ยี่หวาตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอตื่นสายขนาดนี้ พอเธอเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่กอดเธอ ก็เห็นว่าวายุกำลังนอนมองหน้าเธออยู่ “คุณตื่นนานแล้วเหรอ”
“เพิ่งตื่น” วายุโกหกออกไปทั้งที่เขาตื่นได้สักพักแล้ว อุตส่าห์ได้นอนกอดเธอทั้งทีถึงแม้ว่าจะมีเรนจินอนคั่นกลางอยู่ อย่างน้อยๆ ก็ขอกอดจนกว่าเธอจะตื่นแล้วกัน
“งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
“อืม”
หลังจากที่ยี่หวาอาบน้ำแต่งตัวในห้องน้ำเสร็จ พอเธอออกมาก็เห็นคนเก่งของเธอนั่งตาแป๋วอยู่บนเตียง “หม่ามี๊อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ”
“ใช่จ้ะ”
“งั้นผมขออาบน้ำก่อนนะ” เรนจิหันไปพูดกับวายุที่กำลังกดโทรศัพท์อยู่ ซึ่งวายุไม่ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น
พอเรนจิเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ยี่หวาก็เดินมาหาวายุ “เมื่อคืนฉันฝัน ฉันฝันว่าคุณขอฉันหมั้น แล้วดูเหมือนว่าจะมีแหวนด้วย มันเหมือนจริงมากฉันเลยไม่แน่ใจว่าเป็นความฝันหรือความทรงจำกันแน่”
วายุมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่เดินไปหยิบกระเป๋าเป้เรนจิแล้วเปิดข้างในหยิบสร้อยเส้นหนึ่งออกมาก่อนจะส่งให้ยี่หวา “ใช่แหวนวงนี้ไหม”
สิ่งที่วายุยื่นให้เธอก็คือสร้อยที่ห้อยแหวนวงหนึ่งไว้อยู่ ซึ่งแหวนวงนี้ก็เหมือนแหวนที่เธอฝันเมื่อคืนเลย “ไม่ใช่ฝันจริงๆ ด้วยสินะ”
“มันเป็นเรื่องเมื่อเจ็ดปีก่อน เธอไม่ได้ฝันฉันเป็นคนมอบให้เธอเอง”
ยี่หวาถึงกับพูดไม่ออก ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะรักเธอจริงๆ เพราะคงไม่มีใครมาขอเด็กอายุสิบเจ็ดหมั้นหรอก เด็กอายุเท่าเธอส่วนใหญ่ก็เป็นได้แค่ของเล่นแก้เบื่อของผู้ชายอายุเยอะแล้วเท่านั้น
“แล้วทำไมแหวนถึงไปอยู่ที่เรนจิได้คะ อย่าบอกนะว่าเรนจิก็รู้เรื่องของคุณกับฉัน”
“อืม ฉันฝากให้เขาเก็บไว้จนกว่าเธอจะจำเรื่องทั้งหมดได้ แล้วเธอก็ไม่ต้องห่วงเรนจิอยู่ข้างเธอ…”
วายุยังไม่ทันได้พูดจบเสียงใสๆ ของเด็กน้อยก็ดังขึ้นมาก่อน “หม่ามี๊ ผมอาบน้ำเสร็จแล้วครับ…” สายตาเรนจิไปหยุดอยู่ที่สร้อยในมือยี่หวา “สร้อยนั่นมัน…หม่ามี๊จำได้แล้วเหรอ”
“ยังจ้ะ แต่เมื่อคืนหม่ามี๊ฝันว่าได้แหวนวงนี้”
“งั้นก็แสดงว่าความทรงจำหม่ามี๊ใกล้กลับมาแล้วใช่ไหมครับ”
“หม่ามี๊ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะใช่” เพราะตั้งแต่ที่เธอจำความได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอฝันถึงความทรงจำ…
หลังจากที่ทั้งสามคนอาบน้ำเสร็จก็ลงมาหาข้าวกินแถวโรงแรม จากนั้นเรนจิก็บ่นว่าอยากเล่นน้ำทะเล วายุจึงต้องขับรถมายังทะเลที่ใกล้ที่สุด เมื่อมาถึงจุดหมายเรนจิก็รีบลงจากรถวิ่งไปที่ชายหาด วายุเดินตามเรนจิไปส่วนยี่หวายังคงยืนอยู่ตรงบริเวณชายฝั่งไม่เหยียบย่ำลงบนหาด
วายุเห็นถึงความผิดปกติของยี่หวาจึงหยุดเดิน แล้วตะโกนเรียกเรนจิ “เรนขึ้นมาก่อน” จากนั้นก็เดินไปหายี่หวาที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ “เธอเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่ถูกกับน้ำ ฉันไม่ชอบน้ำที่มันลึกๆ”
วายุทำหน้าแปลกใจ เธอกลายเป็นคนกลัวน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่มาเที่ยวทะเล เธอยังดื้อจะไปตรงน้ำลึกให้ได้เลย จนเขาต้องเป็นคนพาเธอไป “ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไม่รู้ค่ะ รู้ตัวอีกทีก็เข้าใกล้น้ำไม่ได้แล้ว”
เรนจิที่วิ่งมาถึงถามยี่หวาด้วยความรีบร้อนและเป็นห่วง “หม่ามี๊เป็นอะไรครับ หม่ามี๊ไม่ชอบทะเลเหรอ ถ้าหม่ามี๊ไม่ชอบเรากลับกันก็ได้นะครับ”
“แต่เรนชอบ…”
“ผมไม่เป็นไร หม่ามี๊สำคัญกว่า”
“เรนไปเล่นน้ำเถอะ หม่ามี๊นั่งรอตรงนี้ได้ อุตส่าห์มาแล้วทั้งที”
“แต่ผมไม่อยากเล่นแล้ว ผมร้อนแล้ว เราไปตากแอร์ที่ห้างกันดีกว่า” เรนจิทำหน้าออดอ้อน เข้าไปกอดขายี่หวาที่ยืนนิ่งมาสักพักแล้ว
วายุที่เห็นว่ายี่หวากำลังปฏิเสธอีกรอบก็รีบเอ่ยขึ้น “ถ้าลูกว่าอย่างนั้น งั้นเราไปกันเถอะ” จากนั้นก็ไม่รอช้าเดินนำหน้าไปที่รถ
ส่วนยี่หวาก็ก้มลงไปอุ้มเรนจิขึ้นไว้ในอ้อมกอดแล้วเอ่ยเบาๆ ที่ข้างหูเรนจิ “ขอบคุณนะคนเก่ง”
“ขอแค่หม่ามี๊มีความสุข”
หลังจากวันนั้นยี่หวาก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือตอนนี้เธอต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เพราะเธอเพิ่งมารู้ว่าสังกัดที่พีรพัฒน์ให้เธออยู่ดันเป็นสังกัดเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าพี่ชายเธอคิดอะไรอยู่กันแน่
แถมวันนี้พีรพัฒน์ยังเรียกเธอให้เข้ามาบริษัทเพื่อเจอผู้จัดการอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้หญิงคนนี้คือหม่ามี๊ของผม