ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1492

ตอนที่ 1492 ข้าเท่านั้นปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล

“ตูม…” สัตว์เทพพลันบุกเข้ามาหมายสังหาร การโจมตีในครั้งนี้ได้ทำลายหยินและหยาง ตัดขาดจากผลกรรม ภายใต้การโจมตีในครั้งนี้ เก้าชั้นฟ้าและสิบแดนดินล้วนต้องสั่นเทาขึ้นมา

ภายใต้การโจมตีในครั้งนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะรุ่นดึกดำบรรพ์ของแดนวิญญาณสวรรค์ ซึ่งกำลังหลับใหลอยู่ถึงกับลืมตาทั้งสองขึ้นโดยพลัน และบางคนกล่าวด้วยความรู้สึกประทับใจว่า “ราชันสังหารที่แท้จริง!”

เมื่อมีการสำแดงการโจมตีด้วย “ราชันสังหาร” ออกมา แม้แต่ระดับอ๋องเทพที่อยู่ในเหตุการณ์ยังต้องขาสั่นทั้งสองข้างตลอดเวลา และมีอารมณ์พลุ่งพล่านอยากจะก้มกราบลงกับพื้น

การโจมตีในครั้งนี้ก็คล้ายดั่งเป็นการลงมือของราชันเซียนอย่างนั้น ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะดำรงอยู่ในฐานะเป็นผู้แข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวและมีอาการสั่นเทา

สิ่งนี้ไม่เพียงเป็นแค่ราชันสังหารเท่านั้น เนื่องจากเมิ่งเจิ้นเทียนได้มีการโจมตีด้วยพลังสูงสุดอาวุธวิเศษราชันเซียนเป็นราชันสังหารออกมา ขณะที่ราชันสังหารที่สำแดงออกมานี้ยังได้หลอมรวมเข้ากับการโจมตีขั้นสูงสุดของสุดยอดสัจธรรมปราศจากผู้ต่อกรเข้าไปด้วย ดังนั้น อานุภาพของการโจมตีในครั้งนี้เกรงว่าจะอยู่เหนือราชันสังหาร โดยที่อานุภาพการโจมตีของมันสามารถเที่ยบได้กับอานุภาพการโจมตีที่ทะลุขีดจำกัดสูงสุดของราชขันสังหารไปแล้ว คือ เทพ-ราชันสังหาร

สัจอาวุธราชันเซียนมีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น หากสัจอาวุธราชันเซียนฟื้นตื่นขึ้นมาเต็มที่แล้ว และระเบิดพลังโจมตีสูงสุดออกมาล่ะก็ อานุภาพของมันก็จะเหนือกว่าสวรรค์ทำลาย และเรียกพลังการโจมตีนี้ว่า เทพ-สวรรค์ทำลาย

ขณะที่อาวุธวิเศษราชันเซียนเมื่อเปรียบเทียบกับสัจอาวุธราชันเซียนแล้วยังห่างไกลกันอยู่ไม่น้อย แต่ทว่า เมื่ออาวุธวิเศษราชันเซียนสามารถทะลุขีดจำกัดสูงสุดของมันแล้วสำแดงพลังโจมตีออกมา อานุภาพของมันจึงอยู่เหนือราชันสังหาร จึงมีการเรียกพลังโจมตีนี้ว่า…เทพ-ราชันสังหาร!

ย่อมไม่ต้องสงสัย หลังจากที่เมิ่งเจิ้นเทียนได้สำแดงท่าการโจมตีราชันสังหารไปแล้ว โดยที่การโจมตีนี้ได้หลอมรวมเอาพลังการโจมตีขั้นสูงสุดของสุดยอดสัจธรรมปราศจากผู้ต่อกรของเขาเข้าไปด้วย การโจมตีในครั้งนี้จึงมีอานุภาพไม่ด้อยไปกว่าเทพ-ราชันสังหาร!

นาทีนี้ เสมือนหนึ่งราชันเซียนเป็นผู้ลงมือด้วยตนเอง การโจมตีที่เข่นฆ่าเทพมาร ภายใต้การโจมตีนี้ สรรพสิ่งมีชีวิตก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปอย่างแน่นอน ภายใต้การโจมตีนี้ สัจธรรมใดๆ ก็ต้องมลายสิ้นในพริบตา หลักกฎเกณฑ์ต่างๆ ต้องถูกทำลายล้างไป!

ภายใต้การโจมตีนี้ ไม่รู้ว่าได้ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ จำนวนเท่าไรต้องคุกเข่าลงกราบกับพื้นในทันที พวกเขาล้วนแล้วแต่ถูกสยบโดยการโจมตีขั้นสูงสุดของราชันเซียน จึงบังเกิดความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณขึ้น และคุกเข่าก้มกราบกับพื้นไม่อาจเคลื่อนไหวได้เป็นเวลานาน

ต่อให้ระดับจักรพรรดิเทพหากถูกโจมตี้ด้วยลักษณะเช่นนี้ก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปในพริบตา จักรพรรดิเทพที่กล้าแข็งมากกว่านี้ก็ไม่สามารถต้านทานกับการโจมตีเช่นนี้ได้ เว้นแต่จะมีสัจอาวุธราชันเซียนอยู่ในมือเท่านั้น

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่ง เมื่อต้องเผชิญกับราชันสังหาร “แว้งค์” ลัคนาแต่ละตัวปรากฏขึ้นมา ทันใดนั้น ลัคนาแต่ละตัวได้ไปเรียงรายอยู่เหนือศีรษะของหลี่ชิเย่

“สิบสองลัคนา…” อ๋องเทพเฒ่าถึงกับหวาดผวา จากนั้นสีหน้าซีดเผือด ร้องเสียงหลงออกมาว่า “ไม่ใช่ มันคือสิบสามลัคนา เป็นสิบสามลัคนาจริงๆ ด้วย นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!”

อ๋องเทพเฒ่าไม่กล้าเชื่อในสายตาของตนเอง ทำการนับอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาไม่ได้นับผิด มันคือสิบสามลัคนาแน่ๆ

“เป็นไปไม่ได้…” ทุกคนถึงกับต้องร้องเสียงแหลมดังออกมา เมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความรู้ประสบการณ์กว้างขวางเพียงใดก็ตาม ก็ไม่กล้าเชื่อทุกสิ่งที่ตนเห็น

“เป็นไปไม่ได้…” แม้แต่เมิ่งเจิ้นเทียนที่เป็นผู้สำแดงราชันสังหารออกมาก็หวาดผวาและร้องเสียงดังออกมาเช่นกัน ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น

สิบสามลัคนาพลันหายไปในฉับพลัน ปรากฏฟ้าดินขมุกขมัวไปทั่ว สรรพสิ่งยังไม่ทันได้ถือกำเนิดขึ้นมา ในเวลานี้เป็นช่วงก่อนกำเนิดจักรวาล ก่อนเริ่มต้นกำเนิดฟ้าดิน!

ท่ามกลางความขมุกขมัวนั้น มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เป็นรน่างเงาที่สูงใหญ่ร่างหนึ่งก้าวเดินออกมา เขายืนอยู่ท่ามกลางขมุกขมัวนั่น เป็นผู้บงการทุกสิ่ง

เมื่อร่างเงาที่สูงใหญ่นี้ได้ก้าวเดินออกมา เขาได้สยบทุกสิ่งทุกอย่าง จะเป็นสุดยอดสัจธรรมปราศจากผู้ต่อกรก็ดี สัจธรรมราชันเซียนก็ช่าง แม้กระทั่งสัจธรรมสวรรค์ ล้วนแล้วแต่ถูกสยบโดยพลัน เหมือนว่าสรรพสิ่งและสัจธรรมทั้งปวงล้วนแล้วแต่ถูกสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา ประดุจสัจธรรมทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่ไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง

ร่างเงาที่สูงใหญ่นี้คือหลี่ชิเย่นั่นเอง เขาที่ยืนอยู่ตรงนั้น บงการทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก เหมือนว่าเวลานี้เขาก็คือราชันเซียน กระทั่งอยู่เหนือราชันเซียน

เวลานี้ ไม่มี่ใครสามารถแยกแยะได้ว่านี่คือร่างจริงของหลี่ชิเย่ หรือว่าเป็นภาพลวงตากันแน่ ยามที่ร่างเงานี้ปรากฎตัวขึ้นมานั้น ทุกคนได้แต่แหงนมอง ไม่มีใครกล้าสู้สายตากัเขา

การที่หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้น เป็นการยืนอยู่เหนือสวรรค์ เหมือนว่าเขาก็คือสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตใดก็ตาม หากอยู่ตรงหน้าเขาก็ต้องกลับกลายเป็นมีขนาดเล็กจิ๋วมาก กลายเป็นไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง

ข้าคือสวรรค์ที่แท้จริง นี่แหละคือความละเอียดลึกซึ้งของสิบสามลัคนา ในเวลานี้ แม้หลี่ชิเย่จะไม่ใด้สืบทอดชะตาฟ้า แต่เขาก็มีพลังของชะตาฟ้าอยู่ในครอบครอง ทุกสิ่งอย่างบนโลกล้วนอยู่ในความควบคุมของเขา

แม้แต่สุดยอดสัจธรรมปราศจากผู้ต่อกรของเมิ่งเจิ้นเทียนในเวลานี้ก็พลันสลดและอับแสง เมิ่งเจิ้นเทียนเองพลันรับรู้ได้ว่าสุดยอดสัจธรรมปราศจากผู้ต่อกรตนถูกสยบโดยหลี่ชิเย่

“หมัดสยบสวรรค์…” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ที่กลับกลายเป็นข้าคือสวรรค์ที่แท้จริงได้ลงมือแล้ว ด้วยการทุบลงมาหมัดหนึ่ง พลันทำให้ทุกสิ่งพังทลายและมลายไป

กระทั่งเคยมีคำพูดที่แพร่หลายกันในเก้าแดนว่า เก้าลัคนาเป็นที่ยกย่อง สิบนั้นบริบูรณ์ครบถ้วน สิบเอ็ดสุดมหัศจรรย์ตลอดกาล สิบสองนั้นไซร้จับจองตำแหน่งราชันเซียน

นับแต่โบราณกาลเป็นต้นมามีตำนานเพียงหนี่งเดี่ยวที่ระบุถึงเรื่องการมีรสิบสองลัคนา นั่นก็คือราชันเซียนเจียวเหิง เกี่ยวกับเรื่องการมีสิบสองลัคนาของราชันเซียนเจียวเหิงนั้น แม้แต่คนที่รู้ถึงตำนานเรื่องนี้ก็จะเข้าใจว่ามันคือตำนานเท่านั้น เนื่องจากไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นสิบสองลัคนาของราชันเซียนเจียวเหิงมาก่อน

ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ได้มีตำนานเล่าลือกันว้า เนื่องเพราะมีสิบสองลัคนานี่เอง จึงส่งผลให้ราชันเซียนเจียวเหิงไม่เคยพ่ายแพ้ใครตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของทุกคนไม่ใช่สิบสองลัคนา แต่เป็นสิบสามลัคนา มันช่างเป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับผู้คนเช่นใด

นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา ไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่มีสิบสามลัคนามาก่อน แต่ทว่า มาวันนี้หลี่ชิเย่ทำสำเร็จแล้ว มีสิบสามลัคนาไว้ในครอบครอง เกรงว่าเขาคงเป็นคนๆ เดียวเท่านั้นที่มีสิบสามลัคนานับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา!

นาทีนี้ ทำให้ทุกคนล้วนแล้วแต่หวาดกลัว การมีสิบสามลัคนาบ่งบอกถึงสิ่งใด? ทุกคนไม่สามารถจินตนาการได้อีกแล้ว ทุกคนบอกได้แต่เพียง ปราศจากผู้ต่อกร! ราชันเซียนที่ปราศจากผู้ต่อกร

แม้ว่าเวลานี้หลี่ชิเย่ยังไม่ได้เป็นราชันเซียน แต่ นาทีนี้ทุกคนต่างรู้แล้วว่า ตำแหน่งราชันเซียนในชาตินี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากหลี่ชิเย่แล้ว

ในขณะนี้ หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งมองดูเมิ่งเจิ้นเทียนที่นอนอยู่บนพื้น ขณะที่เมิ่งเจิ้นเทียนอาศัยมือสองข้างชันตัวเอาไว้ เคลื่อนที่ถอยหลังไปทีละก้าวๆ

“ให้ข้าสังหารเจ้าเสียเดี๋ยวนี้เลย หรือว่าปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ท่ามกลางเงามืดของข้าดีนะ” หลี่ชิเย่หัวเราะและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เวลานี้ ในใจของเมิ่งเจิ้นเทียนถึงกับรู้สึกเย็นวาบ ความหวาดกลัวแผ่ขยายเป็นวงกว้างขึ้นภายในใจ ซึ่งทำให้เข้ารู้สึกตื่นตระหนก กระทั่งรู้สึกถึงความสิ้นหวัง นาทีนี้ จิตของเมิ่งเจิ้นเทียนถูกทำให้สั่นคลอนโดยสิ้นเชิง บังเกิดความหวาดกลัวในใจ หากเขาไม่สามารถเอาชนะความหวาดกลัวเช่นนี้ไปได้ล่ะก็ ต่อให้เขามีชีวิตอยู่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงามืดของหลี่ชิเย่ตลอดไป เมื่อถึงตอนนั้น เขาหมดสิทธิ์โดยสิ้นเชิง ไม่มีคุณสมบัติได้เป็นราชันเซียนอีกต่อไป

แม้ว่าข้าคิดจะทรมานเจ้า ให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่ท่ามกลางเงามืดแห่งความหวาดกลัวตลอดไป” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “แต่ทว่า คนอย่างข้าชอบที่จะทำอะไรที่สะอาดหมดจดมากกว่า ทำครั้งเดียวให้จบ ฆ่าเจ้าเสียจะทำให้ขจัดความยุ่งยากไปได้มากที่เดียว ป้องกันไม่ให้ก่อเรื่องราวอะไรขึ้นมาอีก”

ขณะที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมานั้น ภายในใจของเมิ่งเจิ้นเทียนถึงกับสั่นระริกขึ้นมา เวลานี้เขาพ่ายแพ้อย่างหมดรูป พ่ายแพ้จนราบคาบ กระทั้งเรียกได้ว่า เขาพ่ายแพ้จนไม่เหลืออะไรอีกเลย ไม่สามารถกลับมาเริ่มต้นได้ใหม่

เวลานี้ แม้ว่าเมิ่งเจิ้นเทียนยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ แต่ว่า เขาพ่ายแพ้จนไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว เขาไม่สามารถก้าวข้ามวิบากเต๋าที่อยู่ภายในใจได้อีก การพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ทำให้หลี่ชิเย่กลายเป็นฝันร้ายที่อยู่ในใจของเขาไปตลอดกาล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล