รถของเตชินเข้ามาจอดในลานจอดรถ จากนั้นทั้งสองคนก็เปิดประตูลงจากรถ
เตชินลงจากรถแล้วรีบวิ่งไปรับพิมประคองตัวเธออย่างทะนุถนอมด้วยความเป็นห่วง พิมจึงหันมาเอ่ยกับเขาว่า
" คุณอย่าเว่อร์เกินไปได้มั้ยคะ ฉันท้องนะ ไม่ได้ป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงสักหน่อย คุณไม่ต้องมาประคองอะไรขนาดนี้หรอกค่ะ "
เตชินมองลงบนตัวภรรยาตัวน้อย ความจริงเขาอยากจะอุ้มเธอเลยด้วยซ้ำ
แต่กลัวเธอจะโวยวายแล้วว่าให้เขาอีก เขาได้แต่คอยจับประคองตัวเธอเฝ้าระวังอุบัติเหตุ แล้วเอ่ยตอบเธอว่า
" คุณ ถ้าผมไม่จับคุณไว้เกิดคุณสะดุดล้มจะทำยังไง ผมจะช่วยคุณทันเหรอ
อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้เสมอนะ มันไม่ได้บอกหรือแจ้งเตือนล่วงหน้า เราก็ต้องระวังๆไว้ "
" แต่ฉันไม่ใช่เด็กนะคะ ที่จะเดินไม่ดูตาม้าตาเรือแล้วปล่อยให้ตัวเองสะดุดล้มได้น่ะ "
เอ่ยจบเธอก็ผลักเตชินออกแล้วหมุนตัวก้าวไปข้างหน้า
แต่ในจังหวะหมุนตัวเท้าของเธอดันไปสะดุดกับเท้าของตัวเองเข้าซะงั้น
เธอตกใจจนหน้าเธอเหวอเกือบจะหงายหลังลงไปบนพื้นแล้ว
ดีที่เตชินอยู่ใกล้จึงรีบคว้ามือเธอไว้แล้วกอดรัดเอวเธอไว้ทัน พิมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เตชินจึงเอ่ยว่า
" เห็นมั้ย พูดยังไม่ทันขาดคำเลย ก็เกิดอุบัติเหตุแล้ว ผมว่าคุณอย่าดื้อเลยจะดีกว่า "
เอ่ยจบเขาก็อุ้มภรรยาตัวน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแล้วพาเธอเดินเข้าไปในบ้าน
" คุณปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้เลยนะ อายคนอื่นเขา ใครเขาทำตัวเหมือนคุณกัน "
เตชินไม่วางพิมลงแต่กลับเอ่ยตอบเธอว่า
" ก็เพราะผมไม่อยากให้ใครทำตัวเหมือนผม
ผมเลยทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน
ผมรักภรรยา เป็นห่วงลูก ผมอุ้มภรรยาแล้วผมรู้สึกปลอดภัยกว่า สบายใจกว่าให้คุณเดินเอง
ผมก็จะทำแบบนี้ไปจนกว่าคุณจะคลอด
การอุ้มคุณก็เหมือนกับได้อุ้มลูก
มันเป็นการสร้างความรักความผูกพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก
พอลูกคลอดออกมาจะได้จำผมได้และเรียกหาผมเป็นคนแรกไง "
พิมตีไปที่อกเขาเบาๆแล้วเอ่ย
" คุณนี่นะ เอาแต่ใจตลอดเลย "
เตชินมองคนในอ้อมแขนแล้วฉีกยิ้มยิ้มให้ เขาอุ้มพิมไว้ในอ้อมแขน พอเจอป้าแม่บ้านเขาก็เอ่ยถามขึ้น
" ป้าพร คุณพ่อกับคุณแม่อยู่มั้ยครับ "
" อยู่ค่ะ คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่นค่ะ "
" ขอบคุณครับ "
เอ่ยขอบคุณเสร็จ เตชินก็อุ้มพิมเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่พ่อแม่เขาอยู่
พอคุณหญิงจารวีกับคุณผู้ชายทวีศักดิ์
เห็นลูกชายอุ้มพิมเข้ามา คุณหญิงจารวีก็รีบเอ่ยถามขึ้น
" อ้าว ลูก หนูพิมเป็นอะไรไปน่ะ "
พิมวางหน้าไม่ถูก เตชินยิ้มให้พ่อกับแม่แล้ววางพิมนั่งลงบนโซฟา
จากนั้นเขาก็นั่งลงข้างๆเธอพร้อมกับเอ่ยตอบพ่อแม่ที่กำลังรอคำตอบว่า
" เมื่อกี้พิมล้มน่ะครับ ผมกลัวว่าถ้าให้เธอเดินเองจะล้มอีก กลัวจะทำให้ลูกในท้องได้รับบาดเจ็บ เลยอุ้มเธอเข้ามาในบ้านครับ "
คุณหญิงจารวีกับคุณผู้ชายทวีศักดิ์ได้ยินดังนั้นพวกเขาก็มองหน้ากัน
ยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วคุณหญิงจารวีก็เอ่ยกับสามีว่า
" คุณเรากำลังจะได้อุ้มหลานแล้ว คุณได้ยินเหมือนฉันมั้ยลูกบอกว่าหนูพิมท้อง "
คุณผู้ชายทวีศักดิ์ยิ้มด้วยความปลื้มปิติพร้อมกับพยักหน้าให้ภรรยา
" ใช่ เรามีหลานแล้ว "
จากนั้นคุณหญิงจารวีก็วางมือจากอุปกรณ์ทาสีเล็บแล้วเข้ามานั่งใกล้พิม พร้อมกับเอ่ยถามพิมว่า
" หลานของแม่ได้กี่เดือนแล้ว "
" ห้าเดือนค่ะ "
พิมเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม แล้วคุณหญิงจารวีก็เอ่ยต่อว่า
" งั้นดีเลย เดี๋ยวแม่จะสั่งสมุนไพรมาทำให้ลูกดื่มบำรุงครรภ์นะ ต่อไปลูกก็อยู่กับแม่ที่นี่เลย แม่จะได้แลลูกกับหลานด้วยตนเอง "
" เอ่อ...คือ...หนู... "
พิมรู้สึกอึดอัดไม่รู้จะพูดยังไง ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงไม่ให้แม่ของเตชินเสียน้ำใจ
คุณหญิงจารวีมองหน้าพิม รอฟังเธอเอ่ยอย่างจดจ่อ
เตชินเห็นว่าพิมอึดอัดเขาจึงเอ่ยว่า
" คุณแม่ครับ หากคุณแม่อยากดูแลลูกสะใภ้กับหลาน คุณแม่คงต้องไปอยู่เชียงใหม่สักพักแล้วล่ะครับ "
คุณหญิงจารวีมองไปยังลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น
" ทำไมล่ะ หนูพิมไม่ชอบอยู่ที่นี่เหรอ "
ได้ยินดังนั้นพิมก็รีบอธิบายทันที
" อ้อ ไม่ใช่ค่ะอย่างงั้นค่ะ คือ หนูเป็นครูค่ะ ต้องสอนเด็กๆ
ไม่สะดวกไปกลับ กรุงเทพ-เชียงใหม่ แต่หากคุณหญิงอยากจะไปอยู่เชียงใหม่ก็ไปได้นะคะ "
คุณหญิงจารวีได้ยินพิมเรียกเขาว่าคุณหญิง
เขาก็ไปจับมือเธอมากุมไว้แล้วเอ่ย
" คุณหยงคุณหญิงอะไรกัน ต่อไปนี้ต้องเรียกคุณแม่เท่านั้น ส่วนเขาก็เรียกคุณพ่อ เข้าใจมั้ย "
" นั่นสิ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วลูกสะใภ้ก็เหมือนลูกแท้ๆเป็นคนในตระกูลเดียวกัน
ไหนลองเรียกพ่อกับแม่ให้รู้สึกชื่นใจหน่อยสิ "
คุณผู้ชายทวีศักดิ์เอ่ยด้วยความรักใคร่เอนดูลูกสะใภ้ คุณหญิงจารวียิ้มจนตาหยีรอฟังพิมเอ่ยเรียกเขาว่าแม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา