ขณะที่ซูหย่งหวงอยู่ระหว่างพักรักษาตัว พวกของหลี่ชิเย่สามคนจึงพักอยู่ในเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อรอให้ซูหย่งหวงหายดีเสียก่อน แล้วจะตามไปสังหารโอรสสวรรค์ปกสมุทรอีกที
ในวันนี้เอง บุคคลผู้หนี่งได้มาที่เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างที่คนผู้นี้ก้าวเดินมาที่เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แต่ไกล ก็ได้มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นอย่างรุนแรง
คนผู้นี้เป็นชายวัยกลางคน ขณะที่ชายวัยกลางคนผู้นี้เดินมาแต่ไกลก็สามารถมองเห็นท่วงทำนองของความเป็นกษัตริย์ของเขาได้
จังหวะการก้าวเดินของบุคคลผู้นี้นับว่าไม่เร็วนัก เขาก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ขณะที่เข้าก้าวเท้าไปทีละก้าวๆ นั้น พื้นดินพลันบังเกิดเป็นเสียงดัง “ตึง…ตึง…ตึง…” ขึ้นมา
เสียงดังตึงตึงตึงนี้มีจังหวะจะโคนมาก ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป ลักษณะของเสียงไม่ได้ดังกังวาลมากนัก แต่ว่า ทุกคนที่ได้ยินก็จะรู้สึกได้ว่าเหมือนพื้นดินกำลังสั่นไหว คล้ายเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มีหัวใจขนาดใหญ่ดวงหนึ่งกำลังเต้นอยู่อย่างนั้น
ขณะที่คนผู้นี้ก้าวเดินมา ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นที่เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ท้องฟ้าดูจะกลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม ทั่วทั้งเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์พลันเปี่ยมด้วยกลิ่นอายของความเป็นสีเขียว ความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขามยิ่งปกคลุมไปทั่วเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เหมือนว่าเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ถูกปกคลุมด้วยความมีชีวิตชีวาไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ทั้งเมือง
ในเวลานี้เอง บนท้องฟ้าของเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ถึงกับมีใบไม้สีเขียวอ่อนปลิวตกลงมาจากท้องฟ้า ใบไม้สีเขียวอ่อนทุกใบล้วนแล้วแต่เป็นใบไม้อ่อนทั้งสิ้น การลอยตกลงมาของใบไม้สีเขียวอ่อนแต่ละใบเหมือนเป็นการนำพาชีวิตที่ใหม่ทั้งหมดให้กับเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้น
อีกทั้งยามที่ชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้ก้าวเดินมาทุกย่างก้าวนั้น ใต้เท้าของเขาก็จะปรากฎเป็นเส้นทางที่ปูลาดออกมา เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยต้นหญ้าสีเขียวอ่อน ท่ามกลางเส้นทางต้นหญ้าสีเขียวอ่อนยังมีหลินจือ อึ่งจิง ที่เป็นสมุนไพรล้ำค่าชนิดต่างๆ ขึ้นแซมด้วย ดุจดั่งไม่ว่าเขาจะก้าวเดินไปยังที่ใด ก็จะมีสรรพชีวิตกำเนิดขึ้น มีสมุนไพรวิเศษหญ้าทิพย์ขึ้นเป็นกอ
เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นจากการก้าวเดินมาของชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้ ได้สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับผู้คนจำนวนมาก เหมือนว่าชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้คือจ้าวป่า เขาสามารถควบคุมการเจริญเติบโตของต้นไม้ใบหญ้าทุกชนิดได้อย่างนั้น
เมื่อชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้มาถึงนอกเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เขาได้กวาดสายตาเข้าไปในเมือง ปรากฏว่าทั่วทั้งเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์พลันสว่างไสวขึ้นมา เหมือนว่าประกายตาของเขาได้ส่องสว่างไปทั่วเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้น
ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกขึ้นภายในใจ เมื่อชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้ได้กวาดสายตามองเข้ามา ทันใดนั้น ทุกคนรู้สึกว่าตัวเองถูกครอบคลุมภายใต้ประกายตาของเขาเอาไว้ การกวาดตามองตามอารมณ์ของเขาสามารถครอบคลุมไปทั่วเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ประหนึ่งว่าภายใต้ประกายตาของเขานั้น ทุกคนที่อยู่ในเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ล้วนอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด
หลังจากที่ชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้มาถึงแล้ว เขาไม่ได้มีการเก็บงำพลังของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้พลังอำนาจของตนได้ครอบคลุมไปทั่วเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนจำนวนมากจนขนลุกขนพอง เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังอำนาจของชายหนุ่มวัยกลางคนที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
“เขาเป็นใครกันนะ?” ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างรู้สึกยำเกรง เมื่อได้เห็นชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้ อาศัยพลังที่กระจายออกมาจากตัวเขา ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยก็ต้องรู้ได้ทันทีว่าเขามีความน่ากลัวที่สุดจะบรรยาย แต่ทว่า กลับไม่ใครที่รู้จักชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้
กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ปรากฎแก่สายตาอย่างกะทันหันเช่นนี้ดูจะไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย เกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของเขา
“จักรพรรดิลู่ เขา เขาไม่ใช่ตายไปแล้วรึ” ในที่สุดก็มียอดฝีมือจดจำชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้ได้ ถึงกับร้องกล่าวด้วยความตระหนกว่า “ตอนที่อยู่ทะเลกระดูก ข้าเห็นชัดเจนว่าเขาถูกคนโหดหลี่ชิเย่เผาจนตายไปแล้วนี่ แล้วทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่ได้ อีกทั้งยังดูแข็งแกร่งกว่า และน่ากลัวกว่าเดิมอีกด้วย”
“จักรพรรดิลู่ คือใครกัน?” ต่อให้มียอดฝีมือที่จดจำประวัติความเป็นมาของชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้ได้ แต่ ยังคงมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่รู้จักเขา กระทั่งผู้คนจำนวนมากไม่เคยได้ยินชื่อ ”จักรพรรดิลู่” เสียด้วยซ้ำ
“เขาเป็นศิษย์คนหนึ่งของจู่ลู่ รู้เพียงว่าเขามีชาติกำเนิดมาจากจู่ลู่ ได้ยินว่าเขาเป็นกษัตริย์ของจู่ลู่ แต่ทว่า รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นไม่มีใครรู้” ยอดฝีมือที่จดจำจักรพรรดิลู่ได้ก็รู้สึกได้ว่ามันแปลกประหลาดมาก
ครั้งนั้นที่ทะเลกระดูก ท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมาก ทุกคนมองเห็นจักรพรรดิลู่ถูกเพลิงแก่นสุริยันของหลี่ชิเย่เผาผลาญจนเหลือเพียงเถ้าธุลี เวลานี้กลับยังคงมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งมากกว่าคราวอยู่ที่ทะเลกระดูดไม่รู้เท่าไร
“เจ้าคงไม่ใช่จำคนผิดกระมัง” กระทั่งระดับปราชญ์รุ่นอาวุโสยังไม่อยากจะเชื่อ กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “คนผู้นี้มีชาติกำเนิดเป็นเผ่าพฤกษาจริง แม้ว่าจะมองไม่ออกถึงตื้นลึกหนาบางของเขา แต่ ข้าคาดเดาส่วนตัวว่า เกรงว่ากำลังความสามารถของคนผู้นี้คงไม่ด้อยไปกว่าเมิ่งเจิ้นเทียนกระมัง บุคคลเช่นนี้กลับเป็นคนที่มีชื่อว่าจักรพรรดิลู่ที่ไร้ชื่อไร้เสียงไปได้”
ยอดฝีมือที่จดจำจักรพรรดิลู่ได้พยายามสังเกตชายหนุ่มวัยกลางคนอย่างละเอียดอีกครั้ง กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ต้องเป็นจักรพรรดิลู่คนนั้นที่อยู่ที่ทะเลกระดูกอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะไหม้เป็นจุณข้าก็ยังจำได้ น่าแปลก ข้าเห็นชัดว่าเขาถูกหลี่ชิเย่เผาจนกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว ทำไมถึงยังคงมีชีวิตอยู่ได้อีก ทั้งยังมีความแข็งแกร่งมากกว้าครั้งก่อนไม่รู้หลายพันเท่าหลายหมื่นเท่า! ”
ยอดฝีมือผู้นี้คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก จักรพรรดิลู่ที่ถูกเผาจนตายไปแล้วในวันนั้น ทำไมถึงมีชีวิตได้อีก
ขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังอยู่ระหว่างคาดเดาถึงประวัติความเป็นมาของจักรพรรดิลู่อยู่นั้น จักรพรรดิลู่ได้ขึ้นไปยืนอยู่บนกิ่งไม้ที่อยู่ห่างไม่ไกลจากใบหน้าที่แก่เฒ่าของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ขึ้นอยู่ในเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
“ผู้อาวุโสจิ่วจุง ข้าอยากฟังความเห็นของท่าน” จักรพรรดิลู่เอ่ยขึ้นอย่างช้าขณะยืนอยู่ที่ตรงนั้น
เขารู้ทั้งรู้ถึงประวัติความเป็นมาของจิ่วจุงเสินจู่ แต่ยังคงมีความมั่นใจ ดูรู้ว่าจักรพรรดิลู่มีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม จิ่วจุงเสินจู่หลับตาพักผ่อนกายาอยู่ เหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...