ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1479

สรุปบท ตอนที่ 1479 เข้าไปในหุบเขาสังสารวัฏ: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1479 เข้าไปในหุบเขาสังสารวัฏ – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 1479 เข้าไปในหุบเขาสังสารวัฏ ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 1479 เข้าไปในหุบเขาสังสารวัฏ

หลี่ชิเย่และซูหย่งหวงยืนอยู่ที่ปากทางเข้า มองดูหุบเขาสังสารวัฏที่อยู่ตรงหน้า

หุบเขาสังสารวัฏมีความสวยงามมาก ที่ตรงนี้มีแต่ต้นไม้ใบเขียว เต็มไปด้วยต้นหญ้าและเถาวัลย์ที่พันเกี่ยว อีกทั้งทั่วทั้งหุบเขาสังสารวัฏยังอบอวลไปด้วยพลังที่ไม่มีจืดจาง

สถานที่ลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็นับว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การฝึกฝนบำเพ็ญจิตอย่างยิ่ง กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว เกรงว่าส่วนใหญ่คงยินดีที่จะอาศัยอยู่ที่ตรงนี้เพื่อบำเพ็ญตนอย่างเงียบๆ

ภายในหุบเขาสังสารวัฏนั้นมีแอ่งน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก มีลำธารแต่ละสายที่สลับซับซ้อนไขว้กันไปมา โดยที่ลำธารเล็กๆ เหล่านี้กลับเป็นเอกเทศในตัวเอง ลำธารแต่ละสายจะไม่เชื่อมถึงกัน ต่างคนต่างไหลไปเรื่อยๆ

ด้วยสภาพของหุบเขาที่มีลำธารแต่ละสายไหลสลับไขว้กันไปมาเช่นนี้ คล้ายทำให้พื้นที่ลักษณะเช่นนี้กลายเป็นแคว้นแห่งสายน้ำอย่างนั้น ณ ที่ตรงนี้มีแอ่งน้ำตื้นๆ อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย

ท่ามกลางหุบเขาในลักษณะเช่นนี้แหละ บริเวณกลางหุบเขาได้มีต้นไม้แก่ขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง โดยที่รากแขนงของต้นไม้ต้นนี้จะมีลักษณะที่แทงออกไปข้างๆ ลำต้นขนานกับพื้นดินสลับไขว้กันไปมา ต้นไม้ต้นนี้มีอายุแก่มาก แม้ว่าลำต้นของต้นไม้แก่ต้นนี้จะไม่สูงใหญ่มากนัก แต่ก็เจริญเติบโตได้งามมากทีเดียว สามารถมองเห็นใบไม้ที่เหมือนกำลังร่ายรำเฉิบๆ อยู่อย่างนั้น จากเปลือกของต้นไม้ที่ทั้งแก่และดูหยาบกร้านสามารถดูรู้ว่า มันได้ผ่านการมีชีวิตมาแล้วอย่างยาวนาน

ลักษณะของต้นไม้แก่ต้นนี้ที่เจริญเติบโตอยู่ท่ามกลางหุบเขาแห่งนี้ ดูจะเป็นที่สะดุดตาผู้คนยิ่งนัก เหมือนว่ามันได้ดูดซับเอาพลังของหุบเขาสังสารวัฏทั้งหมดมาไว้บนตัวอย่างนั้น คล้ายดั่งหุบเขาสังสารวัฏต้องอาศัยพลังจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อบ่มฟักและหล่อเลี้ยงต้นไม่แก่ต้นนี้ขึ้นมา

สายตาของซูหย่งหวงพลันถูกต้นไม้แก่ต้นนี้ดึงดูดเอาไว้ มองดูต้นไม้แก่ต้นนี้แล้วถึงกับพูดขึ้นมาว่า “นี่ก็คือหญ้าสังสารวัฏเก้าใบอย่างนั้นรึ?”

“ไม่ นั่นไม่ใช่หญ้าสังสารวัฏเก้าใบ แม้ว่าต้นไม้แก่ต้นนี้ก็มีความยอดเยี่ยมมาก แต่ทว่า เมื่อเทียบกับหญ้าสังสารวัฏเก้าใบแล้วนับว่าห่างชั้นกันมากทีเดียว เรียกว่าคนละชั้นอย่างสิ้นเชิง ต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่บริเวณใต้ต้นไม้แก่ต้นนั้นจึงจะเป็นหญ้าสังสารวัฏเก้าใบ มันขึ้นเกาะอยู่กับต้นไม้แก่ต้นนั้น” กล่าวพลางได้ชี้ให้ซูหย่งหวงดู

ซูหย่งหวงมองตามทิศทางที่หลี่ชิเย่ชี้ไป เห็นบริเวณรากที่แทงขนานออกมาจากต้นแก่ไปตามพื้นดินบนรากแก่เส้นหนึ่งมีต้นหญ้าสีเขียวที่สูงประมาณ ฟุตเศษขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง ต้นหญ้าสีเขียวต้นนี้มีใบอยู่เก้าใบ ลักษณะใบเป็นรูปทรงกลม แลดูคล้ายเป็นวงล้อเล็กๆ ขอบใบมีรอยหยักเป็นฟันเฟืองขนาดเล็ก และด้วยฟันเฟืองขนาดเล็กนี่เอง ทำให้ใบทั้งเก้าใบเหมือนว่ามันสามารถหมุนได้อย่างนั้น

แม้ว่าต้นหญ้าสีเขียวต้นนี้ก็มีการเปล่งประกายอ่อนๆ ออกมาได้ อีกทั้งใบทั้งเก้าใบยังส่งประกายแวบวับออกมาเป็นครั้งคราว แต่ ประกายที่เหมือนแวบผ่านไปนั้นดูคล้ายกับเป็นประกายที่ออกมาจากอัญมณีอย่างนั้น

แต่ทว่า ส่วนใหญ่แล้ว สายตาของผู้คนจำนวนมากจะถูกดึงดูดโดยต้นไม้แก่ที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาต้นนั้น เนื่องจากต้นไม้แก่ต้นนั้นมีพลังที่ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกยำเกรงมากเหลือเกิน อีกทั้งร่องรอยเกี่ยวกับกาลเวลาที่ปรากฏบนต้นไม้นั้น ทำให้ผู้คนสามารถรู้ได้ทันทีว่ามันต้องมีวงปีที่มากมายเหลือเกินอย่างแน่นอน ด้วยลักษณะของต้นไม้แก่ต้นนี้ ต่อให้คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ต้องรู้ว่ามันคือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นหนึ่ง

ดังนั้น ต่อให้ต้นหญ้าสีเขียวที่ขึ้นอยู่บนรากแก่ของต้นไม้แก่ต้นนั้นที่ดูแล้วก็ไม่ธรรมดา แต่ ในสายตาของผู้คนจำนวนมากจะรู้สึกว่ามันเทียบไม่ได้กับต้นไม้แก่ต้นนั้น!

ซูหย่งหวงก็เช่นกัน เมื่อนางมองเห็นครั้งแรก สายตาของนางก็ถูกดึงดูดโดยต้นไม้แก่ต้นนั้น โดยที่ต้นไม้แก่ต้นนั้นไม่เพียงได้ผ่านโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายตลอดเวลาเท่านั้น ทั้งยังเปี่ยมด้วยพลังล้นปรี่ ต่อให้ไม่ใช่หมอโอสถก็สามารถเข้าใจได้ หากว่าสามารถทำการเคลื่อนย้ายต้นไม้แก่ต้นนี้ไปปลูกในสำนักของตนเองได้ล่ะก็ ต้องส่งผลให้กับศิษย์ภายในสำนักให้ได้รับประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว

ด้วยสายตาที่ถูกดึงดูดโดยต้นไม้แก่ต้นนั้น ทำให้ซูหย่งหวงก็ไม่ทันได้สังเกตุถึงหญ้าสังสารวัฏเก้าใบที่ขึ้นอยู่บริเวณรากแก่ของต้นไม้แก่นั่น

“สามารถดูรู้ได้อย่างไรว่าหญ้าสังสารวัฏเก้าใบเติบโตได้ที่แล้ว?” หลังจากได้รับการเตือนสติจากหลี่ชิเย่แล้ว ซูหย่งหวงถึงกับจ้องมองดูหญ้าสังสารวัฏเก้าใบอย่างละเอียด เมื่อมีการจ้องมองหญ้าสังสารวัฏเก้าใบอย่างละเอียดแล้ว ยิ่งดูนานมากเท่าไรก็จะรู้สึกว่ามันไม่ธรรมดามากขึ้น โดยเฉพาะยามที่ใบไม้มีการส่งประกายแวบวับเป็นระยะๆ เหมือนดั่งเป็นประกายที่ออกมาจากอัญมณีอย่างนั้น ดุจดั่งเป็นอัญมณีที่มีจากดวงดาวแต่ละดวง ประกายลักษณะเช่นนี้มีพลังชีวิตอยู่ในตัวด้วย

“ให้ดูที่รากของมัน เจ้าลองดูสิว่ารากฝอยของมันมีแนวโน้มเหมือนจะแยกตัวออกมาหรือไม่” หลี่ชิเย่ชี้จุดให้กับซูหย่งหวง

หลังจากที่ซูหย่งหวงได้รับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่แล้ว จึงมองไปที่รากฝอยของหญ้าสังสารวัฏเก้าใบอย่างละเอียด แม้ว่ารากฝอยของหญ้าสังสารวัฏเก้าใบจะมีขนาดเล็กมาก แต่ทว่า มันก็มีลักษณะคล้ายกับรากแก่ของต้นไม้แก่ มีร่องรอยของกาลเวลาให้ได้เห็น รากฝอยเล็กๆ เช่นนี้ยามที่มองดูเป็นครั้งแรกจะไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรเป็นพิเศษ

แต่ว่า เมื่อมองดูให้ละเอียดแล้วก็จะพบว่า รากฝอยของหญ้าสังสารวัฏเก้าใบกลับมีลักษณะคล้ายเป็นกรงเล็บของมังกรอย่างนั้น และด้วยรากฝอยที่ดุจดั่งกรงเล็บมังกรแท้จริงเช่นนี้นี่เอง มันได้เกาะจับอยู่กับรากแก่ของต้นไม้แก่อย่างเหนียวแน่น และด้วยสาเหตุนี้เองทำให้มันสามารถขึ้นอยู่บนรากแก่นี้ได้

แต่ว่า ซูหย่งหวงที่ได้รับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่แล้วนั้น เวลานี้นางเองก็รู้สึกได้ว่ารากฝอยที่คล้ายดั่งกรงเล็บมังกรและเกาะติดแน่นอยู่กับรากแก่มีแนวโน้มว่าจะหลุดออก เสมือนหนึ่งกรงเล็บมังกรที่เกาะจับอยู่กับรากแก่นั้นเกือบจะเกาะไม่อยู่แล้วอย่างนั้น

“จะอย่าดูว่ามันแค่ขึ้นอยู่บนรากแก่เท่านั้น ความจริงแล้ว รากของมันได้หยั่งรากลงไปทั่วพื้นดิน เมื่อยามที่มันเติบโตจนจะได้ที่แล้ว รากของมันก็จะมีการหดตัว โดยขั้นตอนทั้งหมดของมันก็คล้ายดั่งกาลเวลาอันสุดแทนจะยาวนาน สุดท้ายรวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นเวลาอยู่จุดหนึ่งอย่างนั้น เมื่อมันสุกงอมได้ที่จริงๆ แล้ว มันก็จะหลุดออกจากต้นไม้แก่นั่น…”

เมื่อหลี่ชิเย่ได้กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หยุดนิดหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ด้วยสาเหตุนี้เอง คิดจะเอามันไปด้วยจึงไม่ใช่เรื่องง่าย จะถอนมันออกมาทั้งรากทั้งโคน นั่นเท่ากับพอๆ กับพลิกแผ่นดินของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดขึ้นมาอย่างนั้น จึงได้แต่รอให้มันได้ที่แล้วค่อยนำมันไปได้ มิเช่นนั้นล่ะก็ ต่อให้เจ้ามีความสามารถเช่นนั้นจริง สิ่งที่นำเอาไปได้มันก็แค่ต้นไม้เหี่ยวแห้งต้นหนึ่งเท่านั้น”

“แว้งค์” ขณะที่หลี่ชิเย่เพิ่งกล่าวขาดคำ เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างของคนๆ หนึ่งปรากฎตัวขึ้น เขายืนอยู่ท่ามกลางแอ่งน้ำแห่งหนึ่ง เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยมีประกายสีดำที่ล้อมรอบตัวเขาอยู่ แต่ทว่า จากนั้น “แว้งค์” ร่างของเขาได้แวบหายไปในทันที

มองดูทะเลทรายกว้างใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ซูหย่งหวงไม่สามารถแยกแยะได้ว่ามันคือจริงหรือภาพลวงตา เนื่องจากมันเหมือนจริงมาก นางถึงกับพูดขึ้นมาว่า “ถ้าหากมันไม่ใช่ภาพลวงตาแล้วคืออะไร?”

“เจ้าก็ถือเสียว่ามันคืออาณาจักรสังสารวัฏ สามารถจินตนาการว่ามันคือสถานที่ที่ถูกทิ้งร้าง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ในอดีตที่นานมากๆ มาแล้วมันมีสถานที่เช่นนี้อยู่จริง เพียงแต่ด้วยสาเหตุต่างๆ นานา พวกมันถูกทิ้งร้างเอาไว้ และสถานที่ที่ถูกทิ้งร้างนี้ก็เวียนว่ายอยู่อย่างนี้ตรงนี้”

“สามารถออกไปได้หรือไม่?” ซูหย่งหวงเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นมีแต่ทรายที่อยู่ตรงหน้า

“ออกไปมันไม่ยาก” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “แน่นอน หากเจ้าเดินไปยิ่งไกลมากเท่าไร หากคิดจะกลับออกไป ความยากก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่ทว่า หากเจ้าคิดจะไปให้ถึงจุดกึ่งกลางของหุบเขาแห่งนี้อย่างแท้จริงล่ะก็ เจ้าจะต้องก้าวให้พ้นจากวัฏสงสารที่นี่ไป มิฉะนั้นล่ะก็ เจ้าจะไม่สามารถเข้าไปได้ตลอดกาล เลิกฝันที่จะได้หญ้าสังสารวัฏเก้าใบ!”

“ไปเถอะ” จังหวะที่ซูหย่งหวงกำลังพิจารณาดูทะเลทรายที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด หลี่ชิเย่ได้ดึงมือนางให้ก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป

“คนโหดอันดับหนึ่งก็มาด้วยแล้ว” ขณะที่หลี่ชิเย่และซูหย่งหวงเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอยู่นั้น กลับได้พบเห็นผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อย เมื่อบรรดาผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่เดินอยู่ในทะเลทรายเห็นหลี่ชิเย่และซูหย่งหวงแล้วต่างทยอยกันฉากหลบไป

ในเวลานี้เอง ซูหย่งหวงจึงได้พบว่าในทะเลทรายแห่งนี้ไม่เพียงมีทรายที่ปลิวว่อนเต็มท้องฟ้าเท่านั้น ใต้ทะเลทรายยังมีโครงกระดูกขนาดยักษ์จำนวนไม่น้อยที่ถูกพวกผู้บำเพ็ญตนขุดขึ้นมา ดูจากลักษณะของโครงกระดูกแล้วเหมือนเป็นโครงกระดูกของสัตว์ดุร้ายอะไรสักอย่าง นอกจากโครงกระดูกยักษ์เหล่านี้แล้ว ยังมีไม้ที่น่ากลัวจำนวนไม่น้อยถูกผู้บำเพ็ญตนขุดเอาขึ้นมา…

ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ตามกันเข้ามายังหุบเขาสังสารวัฏแห่งนี้ หลังจากที่พวกเขาได้เข้ามาถึงพื้นที่ที่เป็นทะเลทรายเช่นนี้แล้ว ไม่สามารถทำได้เหมือนดั่งพวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายค้นพบเส้นทางที่ถูกต้องได้ ดังนั้น พวกมันจึงหยุดอยู่ที่ตรงนี้แล้วทำการขุดค้นขึ้น หวังอาศัยโครงกระดูกและไม้น่ากลัวเหล่านี้ค้นพบของวิเศษได้บ้าง

เมื่อซูหย่งหวงมองเห็นโครงกระดูกขนาดยักษ์และไม้น่ากลัวที่ถูกขุดขึ้นมาแล้ว ถึงกับพูดขึ้นมาว่า “หรือว่าในอดีตสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพที่เห็นเช่นนี้?”

“เกรงว่าเจ้าจะทายถูกแล้ว ไม่แน่นักที่ตรงนี้ในอดีตอาจเป็นป่าดึกดำบรรพ์มาก่อน ที่ตรงนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ที่สูงเทียมฟ้าขึ้นอยู่ชุกชุม สัตว์บกและสัตว์ปีกมีมากมายทุกหนทุกแห่ง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวท่าทีเรียบเฉย

เมื่อซูหย่งหวงได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้วรู้สึกยากจะจินตนาการได้ การที่สถานที่เช่นนี้ได้กลายเป็นสถานที่ร้างมันเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่นะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล