แววตาของหลินโย่วหชิงไหววูบ จากนั้นก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไร หันไปกอดคอของโป๋มู่หานเอาไว้ หัวเราะออกมาเสียงเบาแล้วพูดว่า “หาน ฉันก็สะดุดล้มธรรมดา คุณไม่เห็นต้องเครียดขนาดนี้เลย ไม่เชื่อคุณก็ลองปล่อยฉันลง เดี๋ยวฉันเดินให้ดู”
โป๋มู่หานเอ่ยพูดเสียงราบเรียบ “ไปตรวจก่อนค่อยว่ากัน”
พูดจบ เขาก็อุ้มเธอเดินออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่แม้แต่จะหันไปมองฟู่จิงเหนียนและหลินเอินเอินที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ดวงตาของหลินเอินเอินฉายแววเสียดสี ว่าแล้วเชียว ยังไงหลินโย่วหชิงก็ยังเป็นที่หนึ่งในใจของเขา
ทกครั้งที่มีสถานการณ์แบบนี้ เธอจะรู้สึกยินดีแปลกๆ ยังดีที่ตอนนี้เธอถอดใจแล้ว
เพราะเมื่อก่อนหลินโย่วหชิงเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างนี้ได้
แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เธอฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอมีเลือดมีเนื้อ ถ้าทั้งสองคนจะแสดงความรักต่อกันบ่อยๆ แล้วถ้าเธอยังคงดึงดันเหมือนเมื่อก่อน ก็คงจะโกรธเพราะหลินโย่วหชิงจนตาย และเจ็บเพราะโป๋มู่หานจนตาย
ด้านฟู่จิงเหนียนก็กำลังมองมาที่หลินเอินเอิน เมื่อเห็นว่าสีหน้าเธอมีแต่ความเสียดสีไร้ซึ่งความเจ็บปวด นัยน์ตาของเขาก็ทอแววแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เพียงแค่ยิ้มออกมา “เดี๋ยวผมไปส่ง”
หลินเอินเอินเรียกสติกลับคืนมา เอ่ยพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันเรียกแท็กซี่กลับเองได้”
ฟู่จิงเหนียนเอ่ยพูดอย่างไม่ให้อีกฝ่ายได้ปฏิเสธ “จะให้ผู้หญิงกลับคนเดียวได้ยังไงกัน อีกอย่างลูกผู้ชายอย่างผมไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด ไปกันเถอะ”
หลินเอินเอินขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่าหลังจากนี้พวกเขาทั้งสองคนยังต้องติดต่อกันบ่อยๆ ถ้าเขาจะสืบไม่ช้าก็เร็วยังไงก็คงสืบหาที่อยู่เธอได้อยู่แล้ว เธอจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เลือกที่จะเดินออกไปข้างนอกกับฟู่จิงเหนียน
“งั้นก็ขอบคุณมากค่ะ”
เพียงแต่ว่า……
เรื่องบังเอิญมันไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว
ตอนที่หลินเอินเอินมาถึงลานจอดรถถึงได้พบว่า รถของโป๋มู่หานก็จอดอยู่ตรงนั้นด้วย เมื่อพวกเขามาถึง ก็เห็นโป๋มู่หานค่อยๆวางหลินโย่วหชิงนั่งบนเบาะอย่างระมัดระวัง
หลินเอินเอินขำออกมา มันต้องบังเอิญขนาดไหนกัน?
หลินเอินเอินรู้ว่าประโยคที่เขาพูดออกมา กำลังสื่อถึงความหมายอย่างที่สอง แต่เธอก็รู้ด้วยว่าเขากำลังเอ่ยเตือน ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับโป๋มู่หานอีก
แต่นี่มันก็เรื่องของเธอ คนอื่นไม่ควรมายุ่ง
เธอไม่ได้พูดอะไร ด้านฟู่จิงเหนียนก็เปิดประตูฝั่งข้างคนขับออก จากนั้นเธอก็ขึ้นไปนั่งเงียบๆ
หลังจากโป๋ฟู่จิงปิดประตูรถเสร็จ ก็เห็นภาพของพวกเขาตรงหน้า แววดุร้ายในดวงตาของเขาพลันเข้มขึ้นมาหลายเท่า แต่ต่อมา เขาก็เลือกที่จะขึ้นรถตัวเองไป
แต่สักพักใหญ่ ในยามที่รถทั้งสองคันขับออกไปพร้อมกัน ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังท้าประลองความเร็ว
แต่ไหนๆก็ต้องไปคนละทาง และหลินเอินเอินก็ไม่อยากแข่งกับเขาต่อ เมื่อเห็นว่าข้างหน้ามีทางแยก เธอก็เอ่ยพูดเสียงนิ่งว่า “เลี้ยว”
ฟู่จิงเหนียนหรี่ตาลง “คุณกลัวเหรอ?”
หลินเอินเอินหันหน้าไปหาเขา อมยิ้มแล้วพูดว่า “หรือว่าคุณฟู่อยากให้ฉันกลับไปรู้สึกกับเขาเหมือนเดิม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปฏิเสธรักสามีขี้อ้อน