ตอนที่ 1491 จัตตุเทพนิมิตสัจธรรม – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
ตอนนี้ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1491 จัตตุเทพนิมิตสัจธรรม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 1491 จัตตุเทพนิมิตสัจธรรม
เวลานี้ ภายในใจของเมิ่งเจิ้นเทียนถึงกับเต้นกระตุกทีหนึ่ง ในฐานะที่เป็นสุดยอดอัจฉริยบุคคล มีประสบการณ์ด้านสัจธรรมที่ลึกซึ้งมากกว่าคนอื่นๆ นาทีนี้เมิ่งเจิ้นเทียนบังเกิดความกลัวขึ้นมา กล่าวสำหรับเขาแล้วมันคือความอัปยศอย่างหนึ่ง!
นับแต่โบราณกาลเป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นดาวรุ่งเช่นใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นราชันเซียนอย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวหาใช่เป็นเรื่องที่น่ากลัวแต่อย่างใด ไม่ว่าใครล้วนแล้วแต่เคยล้มเหลวมาแล้วทั้งสิ้น ต่อให้เป็นราชันเซียนที่ปราชญ์เปรื่องน่าทึ่งยิ่ง เฉกเช่นราชันเซียนเฟย ราชันเซียนเฮ่าไห่ หรือราชันเซียนเฟยหยางล้วนแล้วแต่เคยประสบความล้มเหลวมาแล้วทั้งสิ้น หรือแม้กระทั่งราชันเซียนหญิงหงเทียนที่พาลปราศจากผู้เทียบเทียมก็เคยล้มเหลวมาก่อนเช่นกัน
นับแต่โบราณกาลเป็นต้นมา ผู้ที่ไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาตของความแพ้พ่ายก็มีเพียงราชันเซียนเจียวเหิงเท่านั้นเอง
ในโลกนี้ แม้แต่ราชันเซียนก็ยังเคยพ่ายแพ้มาก่อน ดังนั้น กล่าวสำหรับคนอื่นๆ แล้ว ความล้มเหลวจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย และน่ากลัวทั้งสิ้น
แต่หากว่า จิตเกิดความหวั่นไหวขึ้นมา ภายในใจบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาล่ะก็ นั่นแหละคือสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด สำหรับบุคคลผู้หนึ่งที่มีปณิธานในอันที่จะครอบครองชะตาฟ้าแล้ว เมื่อจิตเกิดเกรงกลัวจต่อการพ่ายแพ้ มันคือเรื่องที่น่ากลัวมากกว่าสิ่งอื่นๆ ทั้งปวง กล่าวสำหรับดาวรุ่งแล้ว สิ่งนี้ส่งผลกระทบถึงชีวิตเลยทีเดียว เป็นความอัปยศที่ไม่สามารถลบล้างได้!
เวลานี้ จิตใจของเมิ่งเจิ้นเทียนถึงกับสั่นคลอนทีหนึ่ง เขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าตัวเองจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ได้หรือไม่! ซึ่งสิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว เป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งนัก เป็นความอัปยศอย่างหนึ่ง!
ไม่ง่ายนัก กว่าเมิ่งเจิ้นเทียนจะสามารถก้าวออกจากเงาทมิฬของราชามังกรดำมาได้ แต่ว่า ในชาตินี้กลับต้องมาเจอกับหลี่ชิเย่ ทำให้ภายในใจของเขาต้องรู้สึกสั่นคลอน! มันเป็นความจริงที่เมิ่งเจิ้นเทียนยากที่จะยอมรับมันได้
“ดี รับมือข้าอีกกระบวนท่าหนึ่ง ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่!” เวลานี้เมิ่งเจิ้นเทียนสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ทีหนึ่ง และกล่าวขึ้นมาอย่างช้าๆ ในขณะนี้ น้ำเสียงของเขาดูจะไม่สู้มั่นใจตนเองนัก
เป็นความจริงที่เมิ่งเจิ้นเทียนเคยมีประสบการณ์ในการแย่งชิงชะตาฟ้ามาก่อน เขามีประสบการณ์ที่มากมาย นาทีนี้เขาเองก็เข้าใจ หากคิดจะเอาชนะความกลัวที่อยู่ในใจ เอาชนะความหวาดระแวงที่อยู่ในใจ มีเพียงต้องต่อสู้อีกครั้ง มีเพียงเอาชนะหลี่ชิเย่ให้ได้ จึงสามารถทำให้จิตของเขามั่นคงยิ่งขึ้น
มิฉะนั้นล่ะก็ เมื่อจิตเกิดสั่นคลอนขึ้นมา มันจะทำให้กลายเป็นอุปสรรคที่ยากจะก้าวข้ามมากที่สุดในชีวิตของเขา หากเจ้าก้าวข้ามอุปสรรคนี้ไปไม่ได้ ก็อย่าได้หวังจะเป็นราชันเซียนได้
“ดี มันเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเจ้าแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง แลวกล่าวว่า “ข้ากลับต้องการดูว่าเจ้าจะสยบจิตใจของเจ้าได้อย่างไรกัน”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้เมิ่งเจิ้นเทียนแทบสำลักหายใจไม่ออก เขาไม่คิดเลยว่าหลี่ชิเย่จะมองออกถึงจุดนี้ ก่อนหน้านั้นยังดีหน่อย แต่ นาทีนี้เมิ่งเจิ้นเทียนรู้สึกสั่นเทาขึ้นภายในใจจริงๆ เสียแล้ว ทำให้จิตของเขาต้องสั่นไหวมากขึ้นไปอีก
การที่หลี่ชิเย่สามารถมองออกได้ในแวบเดียว ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าเขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งบนเส้นทางสายนี้สำหรับผู้บำเพ็ญตน การบรรลุถึงหลักสัจธรรมไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
ดาวรุ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือยอดฝีมือรุ่นอาวุโสจำนวนมาก ล้วนแล้วแต่หยุดอยู่ที่ความเข้าใจในส่วนของหลักสัจธรรมเพียงผิวเผินเท่านั้น สำหรับคนเหล่านี้แล้ว พวกเขาเข้าใจว่าขอเพียงได้ฝึกสุดยอดเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกร และมีกำลังที่กล้าแข็งแล้ว เท่ากับว่าตนเองสามารถครอบครองจักรวาลในอนาคตได้แล้ว กระทั่งสามารถเป้นราชันเซียนได้
แต่ทว่า เฉกเช่นผู้มีประสบการณ์ดั่งเมิ่งเจิ้นเทียนเท่านั้น ที่เข้าใจอย่างแท้จริงว่า ท้ายที่สุดแล้วบนเส้นทางสายนี้ สิ่งที่จะทำให้สามารถก้าวไปได้ไกลกว่าและกลายเป็นราชันเซียนได้ในที่สุดนั้น หาใช่เป็นเพราะคนผู้นั้นมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งเท่าไร และก็ไม่ใช่เป็นเพราะบุคคลผู้นั้นมีรกำลังกล้าแข็งอย่างไร ยิ่งไม่ใช่ว่ามีเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมปานใด สุดท้ายแล้วสามารถได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้า สุดท้ายแล้วสามารถได้เป็นราชันเซียนนั้น จะต้องมีจิตที่ไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้สั่นคลอนได้!
ความอ่อนด้อยด้านกำลังความสามารถสามารถผ่านการฝึกได้ พรสวรรค์ไม่ดีสามารถเสริมได้ด้วยความขยัน ไม่มีเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยมสามารถสืบเสาะค้นหาได้ แต่ หากไม่มีจิตที่ไม่มีสิ่งใดทำให้ต้องสั่นคลอนได้นั้น ก็จะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง! หากจิตใช้การไม่ได้ ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์สูงส่งแค่ไหน ไม่ว่าจะมีเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยมอย่างไร ไม่ว่าตัวเองจะมีความแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม คงต้องมีสักวัน เวลาต้องเผชิญกับความล้มเหลว เผชิญหน้ากับความยากลำบาก คนผู้นั้นก็จะกลับกลายเป็นหลบเลี่ยง กลายเป็นความตกต่ำ กลายเป็นอ่อนแอ กระทั่งกลายเป็นไม่เหลืออะไรอีกเลย…
คนอย่างเมิ่งเจิ้นเทียนย่อมรู้ดีว่า จิตนั้นสำคัญยิ่งกว่าทุกสิ่ง เวลานี้หลี่ชิเย่สามารถมองออก ย่อมบ่งบอกว่าเขาได้ก้าวเดินมาถึงจุดนี้แล้ว!
“ให้พวกเรามาตัดสินแพ้ชนะกันในกระบวนท่าสุดท้ายก็แล้วกัน!” เมิ่งเจิ้นเทียนสูดลมหายใจลึกๆ เข้าทีหนึ่ง เขาสะกดจิตของตนให้มั่นคงเอาไว้ ไม่ให้จิตของตนต้องหวั่นไหวอีก มิฉะนั้นแล้วยังไม่ทันเอาชนะหลี่ชิเย่ แต่ตัวเองก็พ่ายแพ้เสียก่อนแล้ว!
เวลานี้ เมิ่งเจิ้นเทียนฝากความหวังสุดท้ายอยู่กับการโจมตีครั้งสุดท้ายของตน กระบวนท่านี้เขาจะต้องชนะ มิฉะนั้นแล้ว เขายากที่จะลุกขึ้นมาได้อีก
เวลานี้ ในมือของเมิ่งเจิ้นเทียนถืออาวุธอยู่ชิ้นหนึ่ง เมิ่งเจิ้นเทียนกำอาวุธเล่มนี้ในมือเอาไว้อย่างมั่นคงเป็นพิเศษ
“นี่มันคืออะไร…” บางคนถึงกับใจหายใจคว่ำ เมื่อรู้สึกได้ว่าสัจธรรมของตนนั้นกำลังร้องโหยหวนออกมา
“สุดยอดสัจธรรมสูงสุดที่สมบูรณ์แบบ เวลานี้ เมิ่งเจิ้นเทียนขาดแต่เพียงรอให้ชะตาฟ้าปรากฎออกมาแล้ว” อ๋องเทพเฒ่ากล่าวว่า “เมื่อใดที่ชะตาฟ้าได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว เขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้าอย่างแน่นอน ที่เหลือก็คือการแย่งชิงชะตาฟ้าแล้ว ใครเป็นผู้ชนะในที่สุด ผู้นั้นก็จะได้สืบทอดชะตาฟ้า”
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ การได้เป็นราชันเซียนใช่เป็นเรี่องที่ง่ายดาย ต้องบุกเบิกสุดยอดสัจธรรมสูงสุดขึ้นมา อีกทั้งมีเพียงหลังจากที่สุดยอดสัจธรรมสูงสุดถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้วเท่านั้น จึงจะได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้า เมื่อได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้าแล้วจึงมีโอกาสไปแย่งชิงชะตาฟ้าได้ ผู้ที่ได้รับชัยชนะในท้ายที่สุด จึงได้สืบทอดชะตาฟ้า กลายเป็นราชันเซียนแห่งยุคที่ปราศจากผู้ต่อกร
“ตูม…” เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น เวลานี้เมิ่งเจิ้นเทียนได้รวบรวมพลังฟ้าดิน เสียงคำรามดังขึ้นเป็นระลอก นาทีนี้ สุดยอดสัจธรรมสูงสุดของเมิ่งเจิ้นเทียน ได้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปราศจากผู้ต่อกรสี่ตัว
“ตูม…” เท้าขนาดใหญ่ข้างหนึ่งที่ปรากฏ เป็นกิเลนตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมา โดยบนตัวของกิเลนตัวนี้มีเปลวไฟที่แลบออกมาทั่วตัว “อิ้วว” หงส์เพลิงตัวหนึ่งบินร่อน ยามที่มันกางปีกออกมา เพลิงที่รุนแรงถูกเทลงมาสู่เบื้องล่าง เผาผลาญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
“โฮกกก…” จากเสียงที่ดังขึ้น ปรากกฎพยัคฆ์ขาวตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เขี้ยวที่ขาวดั่งหิมะนั้นสามารถกัดพระอาทิตย์บนท้องฟ้าจนทะลุได้ “กรรร…” เสียงคำรามที่ดังก้องเก้าชั้นฟ้า เวลานี้มังกรแท้จริงตัวหนึ่งที่ยึดครองพื้นที่อยู่ตรงนั้น เหมือนว่ามันกำลังปกป้องเมิ่งเจิ้นเทียนเอาไว้ ไม่ว่าผู้ใดก็ยากที่จะรุกล้ำเข้าไปได้
เดิมทีสุดยอดสัจธรรมสูงสุดของเมิ่งเจิ้นเทียนก็ได้สยบจนหมื่นสัจธรรมฟ้าดินต้องร้องโหยหวนอยู่แล้ว แต่ว่า เมื่อสัตว์เทพทั้งสี่ตัวปรากฏออกมาแล้วนั้น ทุกคนถึงกับต้องสั่นเทา สิ่งนี้ไม่เพียงแค่พลังของสัจธรรมเท่านั้น ยังมีพลังจากสัตว์เทพอยู่ในครอบครองอีกด้วย
“จัตตุเทพนิมิตสัจธรรม ตำนานนี้เป็นเรื่องจริง เป็นความจริงที่สุดยอดสัจธรรมสูงสุดของเมิ่งเจิ้นเทียนได้อาศัยพลังจากสัตว์เทพจริงๆ” อ๋องเทพเฒ่าถึงกับใจหายใจคว่ำเมื่อได้เห็นสัตว์เทพทั้งสี่ตัวนั้น
“แว้งค์” ในเวลานี้ อาวุธวิเศษราชันเซียนที่อยู่ในมือของเมิ่งเจิ้นเทียนเปล่งประกายเซียนรุนแรงขึ้นมา ขณะเดียวกัน ท่ามกลางประกายเซียนของอาวุธวิเศษราชันเซียนกลับปรากฏมังกรแท้จริง หงส์เพลิง พยัคฆ์ขาว และกิเลนที่เป็นสี่สัตว์เทพขึ้นมาเช่นกัน
“ตูม…” นาทีนี้เอง สัตว์เทพทั้งสี่ของอาวุธวิเศษราชันเซียนได้รวมร่างเข้ากับสัตว์เทพทั้งสี่ของสุดยอดสัจธรรมสูงสุดเมิ่งเจิ้นเทียนเป็นร่างเดียวกัน ฉับพลันทันทีนั้น อานุภาพราชันเซียนได้เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งเป็นทวีคูณ เวลานี้ อาวุธวิเศษราชันเซียนเล่มนี้เหมือนอยู่ในมือของราชันเซียนอย่างนั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...