ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1462

ตอนที่ 1462 ไม่หยุดก้าวเดินตราบนิรันดร์

ผู้หญิงคนนั้นไม่พูดไม่จา เพียงจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเย็นชา หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก นางจึงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “เจ้าคิดว่าเพื่อให้ข้ามีชีวิตอยู่คือเรื่องดีแล้วอย่างนั้นรึ? การมีชีวิตอยู่มิสู้ตายจากการสู้รบ!”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ ทำให้หลี่ชิเย่ต้องนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน สุดท้าย เขายิ้มอย่างขมขื่นว่า “ข้ารู้ ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นข้าที่ติดค้างเจ้า การที่ข้ามายืนอยู่ตรงหน้าก็เพื่อต้องการชดใช้คืน เจ้ายังเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในยุคของอเวจี ข้าเป็นคนผนึกร่างเจ้าเอาไว้เองกับมือ เพื่อให้เจ้าห่างไกลจากโลกมนุษย์ หวังเพียงเจ้าสามารถมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในยุคของโลกที่มีความเจริญรุ่งเรือง…”
“ในครั้งนั้น ข้าเคยรับปากต่อบิดาของเจ้า ขอเพียงข้ายังอยู่ในเก้าแดน ไม่มีใครสามารถเอาชีวิตเจ้าไปได้! แต่ว่า ในยุคที่มีสภาพเช่นนี้ เจ้ากลับคืนสู่ยุทธภพเร็วกว่าปรกติ สุดท้าย จึงนำไปสู่จุดจบในลักษณะเช่นนี้ เป็นข้าที่ทำร้ายเจ้า!” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้แล้ว เขาถึงกับทอดถอนใจออกมาด้วยความจนด้วยเกล้า
หลังจากที่หลี่ชิเย่พูดจบได้จ้องมองไปที่นัยน์ตาทั้งสองของนาง สุดท้าย กล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “ในอดีต ข้าไม่ชอบมาที่แดนวิญญาณสวรรค์ ชาตินี้ข้าได้มาแล้ว ข้ามาในฐานะของหลี่ชิเย่ เมื่อได้พบกับเจ้าข้าเพียงต้องการบอกต่อเจ้าว่า หากเจ้ายินดี ข้าสามารถชดใช้ให้กับเจ้าได้!”
“แม้กระทั่งยอมหลีกทางเรื่องสืบทอดชะตาฟ้า?” ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าหลี่ชิเย่ด้วยความเย็นชา
หลี่ชิเย่จ้องมองลึกเข้าไปยังดวงตาของนาง มองอย่างลึกซึ้ง พยักหน้าด้วยท่าทีหนักแน่นว่า “ถูกต้อง ต่อให้ต้องหลีกทางการสืบทอดชะตาฟ้าให้ หากเจ้าต้องการเป็นราชันเซียน เช่นนั้น ชาตินี้ราชันเซียนก็คือเจ้า!”
ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองหลี่ชิเย่ สุดท้าย กล่าวด้วยท่าทีน่าเกรงขามว่า “ข้าต้องการเป็นราชันเซียนโดยต้องให้ใครมายกให้ หากข้าต้องการเป็นราชันเซียน ข้าจะทำการกวาดล้างสิ่งกีดขวางทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง ข้าก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งราชันเซียนด้วยตนเอง! ตำแหน่งราชันเซียนของข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามายกให้ และไม่จำเป็นต้องให้เจ้าคอยสนับสนุน!”
“ข้ารู้” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม ยิ้มกล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าโอหังอวดดีเช่นนี้แหละ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าไม่ยอมก้มหัวให้ใคร!”
ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความเย็นชา หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก นานมากๆ ในที่สุดนางพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ต้องการชะตาฟ้า ข้าก็ไม่ต้องการตำแหน่งราชันเซียน ถ้าหากเจ้าจะชดเชยให้กับข้าล่ะก็ ง่ายมาก หยุดการก้าวเดินของเจ้าเสีย รั้งอยู่ทื่นี่ ทุกอย่างก็เพียงพอแล้ว!”
คำพูดของผู้หญิงทำให้หลี่ชิเย่ต้องตกอยู่ในสภาวะนิ่งเงียบเป็นเวลาเนิ่นนาน แต่ ท้ายที่สุดแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมาและกล่าวว่า “จนควรรู้ว่าข้าทำไม่ได้ ไม่ว่าจะอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใด ข้าจะไม่หยุดการก้าวเดิน ข้าจะก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ ข้าจะไม่รั้งอยู่เพื่อคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้าจะเดินไปจนถึงจุดสิ้นสุดของโลก ข้าจะสู้รบจนถึงสุดท้าย!”
คำพูดของหลี่ชิเย่ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงตื่นเต้นหวั่นไหว และไม่ได้มีอาการโกรธ นางเพียงจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเย็นชา เหมือนว่านางคาดเดาได้อยู่ก่อนแล้วว่าหลี่ชิเย่จะต้องพูดแบบนี้
“เจ้าไม่เคยยกเว้นเลยรึ?” สุดท้าย ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
“เรื่องอื่นๆ ข้ายกเว้นให้ได้ เหมือนดั่งชะตาฟ้าอย่างนั้น แม้ข้ารู้ว้าชาตินี้จะต้องสู้รบไปจนถึงที่สุด ข้ายังคงมอบให้กับเจ้าได้ แม้ไม่มีชะตาฟ้า ข้ายังคงสู้รบไปจนถึงที่สุด” หลี่ชิเย่จ้องมองนัยน์ตาทั้งสองของนาง รับกับสายตาของนางที่ส่องเข้าไปถึงภายในจิตใจของตนอย่างไม่สะทกสะท้าน กล่าวว่า “แต่ว่า เรื่องนี้ให้ไม่ได้ ข้าจะไม่รั้งอยู่ ไม่หยุดนิ่ง อดีตเป็นเช่นนี้ เวลานี้เป็นเช่นนี้ อนาคตก็เป็นเช่นนี้! จิตใจของข้าจะไม่สั่นคลอน! เว้นแต่โลกใบนี้ไม่มีข้าอีกแล้ว!”
“ในชีวิตของเจ้า ข้าไม่เคยเป็นคนที่ได้รับการยกเว้น!” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวน้ำเสียงเยือกเย็นออกมา
หลี่ชิเย่ถึงกับนิ่งเงียบขึ้นมา หลังจากผ่านไปนานมาก เขากล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “ไม่เพียงเจ้าเท่านั้น สำหรับเรื่องนี้ข้าไม่เคยยกเว้น ใช่ว่าข้ายังรักไม่ลึกซึ้งพอ บอกได้แต่เพียงสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ข้ามุ่งมาดปรารถนาที่สุดของชีวิต หากไม่มีสิ่งนี้ ไม่ว่าข้าจะอยู่ในฐานะหลี่ชิเย่ หรือฐานะของอีกาทมิฬ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่มีความหมาย!”
“ข้ารู้ ข้ารู้ว้าเจ้าจะต้องพูดแบบนี้อยู่แล้ว” ผู้หญิงคนนั้นมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเมินเฉย
หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ กล่าวว่า “ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้า กล่าวสำหรับข้าแล้ว เจ้าก็ดี ซู่เอ๋อร์ก็ช่าง เหวินซินก็เป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่หยุดยั้งเพื่อเจ้า และเพื่อพวกนาง ข้าจะไม่หยุดยั้งเพื่อคนใดคนหนึ่ง ข้าก็คือข้า ข้าคือแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟตัวนั้น ไม่ถึงที่สุด ไม่ตายไม่เลิก!”
“การมีพวกเจ้าท่ามกลางชีวิตของข้า ข้าขอบคุณอย่างยิ่ง เป็นพวกเจ้าที่ทำให้ชีวิตของข้าตื่นเต้นมากขึ้น” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ยิ้มอย่างขมขื่นทีหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าพูดได้เพียงว่า ข้าเห็นแก่ตัวมากเกินไป”
“เจ้าไปเสีย” สุดท้าย ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ข้าไม่ใช่หญิงที่ถูกทอดทิ้ง ข้าไม่ต้องการการชดเชยจากเจ้า! ไม่ว่าเจ้าจะติดค้างข้าหรือไม่ก็ตาม”
ภายในใจของหลี่ชิเย่ถึงกับหวั่นไหวขึ้น มองดูผู้หยิงที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม อดยื่นมือออกไปลูบไล้ใบหน้าที่งดงามของนาง ลูบไล้อย่างแผ่วเบาในเวลานี้ภาพในอดีตได้ปรากฎขึ้นภายในใจเป็นฉากๆ
ในห้วงเวลานั้น เขาเป็นชายหนุ่มที่มากด้วยอุดมการณ์ไม่ยึดติดในจารีตประเพณี ชายหนุ่มที่มีชื่อว่าหลี่ชิเย่ ถือดีว่าตนมีความสามารถ ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ขณะที่นางคือผู้หญิงที่ตกอยู่ในห้วงความรัก นางที่ถือดีมาโดยตลอด กลับกลายเป็นผู้ที่มีความอ่อนโยนยิ่ง และน่ารักยิ่ง…
ภาพในอดีตที่ปรากฏเป็นฉากๆ ขึ้นมภายในใจของเขา นึกถึงอดีตที่หวานชื่นของทั้งสองคน ภายในใจของเขาถึงกับสะท้านทีหนึ่ง ตัวเขาที่ไม่รู้จักกับความเจ็บปวดเป็นเช่นใดมาเป็นเวลาเนิ่นนานถึงกับรู้สึกเจ็บแปลบๆ ขึ้นมา
“ลาก่อน พระจันทร์น้อยของข้า บางทีหากข้าได้รับชัยชนะกลับมา เจ้าอาจจะยังได้พบกับข้า แต่หากข้าตายแล้ว ไม่แน่นักสักวันหนึ่งเจ้าอาจมีโอกาสได้เก็บศพของข้า” สุดท้าย หลี่ชิเย่พึมพำออกมา
ผู้หญิงคนนั้นถึงกับหลับตาลงช้าๆ ปรากฏน้ำตาบริเวณหางตาโดยไม่รู้ตัวน้ำตาที่อยู่บริเวณหางตาคล้ายดั่งเป็นไข่มุกเม็ดหนึ่งที่ห้อยอยู่ตรงนั้น
ในที่สุด หลี่ชิเย่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ และหันหลังจากไปทันทีโดยไม่รั้งรออีกต่อไป เขาไม่ต้องการให้นางเห็นร่องรอยที่เปียกแฉะบริเวณหางตาของเขา เขาเคยเป็นผู้บงการของเก้าแดน นับแต่โบราณกาลที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเลือดที่ไหลนองเป็นทะเล หรือโครงกระดูกที่กองสุมดั่งภูเขา เขาก็มีจิตที่แข็งดั่งเหล็กกล้า เยือกเย็นไร้ซึ่งความปราณี! ไม่เคยเสียใจ ไม่เคยร้องไห้
นางที่หลับตาอยู่ตรงนั้น ท้ายสุดยังคงอดไม่ได้ต้องลืมตาทั้งสองขึ้นมา มองดูเงาหลังของเขาที่จากไปไกล มองดูจนกระทั่งไปไกลลิบ
ภายในใจของหลี่ชิเย่รู้สึกโหว๋งเหวง เดินไปเรื่อยๆ ภายในใจบังเกิดเสียงสะท้อนก้องมากมาย ภาพในอดีตผุดขึ้นภายในสมองมากมายเหลือเกิน
เจี่ยนเหวินซินได้เคยพูดกับเขาว่า “ฟ้าดินช่างกว้างไกลเหลือเกิน การเป็นมดปลวกที่หมอบอยู่ท่ามกลางฟ้าดินตัวหนึ่ง ใช่ว่าจะไม่ดี”
เมื่อนึกถึงคำพูดคำนี้ของเจี่ยนเหวินซินขึ้นมาอีกครั้ง หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา เสียงหัวเราะของเขาดูขมขื่นยิ่งนัก
“ต่อให้ข้าเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่ง ข้าก็จะไม่ยอมหมอบคลานอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ข้าจะลุยขึ้นไปยังเก้าชั้นฟ้า ลุยไปถึงจักรวาล จะไม่ยอมหลบซ่อนตัวอย่างเด็ดขาด เพราะว่าข้าคือหลี่ชิเย่!” สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้พึมพำออกมา
เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มีความคึกคักยิ่งนัก ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มาก่อนหน้าต่างตั้งตารอคอย ขณะที่ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่นอกเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ก็ทยอยกันเข้ามายังเมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
เนื่องจากการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว การประชุมในลักษณะเช่นนี้จะต้องกลายเป็นการประชุมที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคแน่นอน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญตนคนใด หรือสำนักใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการพลาดโอกาสเข้าร่วมงานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้
แม้จะกล่าวว่า ทุกๆ เผ่าพันธุ์ล้วนแล้วแต่สามารถเข้าร่วมงานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ได้ทั้งสิ้น แต่ทว่า ผู้ที่เป็นผู้ดำเนินการประชุมจริงๆ ในครั้งนี้ยังคงเป็นเผ่าวิญญาณเทพ เผ่าปีศาจทะเล เผ่าพฤกษาที่เป็นเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนวิญญาณสวรรค์ กระทั่งกล่าวได้ว่า พวกเขาทั้งสามเผ่าเป็นผู้บงการของแดนวิญญาณสวรรค์ที่แท้จริง
ส่วนสำนักต่างๆ ที่เป็นของเผ่าพันธุ์อื่นๆ เป็นต้นว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าศิลา เผ่าโลหิตเป็นต้น พวกเขาเป็นได้เพียงผู้เข้าร่วมประชุมของการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์เท่านั้นเอง มีสิทธิ์แค่รับฟังอย่างเดียว ไม่มีสิทธิ์ไปร่วมตัดสินหรือกำหนดอะไรในการประชุมเช่นนี้
“การประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เป็นใครกันแน่ที่จัดให้มีขึ้น ใครเป็นผู้ดำเนินการ”
“วางใจเถอะ การจัดงานประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้ มีคุณสมบัติเพียงพอในการจัดอย่างแน่นอน การประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยบรรพบุรุษคนที่สองของเผ่าพฤกษา เมิ่งเจิ้นเทียน องค์ชายแห่งความชั่วร้าย จักรพรรดิหอยสังข์ สี่ผู้ได้รับความเคารพสูงสุดได้ร่วมลงนามในประกาศิตศักดิ์สิทธิ์ อาศัยกำลังและฐานะของพกวเขา นับว่ามีสิทธิ์จัดการประชุมเช่นนี้ขึ้นมาได้โดยแท้จริง! ข้อนี้ปราศจากข้อสงสัยอยู่แล้ว” พรรคพวกของผู้บำเพ็ญตนผู้นี้กล่าวว่า “ยิ่งไปกว่านั้น มีข่าวลือว่า การประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้แม้แต่เทพธิดาเก็บจันทรา และเทพธิดาเจินหวู่ก็จะเข้าร่วมประชุมด้วย ดังนั้น ไม่ว่ามองจากด้านไหนก็ตาม การประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้ถือว่าถูกต้องตามหลักเกณฑ์การเรียกประชุม”
ความจริงแล้ว ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างเต็มไปด้วยการคาดเดาต่างๆ นานา หลังจากได้รับประกาศิตศักดิ์สิทธิ์เรียกประชุมแล้ว เนื่องจากการเรียกประชุมในคราวนี้เป็นไปอย่างเร่งรีบ โดยไม่มีเค้าลางมาก่อนแม้แต่น้อย ทำให้ผู้คนจำนวนมากตั้งตัวไม่ทัน
“เร่งรีบขนาดนี้ อีกทั้งยังจัดการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ขึ้นที่เมืองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ? ได้ยินมาว่า ก่อนหน้านั้นการจัดประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์หากไม่จัดที่สายสำนักราชันเซียนก็จะจัดที่สำนักเทพเจ้าแห่งทะเล หรือไม่ก็สำนักปรมาจารย์พฤกษา เวลานี้กลับมาเรียกประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ขึ้นที่เทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มันน่าแปลกเหลือเกิน” มีคนที่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับการจัดการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้
“ไม่แน่นักอาจต้องการเล่นงานคนโหด” ปีศาจทะเลถึงกับกล่าวว่า “การประชุมใหญ่ในครั้งนี้มีเมิ่งเจิ้นเทียน องค์ชายแห่งความชั่วร้าย บรรพบุรุษอันดับสองเผ่าพฤกษา และจักรพรรดิหอยสังข์ร่วมกันลงนามในประกาศิตศักดิ์สิทธิ์ ลือกันว่า แม้แต่เทพธิดาเจินหวู่และเทพธิดาเก็บจันทราก็เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย ข้ารู้สึกว่าเป็นการจัดขึ้นเพื่อเล่นงานคนโหดแน่”
“เกรงว่าคงไม่ง่ายเพียงแค่นี้กระมัง การที่จะเล่นงานคนโหดอันดับหนึ่งเพียงคนเดียว คงไม่ต้องเรียกประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์กระมัง” ผู้ที่เข้าใจถึงการจัดประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์กล่าวว่า “ตามความเห็นของข้า การจัดประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้ นอกจากเผ่าปีศาจทะเล เผ่าวิญญาณเทพ และเผ่าพฤกษาของแดนวิญญาณสวรรค์จะร่วมมือกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อเล่นงานหลี่ชิเย่แล้ว ตามความเห็นของข้ามองว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่จะกำหนดผู้ที่จะเป็นผู้รับการคัดเลือกเป็นราชันเซียน และเทพเจ้าแห่งทะเลอีกด้วย”
“ผู้รับการคัดเลือกเป็นราชันเซียนและเทพเจ้าแห่งทะเลสามารถยืนยันจากการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์ได้ด้วยรึ?” ยอดฝีมือที่ไม่เคยเข้าร่วมการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์มาก่อนอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“ลือกันว่าสามารถกระทำได้” ผู้ที่เคยทำความเข้าใจเกี่ยวกับการประชุมหมื่นเผ่าพันธุ์กล่าวว่า “ถ้าหากดาวรุ่งของแดนวิญญาณสวรรค์ต่างยืนกรานไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้กันและกัน ก็จะอาศัยวิธีกผ่านการประชุมเช่นนี้มาตัดสิน ทุกคนผ่านการตกลงเรื่องผลประโยชน์และการแบ่งปันมาเป็นตัวกำหนด เหมือนดั่งเช่นเวลานี้ ตามความเห็นส่วนตัวของข้า ผู้รับการคัดเลือกเป็นราชันเซียนจะต้องเป็นเมิ่งเจิ้นเทียน…”
“…สำหรับผู้รับการคัดเลือกเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลนั้น คงพูดยาก เป็นไปได้อาจเป็นราชินีเทพเจ็ดสมุทร หรืออาจเป็นโอรสสวรรค์ปกสมุทร ยิ่งมีความเป็นไปได้อาจเป็นเทพธิดาเจินหวู่ เรื่องของตำแหน่งราชันเซียนจัดการได้ง่ายกว่า เพราะว่าจะอย่างไรเสีย เผ่าวิญญาณเทพในแดนวิญญาณสวรรค์มีความต้องการอย่างยิ่งให้เมิ่งเจิ้นเทียนได้เป็นราชันเซียน ส่วนผู้ที่รับการคัดเลือกเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลนั้นมีความดุเดือดมาก เกรงว่าทางเผ่าปีศาจทะเลก็ไม่ต้องการให้การแย่งชิงตำแหน่งเทพเจ้าแห่งทะเลต้องเกิดการ่สูญเสียหนักเกินไป”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล