พอตกเย็น พ่อคำก็เดินมาหาแม่มะลิที่อยู่ในครัวที่กำลังยุ่งกับการทำอาหารอยู่
" แม่ อีกเดี๋ยวเจ้านายของคุณดำรงค์ก็มาแล้ว
พ่อว่าเราออกมารอต้อนรับเขาก่อนดีกว่า "
แม่มะลิที่ทำอาหารอยู่จึงเอ่ยตอบพ่อคำว่า
" ได้ๆ พ่อออกไปรอในห้องรับแขกก่อนเลย
เดี๋ยวจะตามออกไป
เออ...พ่อ ลูกพิมนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นคนเดียวพ่อลองไปดูเธอหน่อย "
พ่อคำผงกหัวเบาๆแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องครัว
แม่มะลิรู้ดีว่าพิมเครียดเรื่องหนี้สามสิบล้าน
พิมนั่งดูทีวีอย่างเงียบๆเพื่อให้สมองผ่อนคลายไม่เครียดกับหนี้ก้อนโตนี้
พ่อคำเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆพิมจากนั้นก็เอ่ยขึ้น
" ลูกพิมเราออกไปต้อนรับเจ้านายของคุณดำรงค์กันเถอะ "
ได้ยินดังนั้นพิมหันไปเอ่ยถามผู้เป็นพ่อว่า
" เขามาถึงแล้วเหรอคะ "
" เมื่อกี้คุณดำรงค์โทรมาบอกว่ามาใกล้จะถึงแล้ว เมื่อเขามาที่บ้านเรา เราก็ควรจะต้อนรับเขาอย่างให้เกียรตินะลูก ไม่ทำหน้าบึ้งใส่แขกนะ "
" ค่ะ งั้นก็ออกไปกันเถอะ "
พิมเอ่ยตอบอย่างเชื่อฟัง เธอถูกสอนเรื่องการเคารพให้เกียรติผู้อื่นตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะแขกที่มาบ้าน
แล้วสองพ่อลูกก็ลุกขึ้นเดินออกไปรอหน้าบ้านทันทีที่พิมออกมาข้างนอก
เธอก็ถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง แล้วหันขวับไปถามผู้เป็นพ่ออย่างตกใจเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก
" นี่มัน...พ่อคะ นี่...นี่มันที่ใกล้บ้านเรานี่คะ "
พ่อคำยิ้มอ่อนแล้วเอ่ยตอบลูกสาวว่า
" ใช่แล้ว เพราะมันใกล้บ้านเก่าแบบนี้ไงพ่อถึงได้ซื้อ ทำไมลูกถึงทำหน้าตกใจงั้นล่ะ มีอะไรหรือเปล่า "
ตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้เธอยังไม่ได้มองออกไปนอกบ้านเลยเพราะเธอมัวแต่เครียดไม่มีอารมณ์ชื่นชมหรือสนใจอะไร
แต่ตอนนี้เธอเข้าใจเนื้อหาในข้อตกลงสัญญาฉบับนั้นแล้ว
เธอรู้สึกโมโหมาก เธอน่าจะรู้ตั้งแต่อ่านสัญญาฉบับบนั้นแล้ว ว่าคนที่เขียนสัญญาแบบนั้นได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
พ่อคำจ้องหน้าลูกสาวที่นิ่งเงียบไปอย่างรอคำตอบ แล้วพิมก็เอ่ยตอบผู้เป็นพ่อว่า
" ที่ดินผืนนี้แปลงนี้เป็นของคุณเตชินค่ะ "
พ่อคำยิ้มขึ้นแบบไม่เต็มหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
แต่ลึกๆในใจก็แอบดีใจถ้าเจ้านายของคุณดำรงค์เป็นเตชินอดีตลูกเขยของเขา
แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี เพราะไม่เข้าใจว่า
เตชินจะมาซื้อที่ ที่นี่ทำไม
" มันจะเป็นไปได้ยังไงลูก "
" มันเป็นไปแล้วค่ะ ตอนนั้นหนูทำงานเป็นแม่บ้านเขา เขาเป็นคนพาหนูมาดูที่ตรงนี้เองค่ะ "
พ่อคำได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้นด้วยความดีใจแล้วเอ่ย
" เช่นนั้น เช่นนั้นเราก็ไม่ต้องห่วงหนี้สามสิบล้านแล้วสิ พ่อว่าคุณเตชินเขาดูรักลูกมากนะ
ลูกก็แต่งงานกับเขาเลยไม่ดีเหรอ บ้านหลังนี้จะได้กลายเป็นของลูกกับเขา "
" พ่ออ่ะ! "
พิมเอ่ยเสียงขุ่นเคืองมองพ่อด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
พ่อคำจึงเอ่ยต่อว่า
" ถ้าที่ตรงนี้เป็นของคุณเตชินจริงๆ พ่อกลับรู้สึกว่า เหมือนคุณเตชินตั้งใจจะซื้อที่ตรงนี้ไว้สร้างบ้านให้ลูกเลยนะ
ตอนที่เริ่มมาทำการก่อสร้าง คุณดำรงค์ก็มาถามพ่อว่าถ้าเป็นพ่ออยากได้บ้านแบบไหนพร้อมกับเอาแบบบ้านมาให้พ่อดู
ตอนนั้นพ่อก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่ไม่ได้คิดอะไร แต่พอสร้างใกล้เสร็จ ก็สร้างออกมาตามที่พ่อบอกทุกอย่าง
จากนั้นก็มาเสนอขายให้พ่อโดยไม่คิดดอกเบี้ย หรือว่าคุณเตชินตั้งใจจะสร้างบ้านหลังนี้เพื่อเป็นของขวัญให้ลูกจริงๆ "
" พ่อคะคนอย่างคุณเตชินน่ะ ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองล้วนๆ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็จะเอาด้วยกล พ่อกับแม่หลงกลแผนการเขาแล้วค่ะ "
พิมมองหน้าพ่อแล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูอารมณ์ไม่ดี
สักพักรถหรูของเตชินก็เข้ามาจอดในบ้านของพิม พิมยืนต้อนรับด้วยสีหน้านิ่งเฉยเย็นชา
ผู้ช่วยคังลงจากรถแล้วเดินไปเปิดประตูให้เตชิน เตชินก้าวขาลงจากรถ
เดินเข้ามาหาพิมกับพ่อแม่ของพิม พร้อมกับยกมือขึ้นมาไหว้อย่างสุภาพ
" สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณแม่ บ้านถูกใจคุณพ่อคุณแม่มั้ยครับ "
" สวัสดีๆ ถูกใจมากๆครับ "
พ่อคำเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ ไม่คิดว่าเตชินจะรวยขนาดนี้ ซื้อบ้านห้าสิบล้านเป็นว่าเล่น
ทันทีที่แม่มะลิเห็นเตชินก็ถึงกับอึ้งอ้าปากค้างไปเลย ดวงตาเบิกกว้างกะพริบปริบๆ
" อย่า...อย่าบอกนะว่า เจ้านายของคุณดำรงค์คือคุณเตชิน "
เตชินพยักหน้ายิ้มแล้วเอ่ยว่า
" ใช่แล้วครับ ผมเอง ต้องขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า "
ได้ยินดังนั้นแม่มะลิก็ยิ้มขึ้นแล้วเอ่ย
" ไม่เป็นไรเลยค่ะ ดีด้วยซ้ำที่เป็นลูก แม่โล่งอกไปที "
เตชินยิ้มแล้วเอ่ยถามขึ้น
" ทำไมล่ะครับ คุณแม่กลัวว่าลูกสาวคุณแม่จะต้องไปเป็นคู่ควงให้กับคนแก่ๆเหรอครับ "
เตชินเดาความคิดแม่มะลิออก เพราะดำรงค์คอยรายงานทุกกิริยาอาการที่ผ่านตาตลอด
แม่มะลิยิ้มเจื่อนแล้วพยักหน้าเอ่ยตอบเสียงค่อย
" อืม ใช่ "
เตชินยิ้มอย่างพอใจ แล้วเอ่ยกระซิบเสียงเบากับแม่มะลิว่า
" คุณแม่ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ยอมให้ภรรยาผมไปตกอยู่ในมือคนอื่นหรอก "
แม่มะลิได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้นด้วยความดีใจ
พ่อคำที่อยู่ข้างๆจึงเอ่ยขึ้นว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา