วันรุ่งขึ้น หลังจากที่จักรพรรดิลู่มาถึงเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้มีการถ่ายทอดประกาศิตศักดิ์สิทธิ์ออกมา บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่ได้รับประกาศิตศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้
“จะมีการจัดการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ขึ้นที่เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์!” ข่าวที่สะเทือนฟ้ายิ่งดั่งพายุที่โหมกระหน่ำไปทั่วเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
“ประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์?” พลันที่ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากเมื่อได้รับประกาศิตศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้แล้ว ต่างรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวยิ่งนัก การประชุมในลักษณะเช่นนี้ไม่ได้จัดมานานมากแล้วสิ ลือกันว่า สมัยที่ราชันเซียนหยินเทียนยังไม่ได้เป็นราชันเซียนเคยเรียกประชุมเช่นนี้มาครั้งหนึ่ง ต่อมาภายหลังก็ไม่มีการเรียกประชุมในลักษณะเช่นนี้อีกเลย”
“ประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์!”แม้แต่บุคคลระดับปฐมบรรพบุรุษยังรู้สึกตระหนกตกใจยิ่งกับข่าวนี้ กล่าวว่า “ใช่ว่าใครที่ไหนก็สามารถจัดให้มีการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ขึ้นมาได้ เวลานี้มีการเรียกประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน มันเป็นเพราะอะไรกันแน่? ใครกันที่มีคุณสมบัติเป็นผู้จัดการประชุมลักษณะเช่นนี้ได้?”
“บุตรเทพเจ้าแห่งทะเล บรรพบุรุษคนที่สองของเผ่าพฤกษา ฐานะเช่นนี้มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้จัดให้มีการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ได้แล้วกระมัง” ผู้ที่ทำหน้าที่มาถ่ายทอดประกาศิตศักดิ์สิทธิ์ได้เอ่ยถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใน
ระดับผู้ยิ่งใหญ่เมื่อเข้าใจถึงความลึกลับที่อยู่ภายในแล้วรู้สึกตกใจยิ่งนัก พึมพำออกมาว่า “พายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะมาแล้วรึ?”
“ถูกต้อง พายุฝนฟ้าคะนองกำลังมา ทุกสิ่งที่เป็นศัตรูกับเผ่าวิญญาณเทพ เผ่าปีศาจทะเล เผ่าพฤกษาพวกเราต้องถูกกำจัด ตำแหน่งราชันเซียนในชาตินี้จะต้องอยู่ในแดนวิญญาณสวรรค์” ผู้ที่มาทำหน้าที่ถ่ายทอดประกาศิตศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ อะไรคือประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์?” กลุ่มคนรุ่นใหม่น้อยคนนักที่เคยได้ยินชื่อของประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ กล่าวด้วยความแปลกใจ
“ประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์มีสองความหมาย หนึ่ง ทุกเผ่าพันธุ์ในแดนวิญญาณสวรรค์ล้วนแล้วแต่เข้าร่วมประชุมได้ สอง เป็นการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาของทุกๆ เผ่าพันธุ์ที่อยู่ในแดนวิญญาณสวรรค์ การประชุมในลักษณะเช่นนี้ยิ่งใหญ่มาก อีกทั้งยังมีลักษณะเป็นตัวแปร โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงพอ ได้แต่เป็นผู้เข้าร่วมประชุม ไม่มีสิทธิ์ร่วมตัดสินมติของที่ประชุม…”
“…เรื่องราวต่างๆ ที่ใหญ่และมีความสำคัญยิ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับแดนวิญญาณสวรรค์ก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาในที่ประชุม แน่นอนที่สุด การตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย ขึ้นอยู่กับการประชุมลับของบรรดาสำนักต่างๆ ที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ตัดสินชี้ขาด หลังจากที่ตัดสินชี้ขาดแล้วก็จะนำมตินั้นแจ้งต่อทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมทราบ” ผู้อาวุโสของสำนักได้อธิบายให้กับผู้เยาว์ภายในสำนัก
“เฉกเช่นสำนักของพวกเราคงเป็นได้แค่เข้าร่วมประชุมเท่านั้นเอง เป็นผู้ฟังเพียงอย่างเดียว” ผู้เยาว์ถึงกับเอ่ยขึ้นมา
ผู้อาวุโสพยักหน้า กล่าวว่า “ถูกต้อง ผู้ที่สามารถตัดสินในประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ก็จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์แค่เป็นผู้ที่จะถ่ายทอดมติที่ประชุมเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์สำนัก เผ่าพันธุ์ หรือยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน เกิดขัดแย้งกันขึ้นขณะที่มีการปฏิบัติตามมติของที่ประชุมในอนาคต การตัดสินใจที่เกิดขึ้นในที่ประชุมมักจะส่งผลกระทบต่อแดนวิญญาณสวรรค์ เป็นยุคสมัยๆ หนึ่งได้เสมอ…”
“…เหมือนดั่งเช่นเจ้ายุทธจักรราชันปู ครั้งนั้นหลังจากเสร็จศึกผายุทธแล้ว เป็นการวางรากฐานราชันเซียนที่สูงสุดของเขา ต่อมา แดนวิญญาณสวรรค์ได้จัดการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ขึ้น เผ่าปีศาจทะเล เผ่าพฤกษา เผ่าวิญญาณเทพต่างให้การรับรองฐานะของเจ้ายุทธจักรราชันปูร่วมกัน จากนี้เป็นต้นมาไม่ว่าจะเป็นสำนักใดๆ ของเผ่าปีศาจทะเลก็จะไม่ต่อต้านฐานะของเจ้ายุทธจักรราชันปูอีก ไม่คิดที่จะทดลองไปทำให้ทวนสามง่ามออกจากการให้การยอมรับในตัวเจ้ายุทธจักรราชันปู ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เจ้ายุทธจักรราชันปูสามารถกวาดล้างสิ่งกีดขวางบนเส้นทางได้ทั้งหมด ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเทพเจ้าแห่งทะเลในที่สุด”
“การจัดการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้เพื่ออะไรกันแน่?” มีผู้เยาว์เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
ผู้อาวุโสถึงกับนิ่งเงียบกับปัญหาข้อนี้ ไม่อาจให้คำตอบได้
“เจ้าคนอวดดี จะมีการจัดประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ขึ้นแล้วนะ เจ้าจะไปมั้ย” เย่เสี่ยวเสี่ยวพลันได้ยินข่าวนี้ก็นำไปแจ้งต่อหลี่ชิเย่ในทันที ยิ้มแต้กล่าวว่า “ฟังว่าคราวนี้ดำเนินการประชุมโดยบุตรเทพเจ้าแห่งทะเล และบรรพบุรุษคนที่สองของเผ่าพฤกษา ดูท่ามีความเป็นไปได้เพื่อเล่นงานเจ้า”
“ประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์งาน คงเป็นงานเข่นฆ่าใหญ่กระมัง” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมา กล่าวว่า “เล่นงานข้าน่ะดีที่สุด จัดการพวกเขาทั้งหมดในคราเดียว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปจัดการทีละคนๆ ให้มันยุ่งยาก มันยุ่งยากมากเกินไป”
“เกรงว่าศัตรูก็มีแนวความคิดเช่นนี้แหละ ไม่แน่นักพวกเขาอาจขุดหลุมพรางเอาไว้รอเจ้ากระโดดลงไป ให้เจ้าเป็นศัตรูกับทุกๆ เผ่าพันธุ์ของแดนวิญญาณสวรรค์” ซูหย่งหวงออกปากกล่าวเตือนหลี่ชิเย่
หลังจากพักรักษาตัวมาหลายวัน อาการบาดเจ็บบนตัวนางได้หายเป็นปรกติแล้ว
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา กล่าวว่า “ขุดหลุมพรางให้ข้ากระโดดลงไป? ให้ข้าเป็นศัตรูกับทุกเผ่าพันธุ์? มันไม่ดีตรงไหน ก็แค่ศัตรูเท่านั้นเอง เจ้าเข่นฆ่าเขาหนึ่งแสน พวกเขาอาจเข้าใจว่ายังสามารถรบอีกสักครั้ง เจ้าสังหารพวกเขาหนึ่งล้าน พวกเขารู้สึกว่ายังสามารถขัดขืนได้ แต่เมื่อเจ้าสังหารพวกเขาเป็นล้านล้าน ทั่วทั้งแดนวิญญาณสวรรค์ก็จะหุบปากเงียบ ถึงเวลานั้นทั่วแดนวิญญาณสวรรค์ก็จะเงียบงันไปทั่ว…”
“…หมื่นเผ่าพันธุ์เท่านั้นเอง รอให้ข้าจัดการสังหารหมู่พวกมันให้หมด จะต้องมีคนที่เข้าใจว่าควรยืนอยู่ข้างไหนจึงเป็นการนกระทำที่ฉลาดเลือก คล้อยตามข้าอยู่ ขัดใจข้าม้วย ใครขวางทางของข้า ฆ่าไม่มีละเว้น! ต่อให้ต้องเลือดท่วมไปทั่วแดนวิญญาณสวรรค์ จะเป็นไรไป” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เขายิ้มอย่างอ่อนโยน
ประโยคที่โชกไปด้วยเลือดเช่นนี้ หลี่ชิเย่กลับพูดมันออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด ทำให้คนฟังถึงกับรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาทันที
เย่เสี่ยวเสี่ยวที่ตั้งใจจะแกล้งหลี่ชิเย่เล่นเมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้แล้ว นางถึงกับรู้สึกสะท้านภายในใจ และนางมั่นใจว่าหลี่ชิเย่หาใช่พูดไปอย่างนั้นเอง เกรงว่าเขาวางแผนที่จะทำเช่นนี้ก่อนหน้านานมาแล้ว
สำหรับซูหย่งหวงนั้น นางได้แต่ฝืนยิ้ม นางเคยชินกับความโหดที่พลันโกรธก็เข่นฆ่าสิ้นหมื่นเผ่าพันธุ์ของหลี่ชิเย่เสียแล้ว
ทันใดนั้น สายตาของหลี่ชิเย่เต้นกระตุกทีหนึ่ง ขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วลุกขึ้นยืนทันที กล่าวกับซูหย่งหวงว่า “เจ้าคิดจะสังหารโอรสสวรรค์ปกสมุทรใช่มั้ย เขาต้องไปที่การประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์แน่นอน ถึงเวลานั้นเจ้าไปที่นั่นก็ได้แล้ว”
“ไปสังหารโอรสสวรรค์ปกสมุทรที่งานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ เกรงว่าจักรพรรดิหอยสังข์ต้องให้การคุ้มครองเขากระมัง” เย่เสี่ยวเสี่ยวถึงกับเอ่ยขึ้นมา
หลี่ชิเย่มอบสิ่งของสิ่งหนึ่งให้กับซูหย่งหวงไปตามอารมณ์ กล่าวกับซูหย่งหวงว่า “ไปพบเทพธิดาเจินหวู่ หากเจ้าเต่าหดหัวหอยสังข์กล้าหาเรื่องเจ้า นางจะคอยคุ้มครองเจ้าให้เอง เจ้าจัดการสังหารโอรสสวรรค์ปกสมุทรกลางในงานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์เสีย ให้ผู้คนใต้หล้าได้รู้ว่า ใครหาญกล้าแตะต้องคนที่อยู่ข้างกายข้าจะมีจุดจบเช่นใด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...