ตอนที่ 1496 ไพ่ตายของเมิ่งเจิ้นเทียน
สำหรับคำพูดขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายนั้น หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “ข้ารู้ ผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ใช่มั้ย ถ้าหากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ เทพเจ้าโบราณน้ำลึกรุ่นบุกเบิกยังมีตาเฒ่าคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะคลานออกมาจากใต้พื้นดินของเทพเจ้าโบราณน้ำลึกเมื่อไหร่ล่ะ”
นับเป็นหัวข้อสนทนาที่หนักหน่วงสำหรับเรื่องผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ เมื่อราชันเซียนได้สืบทอดชะตาฟ้าแล้วย่อมหมายถึงการปราศจากผู้ต่อกร เมื่อมาถึงขั้นนี้ใช่ว่าใครก็สามารถมีสิทธิ์เป็นปฏิปักษ์กับราชันเซียนได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ใช่ใครก็สามารถรองรับพลังชะตาฟ้าของราชันเซียนได้
กล่าวสำหรับผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนแล้ว แม้ว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะราชันเซียนได้ แม้ว่าพวกเขาไม่สามารถต่อต้านราชันเซียนได้อย่างแท้จริง ไม่สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับราชันเซียนได้ แต่ทว่า อย่างน้อยที่สุดผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้นั้นสามารถรับการโจมตีซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ อย่างน้อยที่สุดพวกเขาสามารถรองรับพลังชะตาฟ้าของราชันเซียนได้
สิ่งนี้แหละที่เป็นความแข็งแกร่งของผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ ฉะนั้นล่ะก็ ระดับจักรพรรดิเทพทั่วไปเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าราชันเซียนแล้วก็ต้องเกิดอาการเข่าอ่อน เมื่อไหร่ที่ราชันเซียนระเบิดพลังชะตาฟ้าออกมาก็จะถูกสยบไปเรียบร้อย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องต่อสู้กับราชันเซียน
หัวข้อสนทนาเรื่องเกี่ยวกับต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนนั้น ไม่ว่าใครหยิบยกขึ้นมาพูดก็จะมีท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง แต่ หลี่ชิเย่กลับพูดออกมาด้วยท่าทีตามอารมณ์ยิ่งนัก เหมือนว่าเรื่องนี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว ต่อให้เป็นเรื่องผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ก็เป็นเพียงเรื่องที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีค่าคู่ควรจะไปกล่าวมากความ
ความจริงแล้ว ภายในใจของบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับเต้นกระตุกทีหนึ่ง เทพเจ้าโบราณน้ำลึกได้ถือกำเนิดขึ้นมายาวนานมาก เป็นสำนักที่มีความเก่าแก่โบราณมาก บรรพบุรุษรุ่นก่อตั้งหรือรุ่นบุกเบิกรุ่นนั้น มีตำนานกล่าวถึงมากมาย
มีตำนานที่ลือกันว่า ผู้ที่เป็นบรรพบุรุษรุ่นก่อตั้งเทพเจ้าโบราณน้ำลึกนั้นคือปฐมบรรพบุรุษของเผ่าวิญญาณเทพ แต่ก็มีเผ่าวิญญาณเทพจำนวนไม่น้อยที่ปฏิเสธคำกล่าวเช่นนี้ผู้คนจำนวนมากมองว่าปฐมบรรพยบุรุษเทพเจ้าโบราณน้ำลึกรุ่นนี้เป็นเพียงสำนักที่เก่าแก่โบราณที่สุดของเผ่าวิญญาณเทพเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นเป็นปฐมบรรพยบุรุษของเผ่าวิญญาณเทพได้
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเทพเจ้าโบราณน้ำลึกพวกนี้เต็มไปด้วยความลึกลับ และเต็มไปด้วยตำนาน พวกเขาคล้ายดั่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รุ่นดึกดำบรรพ์อย่างนั้น เหมือนว่าพวกเขาเป็นผู้แบกรับเรื่องราวเกี่ยวกับแหล่งต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์หนึ่งอย่างนั้น ทำให้เป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คนใต้หล้าเมื่อมีการพูดถึงเรื่องนี้
เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับบอกว่าปฐมบรรพยบุรุษรุ่นก่อตั้งบุกเบิกยังคงมึระดับบรรพบุรุษที่ยังคงมีชีวิตอยู่ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรับรู้ถึงอะไรบางอย่างทันที ถ้าหากยังคงมีบุคคลรุ่นนี้หลงเหลืออยู่ ลักษณะเช่นนี้สำหรับผู้ที่เข้าใจถึงความลึกลับภายใน และเมื่อตรึกตรองให้ละเอียดแล้วถึงกับทำให้ขนลุกขนพองขึ้นมา
นี่คือพวกที่แก่จนสมควรจะตายได้แล้ว เป็นพวกที่แก่จนสมควรจะตายได้แล้วอย่างแท้จริง พวกแก่จนสมควรจะตายได้แล้วประเภทนี้ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงของแต่ละยุคสมัยมาเท่าไร ได้สืบทอดพลังอมตะมามากน้อยเท่าไร กล่าวสำหรับยอดฝีมือจำนวนมากแล้ว การดำรงคงอยู่ในลักษณะเช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“หลี่ชิเย่ เจ้านับว่ามีความรู้กว้างขวางนัก ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องนี้ก็สมควรรู้ว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร” องค์ชายแห่งความชั่วร้ายเอ่ยขึ้นช้าๆ “เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในลักษณะเช่นนี้ในแดนวิญญาณสวรรค์ไม่ได้มีเพียงปฐมบรรพยบุรุษของพวกเราคนเดียวเท่านั้น เจ้าสมควรจะรู้ว่า ขอเพียงพวกเราออกหน้า เกรงว่าผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ในแดนวิญญาณสวรรค์อย่างน้อยสามถึงสี่คนต้องยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันกับพวกเรา”
น้ำเสียงคำพูดขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายเรียบเฉยมาก และเปี่ยมด้วยความมั่นใจ การที่เขาพูดออกมาเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม และบ่งบอกว่าเขามีไพ่ตายที่ยอดเยี่ยมมากอยู่ในมือ
ภายในใจของผู้คนจำนวนมากถึงกับเย็นวาบบเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย ลำพังแค่ระดับผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้คนเดียวก็น่ากลัวเพียงพออยู่แล้ว ถ้าหากมีผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ปรากฎตัวออกมาพร้อมๆ กันสามถึงสี่คน มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น นั่นเท่ากับสามารถพลิกฟ้าดินได้เลยนะเนี่ย ถ้าหากว่าเขามีผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้สามถึงสี่คนออกมาคุ้มครองให้กับยเมิ่งเจิ้นเทียนจริงล่ะก็ เท่ากับมีความไม่แน่นอนแล้วว่า เมิ่งเจิ้นเทียนอาจยังคงมีโอกาสพลิกชนะได้อีกในการแย่งชิงชะตาฟ้า
“นี่แหละคือธาตุแท้ภายในนะเนี่ย” บางคนถึงกับสะท้านทีหนึ่ง กล่าวว่า “ศึกแย่งชิงชะตาฟ้าไม่เพียงเป็นการอาศัยกำลังความสามารถเฉพาะบุคคลเท่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นการแข่งขันด้านธาตุแท้ภายในอีกด้วยเกรงว่าคงไม่เป็นผลดีสำหรับหลี่ชิเย่เป็นแน่แท้ ถ้าหากจะมีผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้จำนวนสามถึงสี่คนยินดีทำหน้าที่คุ้มครองใหกับเมิ่งเจิ้นเทียน”
ในเวลานี้ผู้คนจำนวนมากเท่าไรถึงกับต้องกลั้นลมหายใจของตนเอาไว้ เมื่อองค์ชายแห่งความชั่วร้ายได้พูดคำๆ นี้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดหรือสำนักใดๆ ก็ต้องรู้สึกหวั่นเกรง นี่เหละคือสิ่งที่เรียกว่าเป็นความมั่นใจของพวกองค์ชายแห่งความชั่วร้าย
ความได้เปรียบของหลี่ชิเย่นั้นมีความชัดเจนมาก หากจะเปรียบเทียบถึงเรื่องความสามารถเฉพาะบุคคลระหว่างหลี่ชิเย่กับเมิ่งเจิ้นเทียนในการช่วงชิงชะตาฟ้าแล้ว เมิ่งเจิ้นเทียนไม่มีโอกาสอย่างแน่นอน
แต่หากจะมีผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้จำนวนสามถึงสี่คนยินดียืนอยู่ข้างฝ่ายของเมิ่งเจิ้นเทียนล่ะก็ ย่อมบ่งบอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมดได้
เป็นที่ทราบกันดีว่า ภายใต้ข้อได้เปรียบที่เด่นชัดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นั้น ย่อมต้องมีสายสำนักราชันเซียนจำนวนมากยินดีเลือกที่จะอยู่ข้างเดียวกันกับหลี่ชิเย่อยู่แล้ว แต่ หากว่ามีผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้จำนวนสามถึงสี่คนยินดีให้การสนับสนุนต่อเมิ่งเจิ้นเทียนล่ะก็ ไม่ว่าสายสำนักราชันเซียนใดๆ ก็ตาม ต้องเกิดความลังเลใจขึ้นมา และไตร่ตรองอีกครั้งว่าจะยืนอยู่ข้างฝ่ายเดียวกันกับหลี่ชิเย่หรือไม่
นาทีนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจแล้วว่า ถ้าหากพวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย สามารถดึงเอาระดับผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้มาให้การสนับสนุนเมิ่งเจิ้นเทียนจริง หลี่ชิเย่ย่อมเสียเปรียบมาก แม้ว่ากำลังความสามารถของเขาจะแข็งแกร่ง เกรงว่าจนถึง ณ ขณะนี้ยังคงไม่เห็นว่าเขาจะต่อต้านกับผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมากถึงสามสี่คน!
หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะไปตามอารมณ์สำหรับคำพูดขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย และกล่าวว่า “ไม่สามารถบ่งบอกอะไรได้ทั้งนั้น แค่กลุ่มของตาเฒ่ากลุ่มหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากพวกเขารู้จักกาลเทศะล่ะก็ ทางที่ดีจงอยู่อย่างสงบเจียมตัวเสีย มิฉะนั้นล่ะก็ จะเป็นผู้ดำรงไว้ซึ่งสามารถต่อกรซึ่งหน้ากับราชันเซียนได้แล้วยังไง ข้าจะเอาหัวของพวกเขามาทำเป็นโถปัสสาวะ! ”
ภายในใจของทุกคนถึงกับเย็นวาบบเมื่อมีการพูดคำๆ นี้ออกมา ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ เกรงว่าทอดสายตามองไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินคงไม่มีใครกล้าพูดเช่นนี้ออกมา แต่ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับพูดออกมาแล้ว ทั้งยังพูดแบบตามอารมณ์มากอีกด้วย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...