ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1497

ตอนที่ 1497 สุดยอดค่ายกล

ทันใดนั้น ได้ยินเสียงดัง “ตูม…” สุดยอดค่ายกลได้กลายเป็นรูปเป็นร่างสำเร็จขึ้นมา ในเวลานี้ ทุกคนรู้สึกได้ว่าพื้นดินเกิดการสั่นไหวขึ้น ชั่วพริบตาเดียว ทุกคนรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวที่เป็นจัวหวะ เป็นการเคลื่อนไหวของพื้นดิน

ภายในระยะเวลาอันสั้น เหมือนว่าค่ายกลขนาดใหญ่นี้ได้เชื่อมต่อกับพื้นดินแห่งนี้อย่างนั้น เหมือนว่าพื้นดินทั่วทั้งบริเวณได้หลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับสุดยอดค่ายกลนี้

“ตูม ตูม ตูม…” เสียงพื้นดินสั่นไหวโคลงเคลงไปมาดังขึ้นเป็นระลอก ในเสี้ยววินาทีนี้เอง พลังของฟ้าดินเหมือนถูกหลอมรวมเข้าไปอยู่ท่ามกลางสุดยอดค่ายกลนี้

ท่ามกลางสุดยอดค่ายกลนี้ ทันใดนั้น สิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดซึ่งอยู่ด้านหลังกองทัพของพวกเมิ่งเจิ้นเทียนเสมือนหนึ่งได้มีการเปิดประตูระบายน้ำออกมา และแล้วพลังของสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดถึงกับไหลทะลักเข้าไปภายในสุดยอดค่ายกลนั้นแบบไม่ขาดสาย จากเสียงที่ดังตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย คล้ายว่าทั่วทั้งพื้นดินแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ถูกพลังที่ไร้ขีดจำกัดของสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดไหลเข้าปกคลุมจนจมมิดอย่างนั้น

เดิมพลังของสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดนี้มีไว้เฝ้าปกปักษ์รักษาหญ้าสังสารวัฏเก้าใบ ในเวลานี้กลับถูกพวกของเมิ่งเจิ้นเทียนหยิบยืมเอามาใช้

ถ้าหากจะกล่าวว่า พลังของสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดนี้เสมือนหนึ่งเป็นน้ำในมหาสมุทรที่ไม่มีสิ้นสุดล่ะก็ เช่นนั้นแล้วเท่ากับว่าสุดยอดค่ายกลของพวกเมิ่งเจิ้นเทียนในเวลานี้คล้ายดั่งได้มีการเปิดจุดเชื่อมต่อกับมหาสมุทรขึ้นมาได้แล้วจุดหนึ่ง ทำการนำเอาพลังจากสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดเข้าไปอยู่ในสุดยอดค่ายกลของพวกเขา

แม้ว่าสุดยอดค่ายกลของพวกเมิ่งเจิ้นเทียนไม่สามารถหยิบยืมเอาพลังจากสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดมาได้ทั้งหมด เพียงได้ส่วนน้อยมาบางส่วนเท่านั้น แต่ ด้วยพลังส่วนน้อยของสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดบวกกับพลังจากศิลาแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วน รวมทั้งพลังลมปราณจากยอดฝีมือทั้งหมดในกองทัพทั้งสี่ ด้วยพลังเช่นนี้ที่หลอมรวมเข้าด้วยกันในสุดยอดค่ายกลดังกล่าว ทำให้ผู้คนยากที่จะจินตนาการได้ถึงความทรงพลังของมันได้

“ตูม ตูม ตูม ตูม” เสียงดังตูมตามดังขึ้นมาสี่ครั้ง เสี้ยววินาทีนี้เอง ด้านบนกองทัพทั้งสี่ของพวกเมิ่งเจิ้นเทียนปรากฎอาวุธราชันเซียนลอยขึ้นมาสี่ชิ้น โดยอาวุธราชันเซียนทั้งสี่ได้ทิ้งหลักกฎเกณฑ์ราชันเซียนลงมาสู่เบื้องล่าง ฉับพลันนั้น หลักกฎเกณฑ์ราชันเซียนลักษณะเช่นนี้ได้เชื่อมต่อเข้ากับสุดยอดค่ายกลนี้ และหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับค่ายกลในทันที

ค่ายกลที่ประกอบด้วยกองทัพทั้งสี่ก็นับว่าน่ากลัวอยู่แล้ว บวกกับอาวุธราชันเซียนจำนวนสี่ชิ้นหลอมรวมเข้าไปอีก เป็นการสร้างสุดยอดค่ายกลที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้นมา ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นต้องสลดจนหน้าถอดสี

นี่มันคือสุดยอดค่ายกลอะไรกัน? ” แม้แต่ระดับอ๋องเทพยังต้องสั่นเทาเมื่อได้เห็นค่ายกลในลักษณะเช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยก็รู้ว่าค่ายกลนี้น่ากลัว เกรงว่าในบรรดาพวกเขาไม่ว่าใครก็ตามหากก้าวเท้าเข้าไปในค่ายกลนี้ล่ะก็ จะต้องถูกสังหารจนกลายเป็นเถ้าธุลีในทันที ไม่มีสิทธิ์กระทั่งตอบโต้เสียด้วยซ้ำ

หลี่ชิเย่ถึงกับมองไปรอบๆ ทีหนึ่งเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางค่ายกลใหญ่นี้ เพียงเผยรอยยิ้มที่เมินเฉยออกมา

หลี่ชิเย่ เจ้ามีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่ พวกเราก็ไม่ด้อยกว่ากัน” สุดยอดค่ายกลพลันสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ทำให้องค์ชายแห่งความชั่วร้ายมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ต่อให้ผู้ที่สามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าเข้ามา ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถหนีรอดไปจากสุดยอดค่ายกลของพวกเราไปได้! ”

สุดยอดค่ายกลของพวกองค์ชายแห่งความชั่วร้ายไม่เพียงวางเอาไว้สำหรับหลี่ชิเย่เป็นการเฉพาะ กระทั่งเป็นการเตรียมเอาไว้สำหรับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวยิ่งอย่างเทพธิดาเก็บจันทราด้วย เสียดาย ทั้งเทพธิดาเก็บจันทราและเทพธิดาเจินหวู่ล้วนแล้วแต่ไม่ได้มาด้วย พวกเขาจึงได้แต่ใช้สุดยอดค่ายกลนี้กับหลี่ชิเย่เพียงคนเดียว

“ในจุดนี้เ ข้ายอมรับว่าพวกเจ้าก็นับว่ามีความแข็งแกร่งโดยแท้” หลี่ชิเย่มองดูค่ายกลที่อยู่ตรงหน้าทีหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยว่า “เป็นความจริงที่พวกเจ้าสามารถสร้างผลงานเล็กน้อยขึ้นมาจนได้ เทพเจ้าโบราณน้ำลึกของพวกเจ้าได้ทำการศึกษาพื้นที่แห่งนี้มาเป็นเวลานาน ในที่สุด พวกเจ้าก็ค้นพบเคล็ดลับอะไรบางอย่างจนได้ ถึงกับสามารถหยิบยืมพลังของสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดมาใช้ได้บ้าง”

“ดูท่าเจ้าจะเป็นคนที่รู้อะไรดี” องค์ชายแห่งความชั่วร้ายเอ่ยขึ้นมาช้าๆ สิ่งนี้นับว่าได้สร้างความลำพองใจให้กับเขา ควรจะทราบว่า หากคิดจะหักด่านตีเข้าไป ต่อให้เป็นราชันเซียนก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำลายสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดที่อยู่ตรงหน้าไปได้

แต่ทว่า เทพเจ้าโบราณน้ำลึกของพวกเขากลับสามารถอาศัยสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดนี้ครุ่นคิดจนพบเคล็ดลับอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แน่นอน สิ่งนี้หาใช้เป็นผลงานขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นประสบการณ์ที่ผ่านการสั่งสมจากการครุ่นคิดพิจารณาของปรัชญาเมธีแต่ละรุ่นของเทพเจ้าโบราณน้ำลึกถึงความลึกลับของเทือกเขาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เรื่อยมา

มาวันนี้ พวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายได้นำเอาประสบการณ์ที่ได้มาจากปรัชญาเมธีแต่ละรุ่นมาใช้กับที่ตรงนี้ กลับทำให้พวกเขาสามารถหยิบยืมเอาพลังจากสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดบางส่วนมาได้

“สุดยอดค่ายกลลักษณะเช่นนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เทพเจ้าโบราณน้ำลึกของพวกเจ้าสามารถครุ่นคิดจนสำเร็จออกมาได้” หลี่ชิเย่ยิ้มตามอารมณ์และกล่าวว่า “นี่เป็นค่ายกลที่สร้างขึ้นมาจากการลอกเลียนแบบค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน ผู้ที่มีคุณสมบัติลอกเลียนแบบเช่นนี้ได้มีอยู่ไม่กี่คน อย่างน้อยที่สุดเทพเจ้าโบราณน้ำลึกพวกเจ้าไม่มีกำลังความสามารถเช่นนี้ น่าจะเป็นผลงานของปรมาจารย์พฤกษารุ่นสองหรือรุ่นสามของจู่ลู่กระมัง”

“ฮึ เจ้าคนแซ่หลี่ นับว่าเจ้ารู้ดี” แม้ว่าเข้าจะโกรธแค้นในตัวของหลี่ชิเย่เป็นอันมาก แต่ทว่า คำพูดของหลี่ชิเย่ได้ทำให้หลงจวู๋หย่าจู่รู้สึกดี และมันก็เป็นความจริงว่านี่เป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของพวกเขา โดยที่สุดยอดค่ายกลนี้ได้หลอมรวมเอากำลังสติปัญญาปรมาจารย์พฤกษาถึงสองรุ่นของจู่ลู่ มีอานุภาพที่ทรงพลังยิ่งนัก เพียงแต่ไม่ได้มีโอกาสนำมันออกมาใช้เท่านั้นเอง อีกทั้งจู่ลู่เองก็จะไม่นำเอาสุดยอดค่ายกลนี้ออกมาใช้โดยง่ายดาย เพราะค่าใช้จ่ายมันสูงเกินไป ลำพังแค่ความสิ้นเปลืองของศิลาแกร่งก็หาใช่สิ่งที่สำนักทั่วไปสามารถรองรับได้

“มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าลำพองใจอะไรนักหนา” หลี่ชิเย่หัวเราะตามอารมณ์นิดหนี่ง แล้วกล่าวว่า “กองทัพทั้งสี่ของพวกเจ้าหากเปรียบเทียบกับกองทัพราชันเซียนแล้วห่างชั้นกันมาก อีกทั้งไม่ได้ผ่านการฝึกซ้อมมาเป็นเวลานาน เพียงแค่รวมพลขึ้นมาชั่วคราวเท่านั้น อีกอย่าง พวกเจ้าไม่ได้มีปณิธานของราชันเซียน…”

“…ได้แต่อาศัยอาวุธราชันเซียนจำนวนสี่ชิ้นที่หยิบยืมมานั้นมาแทนปณิธานราชันเซียน พวกเจ้าก็ไม่ได้มีชะตาฟ้า จึงต้องอาศัยศิลาแกร่งจำนวนมหาศาลกับพลังบางส่วนของสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดมาคอยให้การสนับสนุน สุดยอดค่ายกลลักษณะเช่นนี้แม้ว่าจะเป็นการเลียนแบบค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน แต่ หากสามารถสำแดงอานุภาพของค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียนแท้จริงออกมาได้สักหนี่งหรือสองส่วนก็นับว่าไม่เลวแล้วล่ะ นี่แหละที่เขาเรียกว่าจะวาดพยัคฆ์แต่ทำไม่สำเร็จกลับเหมือนสุนัข! ”

หลี่ชิเย่เอื้อนเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่าเสียสุดยอดค่ายกลของพวกหลงจวู๋หย่าจู่จนไม่เหลือราคาอีกเลย

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้สีหน้าของพวกหลงจวู๋หย่าจู่ปั้นยากถึงขีดสุด สุดยอดค่ายกลที่อยู่ตรงหน้าถือเป็นสุดยอดผลงานจากจู่ลู่ของพวกเขา เวลานี้ถูกหลี่ชิเย่วิจารณ์จนไม่มีค่าแม้แต่น้อยนิด แล้วจะไม่ให้หลงจวู๋หย่าจู่ต้องคลั่งและโกรธแค้นได้อย่างไร

“เจ้าคนแซ่หลี่ ต่อให้สามารถสำแดงอานุภาพเพียงแค่สองหรือสามส่วนของ ‘ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน’ ก็เพียงพอที่จะสังหารเจ้าได้แล้ว” หลงจวู๋หย่าจู่กล่าวด้วยท่าทีน่าครั่นคร้ามออกมา

“อะไรคือค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน? ” ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่ค่อยจะเข้าใจนักกับคำพูดของหลี่ชิเย่ ความจริงแล้ว ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากก็ไม่เคยได้ยินค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียนมาก่อน ดังนั้น อดที่จะหันไปหาอ๋องเทพเฒ่าผู้นั้นเพื่อค้นหาคำตอบ

“ข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เพียงแต่เคยได้ยินได้ฟังมาเท่านั้น ตามตำนานเล่าว่า ขณะที่ราชันเซียนยังมีชีวิตอยู่นั้น โดยปรกติไม่จำเป็นต้องอาศัยค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน เนื่องจากตัวของราชันเซียนเองก็ปราศจากผู้ต่อกรอยู่แล้ว” อ๋องเทพเฒ่าผู้นี้ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง

“แต่ว่า เล่าลือกันว่า เคยมีราชันเซียนที่ได้สร้างค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียนขึ้นมาจริงๆ ลือกันว่า ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียนนั้นจัดตั้งขึ้นโดยอาศัยกองทัพราชันเซียน สุดยอดค่ายกลในตอนแรก…”

“…ถ้าหากราชันเซียนไม่สามารถควบคุมสุดยอดค่ายกลเช่นนี้ด้วยตนเองล่ะก็ ราชันเซียนกด็จะอาศัยชะตาฟ้าของตนมาเป็นผู้บงการสุดยอดค่ายกลลักษณะเช่นนี้ โดยที่สุดยอดค่ายกลลักษณะเช่นนี้ไม่เพียงประกอบด้วยพลังจากกองทัพราชันเซียนแล้ว ยังมีพลังจากชะตาฟ้า เป็นที่หวาดกลัวยิ่งนัก ตามหลักแล้ว ราชันเซียนไม่จำเป็นต้องอาศัยสุดยอดค่ายกลเช่นนี้” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว อ๋องเทพเฒ่าผู้นี้ก็ชักไม่ค่อยจะมั่นใจนัก

“ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียนลักษณะเช่นนี้เคยปรากฏในโลกนี้จริงหรือ? ” มียอดฝีมือบางคนอดถามขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว

สำหรับปัญหาข้อนี้ แม้แต่อ๋องเทพเฒ่าผู้มีความรู้ประสบการณ์กว้างขวางก็ตอบไม่ได้ เนื่องจากเขาเองก็ไม่เคยได้เห็นค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียนที่แท้จริงมาก่อน

ตามหลักการแล้ว ตัวราชันเซียนเองนับว่าปราศจากผู้ต่อกรมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องอาศัยค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียนอะไรที่ว่านั้นเลย

ความจริงแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา “ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” ใช่ว่าจะเคยถูกนำออกมาใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะการศึกที่มีชื่อเสียงโด่งดังครั้งหนึ่งก็เคยใช้ “ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” มาแล้ว

ครั้งนั้น ขณะที่ทำการสังหารราชันเซียนหลงหมิ่นนั้น ราชันเซียนหลงหมิ่นถูกอีกาทมิฬนำพาเหล่าปรัชญาเมธีจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าล้อมปราบ ขณะที่ยอดฝีมือจากหมื่นเผ่าพันธุ์ของเก้าแดนได้ร่วมมือกันบีบจนเผ่าอเวจีทั้งหมดจนหมดสิ้นทางหนี ทำให้ราชันเซียนหลงหมิ่นต้องงัดเอาค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียนออกมาใช้ หวังจะอาศัย “ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” มาหยุดยั้งการโจมตีของหมื่นเผ่าพันธุ์จากเก้าแดนเอาไว้

เสียดาย ท้ายที่สุดแล้วยังคงกระทำการไม่สำเร็จ ราชันเซียนหลงหมิ่นถูกสังหาร “ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” ถูกทำลาย เผ่าอเวจีถูกเข่นฆ่าจนสิ้นไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!

“ถูกต้อง หลี่ชิเย่เจ้านะมีความแข็งแกร่ง แต่ว่า วันนี้หากเจ้าคิดจากฝ่าวงล้อมออกไป เกรงว่าคงไม่มีโอกาสแล้ว” องค์ชายแห่งความชั่วร้ายพูดออกมาน่าเกรงขาม

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มไปตามอารมณ์และมองดูสุดยอดค่ายกลของพวกเมิ่งเจิ้นเทียนทีหนึ่ง และยิ้มกล่าวว่า “อย่างนั้นรึ? ”

“แต่ว่า พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นต้องตายไปข้างหนึ่งให้ได้” องค์ชายแห่งความชั่วร้ายกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “หากเจ้ายินยอม ในอนาคตเจ้ายังจะเต็มไปด้วยโอกาส ในอนาคตเจ้ากระทั่งสามารถกลายเป็นราชันเซียนได้”

“ข้าคงไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง? ” คำพูดขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายถึงกับทำให้หลี่ชิเย่ต้องหัวเราะก๊ากออกมา กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “พูดแบบนี้แสดงว่าพวกเจ้าตั้งใจจะเจรจาสงบศึกอย่างนั้นสิ”

ความจริงแล้ว ขณะที่องค์ชายแห่งความชั่วร้ายพูดคำๆ นี้ออกมา ได้ทำให้ผู้ที่ชมการต่อสู่ในระยะห่างไกลจำนวนมากรู้สึกเหนือความคาดคิด ตามหลักแล้ว หลี่ชิเย่กับพวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายต้องไม่ตายไม่เลิกรา เวลานี้ องค์ชายแห่งความชั่วร้ายกลับต้องการเจรจาสงบศึก จึงทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้

“หลี่ชิเย่ ถ้าหากเจ้ายินยอม พวกเราทุกคนสามารถให้เรื่องนี้มันแล้วกันไป” องค์ชายแห่งความชั่วร้ายได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ “ต่อให้อนาคตเจ้ากับพี่เมิ่งแย่งชิงชะตาฟ้ากัน สำนักต่างๆ ในแดนวิญญาณสวรรค์ก็จะไม่ลำเอียง พวกเจ้าทั้งสองใครแข็งแกร่งที่สุด ใครก็สามารถแย่งชิงชะตาฟ้าได้ อีกทั้งฝ่ายที่ได้รับชัยชนะก็จะได้รับการสนับสนุนจากทุกๆ สำนักในแดนวิญญาณสวรรค์อย่างเต็มที่”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายทำให้ในใจของผู้คนจำนวนมากรู้สึกเย็นวาบบ มันเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนใจเหลือเกิน หลี่ชิเย่มีความได้เปรียบอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการแย่งชิงชะตาฟ้า หากเมิ่งเจิ้นเทียนคิดจะแย่งชิงชะตาฟ้ากับหลี่ชิเย่อีก ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู่อย่างแน่นอน หากจะกล่าวว่า หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้รับชัยชนะในการแย่งชิงชะตาฟ้าแล้ว จะได้รับการสนับสนุนจากแดนวิญญาณสวรรค์ทั้งหมด ย่อมบ่งบอกได้ว่า ศึกแย่งชิงชะตาฟ้านัดสุดท้ายนั้น หลี่ชิเย่ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักทั้งหมดในแดนวิญญาณสวรรค์ ย่อมมีธาตุแท้ภายในที่จะร้องท้าทายต่อเก้าแดน มีไพ่ตายที่จะท้าสู้กับเก้าแดนอยู่ในมือ

เกรงว่าไม่ว่าใครก็ตามที่มีโอกาสได้เป็นราชันเซียนคงยากที่จะปฏิเสธความเย้ายวนเช่นนี้ไปได้

ในเวลานี้ ทุกคนถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้และจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการรู้ว่าหลี่ชิเย่จะตัดสินใจเลือกอย่างไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล