ตอนที่ 164 เรียกเขามาคุยกับฉันเลย – ตอนที่ต้องอ่านของ ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา
ตอนนี้ของ ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา โดย Paizay ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 164 เรียกเขามาคุยกับฉันเลย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เห็นพิมเดินกลับเข้ามาคนเดียว ผู้ช่วยคังจึงรีบออกไปหาเตชินทันที
ป๊อบจ้องหน้าพิมอย่างเงียบๆพิมจึงหันมายิ้มอ่อนให้เขา
แม้ทุกคนจะอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่เอ่ยถาม
แม่มะลิเห็นว่าบรรยากาศมันดูอึมครึมจึงเอ่ยขึ้น
" พิมในเมื่อรับเสร็จแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะนะลูกวันนี้พ่อกับแม่มีเซอร์ไพรส์ให้ลูกด้วยนะ "
ได้ยินดังนั้นพิมก็ยิ้มขึ้นแววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
" จริงเหรอคะ ชักอยากรู้แล้วสิว่าเซอร์ไพรส์ของพ่อกับแม่คืออะไร "
" ถ้างั้นก็กลับบ้านกันเถอะ แต่ว่า ลูกต้องเอาผ้ามาปิดตานะ ระหว่างทางลูกก็หลับพักสายตาเลย "
" หูว...ดูแล้วต้องเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากจริง ถึงกับต้องปิดตาเนี่ย "
แม่มะลิยิ้มแล้วเอ่ย
" แน่นอนจ้า งั้นลูกหลับตาเลยนะ เดี๋ยวแม่จะเอาผ้ามาปิดตาให้ "
" ได้ค่ะ "
จากนั้นแม่มะลิก็นำผ้าสีดำมาปิดตาพิมไว้
แล้วจับมือลูกสาวให้ลุกขึ้นแล้วพาไปขึ้นรถ
ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับไปที่รถของตัวเองให้พ่อแม่ลูกเขาได้อยู่ด้วยกัน
จากนั้นดำรงค์ก็ขับรถพาครอบครัวของพิมกลับไปยังบ้านหลังใหม่
แม่มะลินั่งจับมือลูกสาวตลอดทาง พอกลับไปถึงบ้านหลังใหม่
พ่อคำก็ลงมาเปิดประตูให้แม่มะลิ แล้วแม่มะลิก็พาพิมลงจากรถ
จากนั้นพ่อคำกับแม่มะลิก็จูงมือลูกสาวเดินกลับเข้าไปในบ้านหลังใหม่
ทั้งสองจูงมือลูกสาวไปนั่งลงบนโซฟานุ่มๆ
พิมรู้สึกสงสัยจึงเอ่ยถามขึ้น
" นี่พ่อกับแม่ไม่ได้พาหนูกลับบ้านเหรอคะ "
" ก็ถึงบ้านแล้วไงจ้ะ ลูกเอาผ้าออกสิ "
พิมดึงผ้าปิดตาลงมาที่คอ แล้วเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้น มองไปยังพ่อกับแม่ของตนเอง
จากนั้นก็กวาดสายตามองไปรอบห้อง
ด้วยความประหลาดใจ
เธอเลิกคิ้วขึ้นหันมาถามผู้เป็นพ่อแม่แม่ด้วยความสงสัย
" ที่นี่ที่ไหน ไหนแม่บอกว่าถึงบ้านเราแล้วไงคะ
แล้วนี่มันบ้านใครคะ "
" ลูกชอบมั้ย "
พ่อคำเอ่ยถามพิม พิมจึงตอบไปว่า
" ชอบค่ะ สวยดี "
" ถ้าลูกชอบก็ดีแล้ว นี่เป็นบ้านหลังใหม่ของพวกเรา พ่อกับแม่ซื้อบ้านหลังนี้ไว้เพื่อเซอร์ไพรส์ลูก "
ได้ยินดังนั้นพิมก็ตกใจ เธอจึงเอ่ยถามขึ้นว่า
" พ่อกับแม่ล้อหนูเล่นหรือเปล่าคะ แล้วบ้านเก่าของเราล่ะคะ "
" พ่อกับแม่ขายไปหมดแล้ว ลูกไม่ต้องห่วงนะเพราะตอนนี้เราได้บ้านหลังใหม่นี้แล้ว "
พ่อคำเอ่ยตอบลูกสาว พิมได้ยินดังนั้นก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
" ขะ...ขายแล้ว แล้วพ่อรู้มั้ยคะว่าบ้านหลังนี้ราคาเท่าไหร่ "
เพราะเธอดูแล้วราคาไม่ใช่น้อยๆ แม่มะลิจึงเอ่ยตอบลูกสาวว่า
" ห้าสิบล้าน "
" ห้าสิบล้าน!!! "
พิมเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจสุดขีดจนดวงตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน
จากนั้นเธอก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวลใจ
" แม่คะพ่อคะ หนูจะเป็นลม หนูว่าคราวนี้เราได้นอนกลางดินกินกลางทรายแน่ๆค่ะ
เพราะเราจะไม่มีบ้านอยู่แล้ว เราจะเอาปัญญาไหนมาจ่ายค่าบ้านคะ ตั้งห้าสิบล้าน
ต่อให้ขายไร่ขายนาขายสวนขายบ้านแล้วก็มีไม่พอให้ซื้อบ้านหลังนี้หรอกค่ะ "
แม่มะลิจึงเอ่ยขึ้นว่า
" แต่เจ้านายของคุณดำรงค์เป็นคนให้พ่อกับแม่ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ยสักบาทเลยนะลูกโอกาสดีๆแบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆนะ
อีกอย่างบ้านหลังนี้ออกแบบตามที่ลูกต้องการเลย มีสระว่ายน้ำทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ มีที่ให้ปั่นจักรยาน
อนาคตถ้าลูกแต่งงานมีลูก เย็นๆก็พาลูกเดินเล่นแค่ในบริเวณบ้านเรา ก็มีพื้นที่กว้างพอให้ลูกพา
หลานปั่นจักรยานเล่นแล้ว "
พิมรู้สึกเครียดกับบ้านหลังใหญ่หลังนี้มาก
พ่อคำเห็นสีหน้าลูกสาวดูเครียดๆเขาจึงเอ่ยขึ้น
" ลูกไม่ต้องห่วงนะ เจ้านายของคุณดำรงค์เขาใจดีอยู่
เขาซื้อบ้านเก่าของพวกเรากับไร่นาและสวนของเราตั้งยี่สิบล้านบาท
ตอนนี้หนี้เราก็เหลือแค่สามสิบล้าน พ่อกับแม่จะค่อยๆทยอยคืนเขาเป็นรายปี
เห็นว่าจะให้พ่อกับแม่ทำสวนเหมือนเดิมพอได้เงินก็ค่อยมาคืนเขา "
ในเมื่อพ่อกับแม่อยากได้บ้านหลังนี้ถึงกับขายบ้านเก่าทิ้ง เธอก็ได้แต่จำใจร่วมทุกข์ร่วมสุขแล้วเอ่ยว่า
" ค่ะ ช่างเป็นเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ในเมื่อพ่อกับแม่ตัดสินใจแบบนี้แล้ว หนูก็จะช่วยผ่อนอีกแรงค่ะ "
ดำรงค์ได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นเอกสารข้อตกลงสัญญากู้ยืมเงิน
" นี่คือข้อตกลงในการยืมเงินครับ
ก่อนหน้านี้ คุณพ่อกับคุณแม่ของหนูพิมได้ดูแล้ว
ก็ไม่ได้มีข้อขัดแย้งหรือเห็นต่างอะไร หนูพิมลองอ่านดูสักหน่อยมั้ยครับ "
พิมหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน เธอก็ไม่พอใจทันที
ในสัญญาระบุว่า
1. ในการกู้ยืมเงินผู้กู้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยใดๆ
2. ในระหว่างที่ยังใช้หนี้ไม่หมด ผู้ให้กู้สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้กู้ได้ทุกเรื่องตามที่ผู้ให้กู้ต้องการ
" ครับ "
" ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ "
" ครับ "
แล้วพ่อคำก็เดินออกไปส่งดำรงค์ขึ้นรถ
ส่วนพิมกับแม่มะลิก็เดินดูห้องแต่ละห้องๆอย่างใจเย็น แม่มะลิจึงถามลูกสาวว่า
" เป็นไงชอบมั้ย ถูกใจหรือเปล่า "
พิมจึงเอ่ยตอบว่า
" ราคาตั้งห้าสิบล้านถ้าไม่ถูกใจก็คงไม่ใช่แล้วค่ะแม่ "
อยู่ๆเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมถามชื่อเจ้านายของดำรงค์ ว่าคือใคร เธอจึงหันไปถามผู้เป็นแม่แทน
" แม่คะ แล้วเจ้านายของคุณดำรงเป็นใคร
ชื่ออะไรคะ เมื่อกี้หนูมัวแต่ตกใจจนลืมดูลืมถามชื่อเขาค่ะ "
แม่มะลิมองหน้าลูกสาวแล้วเอ่ยตอบว่า
" แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่เคยถามแล้วเขาก็บอกแค่ว่า ไว้เซอร์ไพรส์เรา เท่านั้น
เย็นนี้เราก็คงจะได้เจอเขาแล้ว แม่ก็ภาวนาให้เขาอายุไม่เกินสี่สิบปี
ก่อนที่เซ็นสัญญาคุณดำรงค์ก็บอกว่าเจ้านายเขาเหมาะสมกับวัยของลูก
พ่อกับแม่เชื่อคำพูดคุณดำรงค์เพราะเขาเป็นเพื่อนพ่อไม่เคยพูดโกหก เลยเซ็นชื่อลงบนสัญญาฉบับนั้นทันที "
พิมมองแม่แบบนิ่งอึ้งไปเลย จากนั้นก็เอ่ยว่า
" แม่ แม่ยังไม่เคยเห็นเขาเลยนะ ทีหลังแม่อย่าไว้ใจใครง่ายๆเซ็นอะไรมั่วๆแบบนี้อีกนะคะ "
" แม่ขอโทษนะลูกถ้ามันทำให้ลูกไม่สบายใจ
แต่แม่ว่าโอกาสแบบนี้ต้องรีบคว้าไว้นะลูก "
พิมมองผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยต่อว่า
" แม่คะหนูรู้แล้วว่าหนูเหมือนใคร "
แม่มะลิมองหน้าลูกสาวด้วยความสงสัย
พิมจึงเอ่ยต่อว่า
" หนูเหมือนแม่ค่ะ หนูเคยอยากได้เงินจนยอมจดทะเบียนสมรสกับคุณเตชิน โดยไม่สนใจผลที่จะตามมาทีหลัง
ก็เหมือนแม่ที่อยากได้บ้านหลังนี้ไงล่ะคะ
เขาเอาโอกาสมาล่อแม่ก็หลงเซ็น
แต่ช่างเถอะเมื่อทำลงไปแล้ว ก็แก้ไขอะไรไม่ได้รอให้ได้เจอกับเขาก่อน หนูจะคุยกับเขาเอง
แม่อย่ากังวลเลยและไม่ต้องขอโทษหนูหรอกค่ะ หนูรู้ว่าพ่อกับแม่หวังดีและทำเพื่อหนู "
แม่มะลิพยักหน้าให้ลูกสาวเบาๆแล้วเอ่ย
" ขอบใจมากนะลูกที่เข้าใจพ่อกับแม่ "
พิมยิ้มอ่อนปลอบใจผู้เป็นแม่ แต่ในใจกลับกังวลกลัวว่าเจ้าหนี้ของพ่อแม่นั้นจะหน้าตาขี้เหร่ แก่คราวพ่อของเธอ
[ ขออย่าให้เป็นดังที่เรากลัวเลย ]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา