ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1480

ตอนที่ 1480 การกระโดดข้ามในสังสารวัฏ

ท่ามกลางทรายที่ปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า หลี่ชิเย่ได้พาซูหย่งหวงเดินทางต่อไปข้างหน้า เขาเดินด้วยความเร็วที่ไม่เร็วมากนัก เมื่อมีการก้าวเดินไปได้สักระยะหนึ่งก็ต้องทำการสำรวจครั้งหนึ่ง

พวกเรากำลังจะไปยังที่ใดกัน?” เมื่อซูหย่งหวงเห็นหลี่ชิเย่ต้องทำการสำรวจทุกครั้งเมื่อก้าวเดินไปได้ระยะหนึ่ง จึงอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้

“อาณาจักรถัดไป” หลี่ชิเย่ยิ้มหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ที่ตรงนี้ใช่ว่าจะมีสถานที่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ท่ามกลางสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงส่งมีอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลแต่ละอาณาจักรอยู่ในนั้น อีกทั้ง อาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาลแต่ละอาณาจักรก็เป็นเพียงส่วนน้อยส่วนหนึ่งของพลังอำนาจสูงส่งเท่านั้น”

“อาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลแต่ละอาณาจักรยังเป็นเพียงส่วนน้อยส่วนหนึ่งของพลังอำนาจสูงส่งเท่านั้น? ถ้าเช่นนั้น พลังอำนาจสูงส่งหนึ่งไม่ใหญ่เท่ากับแดนวิญญาณสวรรค์อย่างนั้นสิ” ซูหย่งหวงถึงกับกล่าวด้วยความตระหนก

“หลี่ชิเย่ส่ายหน้า กล่าวว่า “ไม่ เจ้าเข้าใจความหมายของข้าผิดไปแล้ว หมายถึงพลังที่รองรับอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลแต่ละอาณาจักรเป็นเพียงพลังส่วนน้อยของพลังอำนาจสูงส่งเท่านั้น พลังทั้งหมดที่พลังอำนาจสูงส่งมีอยู่นั้นยากที่จะจินตนาการได้ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่แม้แต่ราชันเซียนก็เอาชนะไม่ได้ง่าย”

ท่ามกลางทะเลทรายที่มีทรายปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า พวกของหลี่ชิเย่เดินอยู่นานมาก ในที่สุดก็ได้มาถึงเนินทรายแห่งหนึ่ง เมื่อยืนอยู่บนเนินทรายหลี่ชิเย่มองไปรอบๆ ทีหนึ่ง ยิ้มกล่าวว่า “ที่ตรงนี้แหละ เตรียมตัวให้พร้อม พรกเราจะกระโดดแล้วนะ”

ซูหย่งหวงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับหลี่ชิเย่

“ไป” หลังจากที่ซูหย่งหวงได้เตรียมพร้อมแล้ว หลี่ชิเย่ดึงมือซูหย่งหวงกระโดดขึ้น พริบตาเดียวนั้นเอง หลี่ชิเย่และซูหย่งหวงทั้งสองคนหายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันที

เวลานี้ สภาพตรงด้านหน้าของหลี่ชิเย่และซูหย่งหวงได้เปลี่ยนไป พริบตาเดียวนั่นเอง พวกเขาต่างกลับมาอยู่ท่ามกลางหุบเขาสังสารวัฏ ซูหย่งหวงลืมตาขึ้นมอง หุบเขาสังสารวัฏที่เต็มไปด้วยแอ่งน้ำอยู่ทุกหนแห่งอยู่ตรงหน้านี้เอง พวกเขาอยู่ห่างจากต้นไม้แก่ที่อยู่กลางหุบเขาไม่ไกลเท่าไรแล้ว

“คนโหดอันดับหนึ่งก็หาสถานที่แห่งนั้นพบแล้เหมือนกัน” มีผู้บำเพ็ญตนอยู่เป็นจำนวนมากที่เฝ้าดูอยู่ด้านหน้าปากทางเข้าหุบเขาสังสารวัฏ มีผู้ร้องด้วยเสียงอันดังออกมาเมื่อเห็นหลี่ชิเย่ และซูหย่งหวงปรากฏตัวอยู่ภายในหุบเขาพร้อมกัน

แม้ว่าทั้งหลี่ชิเย่ และซูหย่งหวงต่างก็ยืนอยู่ท่ามกลางหุบเขา ดูไปแล้วระหว่างปากทางเข้าสู่หุบเขาสังสารวัฏกับตำแหน่งที่พวกเขาทั้งสองยืนอยู่จะไม่ห่างไกลเกินไปนักแต่ในความจริงแล้ว ทั้งสองจุดถูกคั่นด้วยอาณาจักรขนาดใหญ่อาณาจักรหนึ่ง

นาทีต่อมา ทั้งหลี่ชิเย่และซูหย่งหวงต่างหายไปจากหุบเขาไปพร้อมๆ กัน ในเวลานี้ สภาพที่อยู่ตรงหน้าของซูหย่งหวงและหลี่ชิเย่ได้เปลี่ยนไป ไม่ใช่พื้นที่ที่เต็มไปด้วยทรายที่ปลิวว่อนอีกต่อไป

เวลานี้ พวกเขาได้ไปอยู่ท่ามกลางพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง ที่นี่มีภูเขาแม่น้ำที่โอ่อ่าสง่างาม เทือกเขาที่ขึ้นลงสลับ ต้นไม้ดึกดำบรรพ์สูงทะลุฟ้า

ขณะที่หลี่ชิเย่ พาซูหย่งหวงก้าวเดินต่อไปบนพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลต่อไปนั้น กลับได้พบกับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อย บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้กำลังค้นหาสมุนไพรหญ้าทิพย์ไปทั่ว

แม้จะกล่าวได้ว่า ทิวทัศน์บริเวณนี้มีความงดงามมากยิ่งนัก แต่ กลับมีสภาพแตกหักไม่สมบูรณ์ การเดินอยู่ท่ามกลางภูเขาแม่น้ำแห่งนี้ สามารถมองเห็นเทือกเขาที่ขาดและถล่มลงมาเป็นระยะๆ สามารถมองเห็นแม่น้ำลำธารที่เสียหาย แม้ว่าเวลาได้ผ่านมาแล้วเนิ่นนาน ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยแตกหักหรือฉีกขาดเหล่านั้นก็เกือบจะมองร่องรอยเหล่านั้นไม่ออกเสียแล้ว แต่หากมองดูอย่างละเอียด ยังคงสามารถมองเห็นได้บ้าง

ซูหย่งหวงรู้สึกตกใจเมื่อมองเห็นเทือกเขาที่แตกหัก แม่น้ำลำธารที่ถูกฉีกขาดทำลาย แล้วกล่าวว่า “นี่มันเกิดจากฝีมือการทำลายของราชันเซียนหรือเทพเจ้าแห่งทะเลในยุคสมัยภายหลัง หรือว่าเกิดศึกสงครามขึ้นในยุคดึกดำบรรพ์กว่านี้?

“นี่เป็นเพียงมุมหนึ่งของโลกดึกดำบรรพ์เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ไม่ตอบคำถามตรงๆ

ขณะที่บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เข้ามาอยู่ใน บริเวณพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ก็รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก พวกเขาติดตามพวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย เมิ่งเจิ้นเทียน เข้ามาถึงพื้นที่บริเวณนี้ ต่อมา พวกเขาเห็นว่าบนพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้มีสมุนไพรหญ้าทิพย์อยู่ไม่น้อย พวกเขาจึงรั้งอยู่เพื่อค้นหาสมุนไพรหญ้าทิพย์กันที่นี่

พวกของหลี่ชิเย่เดินทางต่อไปเรื่อยๆ สุดท้าย พวกเขาได้มาถึงหุบเหวลึกแห่งหนึ่ง ภายใต้การนำของหลี่ชิเย่แล้วกระโดด พวกเข้าได้กลับมาที่หุบเขาสังสารวัฏอีกครั้งหนึ่ง จากนั้น ก็ได้หายตัวไปเข้าสู่อาณาจักรถัดไป

ภาพที่อยู่ตรงหน้าของหลี่ชิเย่ และซูหย่งหวงมีการเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้พวกเขาได้เข้าไปยังโลกแห่งน้ำแข็ง ทอดสายตามองออกไปมีแต่น้ำแข็งและหิมะ พื้นดินกว้างใหญ่ล้วนแล้วแต่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ บนท้องฟ้าปรากฏหิมะตกลงมาอย่างหนักและรุนแรง ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงนี้ล้วนแล้วแต่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ไม่ว่าจะเป็นยอดเขาที่สูงเสียดฟ้า หรือแม่น้ำที่กว้างใหญ่ล้วนถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง

หิมะที่ตกลงมาอย่างหนักและรุนแรงเหมือนว่าไม่มีทีท่าจะหยุด เหมือนว่าหิมะที่ตกลงมาอย่างนักและรุนแรงได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์กระทั่งถึงวันนี้ ยังคงตกอยู่ อย่างนั้น

จากการที่ก้าวเดินไปในโลกแห่งหิมะเช่นนี้ ซูหย่งหวงพบว่าที่ตรงนี้กลับมีตำหนักศักดิ์สิทธิ์โบราณ มีศาลาและพลับพลาที่ลอยอยู่กลางอากาศ และยังมีกลุ่มสิ่งปลูกสร้างที่แลดูคล้ายเป็นพื้นที่บรรพชนของสำนักขนาดใหญ่ตั้งอยู่

ที่ตรงนี้ มีสิ่งปลูกสร้างอยู่มากมาย ตึกศาลาพลับพลาแลวิหารตำหนัก สะพานและกำแพงโบราณ สิ่งปลูกสร้างโบราณที่มีสีสันหลากหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ถูกปกคลุมอยู่ภายใต้หิมะและน้ำแข็ง

“นี่ นี่มันคือสถานที่แบบใดกันแน่?” เมื่อมองเห็นตึกศาลาพลับพลาแลวิหารตำหนักจำนวนมากมายถูกฝังอยู่ใต้น้ำแข็งหิมะ เหมือนว่าในยุคดึกดำบรรพ์ที่นี่เคยมีผู้คนอาศัยอยู่ แต่ว่า ภายหลังตึกศาลาพลับพลาแลวิหารตำหนักเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ถูกทอดทิ้งไป เหมือนว่าโลกทั้งโลกแห่งน้ำแข็งหิมะนี้ก็ถูกทอดทิ้งเช่นกัน

“มันคือโลกโลกหนึ่งที่ถูกทอดทิ้งเหมือนกับที่เจ้าได้จินตนาการ หรือจะกล่าวได้ว่า มันคือโลกที่หลังจากได้หนีตายไปแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง มองดูท้องฟ้าที่หิมะตกลงมาอย่างหนักและรุนแรงไม่หยุดหย่อน แล้วกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่สวรรค์โจรที่ทำให้หิมะตก”

คำพูดนี้ทำใหเซูหย่งหวงรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวอย่างรุนแรง ในเสี้ยววินาทีนี้เอง นางบังเกิดความคาดเดาที่น่ากลัวขึ้นภายในใจ นางถึงกับกล่าวด้วยท่าทีใจหายใจคว่ำว่า “หรือว่า หรือว่านี่เป็นการกระทำของคน?”

“ประมาณนั้นมั้ง” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “ในขณะที่มีการทำลายอย่างรุนแรง การโจมตีขั้นสุดท้ายแบบทุบหม้อข้าวด้วยการอาศัยหิมะปกคลุมโลกทั้งโลกเอาไว้ แม้ว่าสามารถขับไล่ศัตรูจนแตกพ่าย แต่ก็ต้องเดิมพันกับโลกของตัวเองไป“

ซูหย่งหวงถึงกับหนาวสะท่านไปทั่วร่างเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ โลกๆ หนึ่งในขณะที่มีการปิดผนึกไปด้วยหิมะนานเป็นพันล้านปีแล้ว บนท้องฟ้ายังคงมีหิมะที่ตกลงมาอย่างหนักและรุนแรง มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก

ถ้าหากจะกล่าวว่า การโจมตีขั้นสุดท้ายชนิดทำลายฟ้าดินนั้น ช่างเป็นการโจมตีที่น่ากลัวเหลือเกิน หวนคิดไปถึงตอนนั้น มันเป็นการลงมือของผู้ที่มีความน่ากลัวเช่นใด ขณะเดียวกันศัตรูที่พวกเขาต้องเผชิญนั้นก็มีความน่ากลัวอย่างไร

“เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าตกใจหรอกนะ” ขณะที่ซูหย่งหวงกำลังอยู่ระหว่างตกตะลึงอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “บางทีอาจจะมีวันเช่นนั้น ในแดนวิญญาณสวรรค์ก็อาจต้องเชิญกับชะตากรรมเช่นนั้น”

“แดนวิญญาณสวรรค์ก็มีโอกาสเผชิญหน้ากับชะตากรรมเช่นนี้?” ในใจของซูหย่งหวงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้

หลี่ชิเย่พยักหน้า และกล่าวว่า “ถูกต้อง มีโอกาสมีวันนั้นแน่ วันที่ภัยพิบัติใหญ่หลวงมาถึง ก็ต้องดูว่าแดนวิญญาณสวรรค์ สามารถทนได้หรือไม่ ถ้าหากสามารถผ่านไปได้ แดนวิญญาณสวรรค์ก็จะเป็นสถานที่ที่จะให้กำเนิดอัจฉริยะบุคคลขึ้นมา

หลังจากที่ซูหย่งหวงได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว นางถึงกับเหม่อลอยอยุ่นาน เพราะสิ่งนี้สามารถจินตนาการได้ว่าหากเกิดเหตุภัยพิบัติเช่นนี้แล้ว จะมีภาพที่น่ากลัวเช่นใด บางทีอาจใช้คำว่าวันสิ้นโลกมาเปรียบเปรยวินาทีนั้นก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไรกระมัง

ท่ามกลางโลกแห่งน้ำแข็งหิมะนี้ ซูหย่งหวงมองเห็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อย ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้กำลังเจาะน้ำแข็งเข้าไปยังตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ต้องการค้นหาว่าในนั้นจะมีของวิเศษที่ลือลั่นอยู่หรือไม่

ย่อมไม่ต้องสงสัย พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เดินตามหลังพวกองค์ชายแห่งความชั่วร้าย และเมิ่งเจิ้นเทียนเข้ามา เพียงแต่เมื่อพวกเขามาเห็นสถานที่แห่งนี้มีตำหนักศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากมายที่ถูกผนึกจมอยู่ใต้น้ำแข็งแล้ว พวกเขาเหล่านี้จึงหยุดอยู่ที่ตรงนี้ หวังจะมีโอกาสร่ำรวยชั่วค่ำคืน

“พวกเมิ่งเจิ้นเทียนมาถูกทางแล้วนะเนี่ย” เมื่อซูหย่งหวงมองเห็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้ที่ติดตามเข้ามาเป็นจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ ถึงกับพูดคำๆ นี้ออกมา

“มันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกอะไร เทพเจ้าโบราณทะเลลึกเป็นเจ้าถิ่น พวกเขามีความเข้าใจในเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างดี ปัญหาข้อนี้ใช่ว่าพวกเขาจะให้การศึกษาวิเคราะห์มาน้อย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวท่าทีเมินเฉย

หลี่ชิเย่นำพาซูหย่งหวงกระโดดข้ามอาณาจักรขนาดใหญ่ไปหลายอาณาจักร อีกทั้งแต่ละอาณาจักรก็มีความแตกต่างกันไปหลากหลายมีทุกรูปแบบ บ้างเป็นอาณาจักรที่เต็มไปด้วยเปลงเพลิง เหมือนว่าโลกทั้งโลกตกอยู่ท่ามกลางการเผาผลาญอย่างนั้น บ้างเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ที่พังทลายกระจัดกระจาย เหมือนว่าเป็นอาณาจักรที่ผ่านศึกสงครามที่น่ากลัวมาก ทำให้ทั่วทั้งอาณาจักรถูกถล่มจนละเอียด บ้างก็เป็นอาณาจักรที่รกร้างอยู่ทั่วไป เหมือนว่าสรรพชีวิตล้วนแล้วแต่หนีออกจากอาณาจักรแห่งนี้ไปสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสรรพชีวิตใดๆ ก็ยากที่จะดำรงชีวิตอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ได้…

หลังจากกระโดดข้ามอาณาจักรแล้วอาณาจักรเล่า แม้ว่าอาณาจักรเหล่านี้ก็มีอันตรายอยู่บ้าง แต่ว่า ยังถือว่าฟ้าย่อมมีทางออกให้คนเราเสมอ อีกทั้งยังมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ติดตามเข้ามา แล้วรั้งอยู่ที่ตรงนี้เพื่อค้นหาสมบัติกันอยู่

“ไหนบอกว่าสิ่งที่มีอำนาจสูงส่งนั้นอันตรายมากไม่ใข่รึ?” ซูหย่งหวงถึงกับเอ่ยขึ้น หลังจากได้มีการกระโดดข้ามไปแล้วหลายอาณาจักร

หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เวลานี้มันแตกต่างกันแล้ว หญ้าสังสารวัฏเก้าใบกำลังจะได้ที่ สิ่งที่มีอำนาจสูงส่งได้มีการเก็บงำกำลัง เวลานี้สิ่งที่มีอำนาจสูงส่งมุ่งอยู่กับการคุ้มครองหญ้าสังสารวัฏเก้าใบมากกว่า เพื่อให้หญ้าสังสารวัฏเก้าใบสามารถเจริญเติบโตและสุกงอมได้ที่โดยแท้จริง ดังนั้น การปราศจากอันตรายมากมายนักตามอาณาจักรต่างๆ ก็ไม่นับเป็นเรื่องแปลก”

หลังจากที่ซูหย่งหวงติดตามหลี่ชิเย่กระโดดข้ามอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกอาณาจักรหนึ่ง แต่ทว่า เมื่อถึงอาณาจักรสุดท้ายแล้วกลับถูกคนขวางทางเอาไว้

โดยจุดสำหรับกระโดดของอาณาจักรใหญ่แห่งนี้อยู่ที่หุบเขาหิมะแห่งหนึ่ง โดยหุบเขาหิมะแห่งนี้ปกคลุมด้วยหิมะทุกหนทุกแห่ง มองไปแล้ว หุบเขาหิมะแห่งนี้เหมือนเป็นหุบเขาแคบๆ ที่ลึกและยาวมาก เหมือนว่าหากสามารถลอดผ่านตรงนี้ไปได้ก็สามารถข้ามไปยังโลกอีกโลกหนึ่งได้อย่างนั้น

แต่ว่า ทางเข้าหุบเขาหิมะแห่งนี้กลับถูกคนขวางกั้นเอาไว้ ไม่ให้ใครผ่านเข้าไปทั้งสิ้น

เมื่อหลี่ชิเย่ และซูหย่งหวงมาถึง บริเวณปากทางเข้าได้มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องการผ่านเข้าไปยังหุบเขาหิมะทั้งสิ้น เสียดาย มีผู้ที่ขวางทางอยู่ไม่ยอมให้พวกเขาได้เข้าไป ทำให้บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่ถูกขัดขวางทำได้แค่โกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

“คนโหดอันดับหนึ่งมาแล้ว” ไม่รู้ว่าเสียงของใครที่ร้องกล่าวออกมา เมื่อหลี่ชิเย่และซูหย่งหวงมาถึง

ผู้คนจำนวนไม่น้อยพลันรู้สึกเหมือนดวงตาสว่างไสวขึ้นกับการมาถึงของหลี่ชิเย่ กระทั่งผู้ที่ปรกติมองเห็นหลี่ชิเย่แล้วรู้สึกขัดหูขัดตา เวลานี้กลับรู้สึกสบายตาเป็นพิเศษ

“คนโหดอันดับหนึ่งมาแล้ว คงไม่มีใครกล้าขวางทางอีกต่อไปแล้วกระมัง” บางคนรู้สึกยินดีในใจกับการมาถึงของหลี่ชิเย่

เวลานี้ บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยหลีกเป็นทางให้หลี่ชิเย่เดินนำอยู่ด้านหน้าสุด

เป็นการชัดเจน ความหมายของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้ต้องการให้หลี่ชิเย่เปิดทางให้กับพวกเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล