป็นแบรนด์จากต่างประเทศ”

“แบรนด์เฮอเซนค่ะ”

“ฮะ? แบรนด์ที่กำเนิดในประเทศอาร์แต่ไปเติบโตที่ปารีสใช่ไหม แถมยังมีสาขาหลากหลายทั่วโลกด้วย ฉันชอบแบรนด์นี้มากแต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถหาซื้อได้ในประเทศนี้เลยได้แต่ดูรูปทางเน็ตกับเห็นพวกคุณหญิงเขาใส่กัน และคนส่วนน้อยมากที่รู้จัก ส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกไฮโซที่ไปต่างประเทศบ่อยๆ”

“ตอนนี้เรากำลังเปิดบูติคใหม่ที่ศูนย์การค้าบีเคกับบีพีซีค่ะ”

“ฮะ! ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”

“สถานที่ยังไม่เรียบร้อยค่ะ อีกอย่างยังไม่ถึงเวลาโปรโมตเพราะอย่างที่พี่ควิลบอก เฮอเซนยังเป็นที่รู้จักน้อยมากในประเทศนี้”

“เธอเป็นแค่ดีไซเนอร์จริงเหรอ ทำไมรู้ดีจัง”

“ฉันเป็นเจ้าของแบรนด์เฮอเซนค่ะ”

“หา! เธอเป็นซีอีโอของแบรนด์นี้เหรอ” ควิลเลอร์ถลึงตาโตอย่างไม่เชื่อ เขาได้ยินอะไร เมื่อกี้หูเขาได้ยินอะไร

“ใช่ค่ะ”

“จะบ้าตาย ดีนะที่ฉันไม่ช็อกตายเสียก่อน นี่มันข่าวใหญ่มากเลยนะ แล้วทำไมเธอถึงอยากมาเป็นดารา เพราะสิ่งที่เธอมีอยู่ก็เหมือนจะใช้ได้ถึงชาติหน้าเลยนะ ไม่จำเป็นต้องมาทำงานนี้ให้เหนื่อยเลย”

“อยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ ค่ะ เผื่อจะมีไอเดียไปออกแบบชุด” เธอบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะดาหลา “อีกอย่างพี่พีชคะยั้นคะยอมาด้วยค่ะ”

“พี่ต้องเห็นหนังที่เธอแสดงบอกเลยว่าไม่ธรรมดา อ่านบทไม่ถึงห้านาทีก็จำได้ทั้งหมด ขนาดผู้กำกับกวินถึงขั้นจองตัวให้เป็นนางเอกแสดงหนังภาคต่อเลย” พีรพัฒน์ยังคงพูดอวยน้องตัวเองไม่หยุด จนควิลเลอร์เริ่มอิจฉาที่เขามีน้องสาวที่สวย เก่ง และเพอร์เฟกต์ขนาดนี้

“ผู้กำกับกวินถึงขั้นเอ่ยปากเองคงจะไม่ธรรมดาจริงๆ นั่นแหละ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม