ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1498

ตอนที่ 1498 อานุภาพของค่ายกล

“ของฟรีไม่มีในโลก” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเยาะด้วยท่าทีตามอารมณ์กับข้อเสนอที่เย้ายวนใจเช่นนี้

“ถูกต้อง เป็นความจริงที่โลกนี้ไม่มีของฟรี” องค์ชายแห่งความชั่วร้ายกล่าวช้าๆ ขึ้นมาว่า “แต่ว่า ที่พวกเราเรียกร้องก็มีไม่มาก พวกเราต้องการเพียงสิ่งๆ หนึ่งเท่านั้น ขอเพียงเจ้ามอบวิธีฝึกให้ได้สิบสามลัคนาออกมา พวกเราก็ให้มันแล้วกันไป ในอนาคตเจ้าเองก็ไร้ขีดจำกัด เกรงว่าคงได้เป็นราชันเซียนอย่างแน่นอน”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายได้ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ยืนดูอยู่ถึงกับต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ ไม่ว่าใครก็ตามหากได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วก็ต้องรู้สึกใจเต้นตูมตามขึ้นมา

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่สุดของผู้บำเพ็ญตนคือสิบสองลัคนาซึ่งเป็นความรู้ทั่วไป และมันก็เป็นเช่นนี้มาตลอดพันล้านปีที่ผ่านมา แต่ทว่า คนอย่างหลี่ชิเย่กลับทำลายความรู้ทั่วไปของทุกคน ไม่มีใครรู้ว่าหลี่ชิเย่ทำได้อย่างไร

นับแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งมีมากมายเหลือเกิน สุดยอดราชันเซียนก็มีจำนวนอยู่ไม่น้อย แต่ ไม่เคยมีใครสามารถทำได้ถึงสิบสามลัคนา แต่หลี่ชิเย่กลับทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้ เขาได้ทำลายความรู้ที่มีอยู่ทั้งหมด ย่อมบ่งชี้ได้ว่าในนั้นมีความลึกลับพิสดารที่ผู้อื่นไม่รู้ และยังมีเคล็ดลับที่ผู้อื่นยังค้นไม่พบ

ถ้าหากว่าหลี่ชิเย่ยินยอมมอบวิธีฝึกให้ได้มาซึ่งสิบสามลัคนา ย่อมบ่งบอกว่าในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่ยังจะต้องมีผู้ที่สามารถฝึกให้ได้สิบสามลัคนาอีก

สิบสามลัคนาเลยนะ ช่างเปี่ยมด้วยความยั่วยวนใจเหลือเกิน ตำนานเล่ากันว่า ราชันซัยนเจียวเหิงมีสิบสองลัคนาในครอบครองก็ปราศจากผู้ต่อกรไปชั่วชีวิต ถ้าหากมีถึงสิบสามลัคนาล่ะก็ไม่ยิ่งแล้วกันไปใหญ่รึ หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าก็คือตัวอย่างตัวเป็นๆ หากว่าหลี่ชิเย่ได้เป็นราชันเซียนจริงๆ เช่นนั้นแล้ว ผลงานในอนาคตอาจะแซงล้ำหน้าราชันเซียนเจียวเหิงก็เป็นได้

ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่แสดงออกทางสายตาว่าอยากได้มาก แน่นอน ไม่มีใครกล้าคิดอะไรกับหลี่ชิเย่ ได้แต่นึกอยู่ในใจเท่านั้นเอง

สำหรับข้อเสนอขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายนั้น ในบรรดาสี่สุดยอดฝีมือไม่เพียงหลงจวู๋หย่าจู่ จักรพรรดิหอยสังข์ไม่ได้มีความเห็นเป็นอื่น แม้แต่เมิ่งเจิ้นเทียนก็ไม่ได้มีความเห็นเป็นอื่นเช่นกัน ย่อมไม่ต้องสงสัย พวกเขาทั้งสี่คนได้มีการบรรลุถข้อตกลงภายในระยะเวลาอันสั้น พวกเขาทั้งสี่ต่างยืนอยู่แนวรบเดียวกันในเวลาเดียวกัน

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะทีหนึ่งสำหรับข้อเรียกร้องขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ฝันหวานเลยเชียวนะ เสียดาย ข้าพูดได้แต่เพียงมันเป็นความฝันของคนปัญญาอ่อน ข้าไม่เคยทำข้อตกลงกับศัตรู”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มกล่าวว่า “หากพวกเจ้ารู้จักกาลเทศะล่ะก็ รีบไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้ ทิ้งเมิ่งเจิ้นเทียนเอาไว้ที่นี่ ข้ายังจะละเว้นชีวิตสุนัขของพวกเจ้า มิฉะนั้นล่ะก็ อีกสักครู่พวกเจ้าคิดเสียใจก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว”

“เจ้าหนูโง่เขลา งั้นก็รอความตายก็แล้วกัน” จักรพรรดิหอยสังข์ถึงกับร้องตวาดออกมาด้วยความโกรธ เขาอดกลั้นต่อหลี่ชิเย่มานานมากแล้ว เขาเป็นถึงบุตรของเทพเจ้าแห่งทะเล เคยถูกหยามเหยียดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หากไม่เป็นเพราะต้องการวิธีฝึกสิบสามลัคนา เขาคงลงมืออย่างบ้าคลั่งไปนานแล้ว

“เป็นเจ้าเองที่พลาดโอกาสไป เสียดายเจ้าสมควรได้เป็นราชันเซียนอยู่แล้ว มาวันนี้กลับรนหาที่ตายเอง” องค์ชายแห่งความชั่วร้ายหัวเราะเสียงประหลาดและกล่าวน่าเกรงขามออกมา

หลี่ชิเย่เพียงหัวเราะไปตามอารมณ์ และกล่าวว่า “เอาล่ะ พวกเราลงมือกันเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาะให้มันมากความ หลังจากจัดการพวกเจ้าแล้ว ข้าก็จะได้นำเอาต้นสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะที่พวกเจ้าพูดถึงไปจากที่นี่เสียที”

“วาจาสามหาวมาก แม้แต่ชีวิตยังรักษาเอาไว้ไม่ได้ ยังคิดอยากจะได้สมุนไพรอายุวัฒนะอีก” หลงจวู๋หย่าจู่ส่งเสียงฮึพูดน่าเกรงขามออกมา

ก่อนหน้านั้น พวกของเมิ่งเจิ้นเทียนได้เคยศึกษาวิเคราะห์มาก่อนว่าจะก้าวข้ามสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุดได้อย่างไรเหมือนกัน เสียดาย ที่พวกเขาจนด้วยเกล้าไม่มีปัญญาเข้าไปได้ หาไม่แล้ว พวกเขาคงฉกฉวยเอาสิ่งที่เรียกว่าเป็นสมุนไพรเซียนอายุวัฒนะไปแล้ว

“หลี่ชิเย่ รับความตายเสียเถอะ วันนี้ข้าจะล้างแค้นให้กับศิษย์ที่ตายไปของข้า” เมิ่งเจิ้นเทียนร้องเสียงดังออกมา

ในเวลานี้ พวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้าย สี่คนได้ลงมือพร้อมกันในทันที กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว เมื่อหลี่ชิเย่ไม่ยอมทำการแลกเปลี่ยนก็ต้องเป็นภัยมหันต์สำหรับพวกเขา จะรอช้าอยู่ใยหากไม่กำจัดหลี่ชิเย่เสียแต่ตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้หลี่ชิเย่ถูกขังอยู่ท่ามกลางสุดยอดค่ายกลของพวกเขา พวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะมีความแข็งแกร่งปานใดก็ตาม ต่อให้หลี่ชิเย่มีความสามารถขั้นต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าก็ตาม พวกขององค์ชายแห่งความชั่วร้ายก็มีความมั่นใจว่าจะให้หลี่ชิเย่ต้องตายท่ามกลางค่ายกลนี้ได้

“ตูม…” ทันใดนั้น ได้บังเกิดเสียงดังสนั่น สุดยอดค่ายกลนั้นได้ระเบิดประกายที่ไม่มีสิ้นสุดสาดส่องจนพื้นที่บริเวณนี้สว่างไสวจนสิ้นออกมา ประกายเช่นนี้กระทั่งส่องสว่างไปทั่วเสินจื่อโจว

ท่ามกลางประกายที่ไม่มีสิ้นสุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกของเมิ่งเจิ้นเทียนสี่คนหรือว่ายอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่ในกองทัพทั้งสี่ พวกเขาต่างปะทุพลังลมปราณที่ไม่มีสิ้นสุดออกมา นาทีนี้ จะเป็นเมิ่งเจิ้นเทียนก็ดี องค์ชายแห่งความชั่วร้ายก็ช่าง และหรือยอดฝีมือทุกคนที่อยูในกองทัพทั้งสี่ พวกเขาไม่ได้เก็บงำพลังลมปราณพวกเขาเอาไว้แม้แต่น้อย โดยปล่อยพลังลมปราณของแต่ละคนที่มีอยู่ออกมาทั้งหมด ทำให้พลังลมปราณทั้งหมดเหมือนน้ำหลากอันเกิดจากเชื่อนที่ถูกทำลาย คำรามอย่างบ้าคลั่งพุ่งเข้าไปภายในสุดยอดค่ายกลนั้น

ในขณะเดียวกัน ศิลาแกร่งทั้งหมดที่มีการฝังเอาไว้ภายในสุดยอดค่ายกลได้พวยพุ่งพลังแก่นฟ้าดินทั้งหมดออกมา ควรจะรู้ว่า ศิลาแกร่งที่มีการฝังเอาไว้ภายในสุดยอดค่ายกลนั้นมีจำนวนมากมายจนนับกันไม่หวั่นไม่ไหว สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นทุ่มทุนอย่างมหาศาลของพวกเมิ่งเจิ้นเทียน เมื่อศิลาแกร่งจำนวนมหาศาลได้พวยพุ่งพลังแก่นฟ้าดินของพวกมันออกมาทั้งหมดพร้อมกัน เสมือนหนึ่งเป็นเส้นชีพจรปฐพีขนาดยักษ์ที่พวยพุ่งพลังแก่นฟ้าดินออกมาอย่างไม่ขาดสาย

จากการที่สุดยอดค่ายกลมีการเคลื่อนที่ บังเกิดเสียงดังสนั่นดัง “ตูม…” ได้เชื่อมเข้ากับสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุด ทำให้สุดยอดค่ายกลได้รับพลังส่วนหนึ่งมาจากสิ่งที่มีพลังอำนาจสูงสุด ส่งผลให้สุดยอดค่ายกลยิ่งทวีประกายที่มีความสว่างไสวมากยิ่งขึ้น และมีอานุภาพน่าเกรงขามมากขึ้น ทำให้สุดยอดค่ายกลนั้นสามารถระเบิดพลังออกมาจนถึงขีดสูงสุด เมื่อสุดยอดค่ายกลลักษณะเช่นนี้ระเบิดพลังออกมาจนถึงขีดสูงสุดแล้ว เสมือนว่าพลังของมันสามารถระเบิดแดนวิญญาณสวรรค์ทั้งหมดได้อย่างนั้น

ในเวลานี้เอง เมิ่งเจิ้นเทียนได้หายตัวไป องค์ชายแห่งความชั่วร้ายก็ได้หายตัวไป แม้แต่กองทัพทั้งสี่ก็หายตัวไป ทันใดนั้น แม้แต่สุดยอดค่ายกลก็ได้หายไปด้วย

ในขณะนี้ สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของชาวโลกคือร่างเงาที่มีรูปร่างสูงใหญ่สุดเปรียบเปรย โดยร่างเงานี้ได้โปรยปรายประกายเซียนที่ไม่มีสิ้นสุดลงมา ร่างเงาที่สูงใหญ่สุดเปรียบเปรยได้แผ่อานุภาพราชันเซียนที่สามารถสั่นคลอนไปทั่วทั้งแดนวิญญาณสวรรค์ออกมา

ยามที่ร่างเงาในลักษณะเช่นนี้ยืนอยู่ ณ ที่ตรงนั้น เสมือนดั่งเป็นราชันเซียนองค์หนึ่งที่ปรากฏขึ้นบนโลกในเวลานี้ ราชันเซียนแท้จริงได้ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นเอง

“ราชันเซียนรึ…” ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมายเท่าไรที่ก้มกราบอยู่กับพื้นเมื่อได้เห็นร่างเงาที่สูงใหญ่สุดเปรียบเปรยเช่นนี้ อานุภาพราชันเซียนช่างทรงพลังยิ่งเหลือเกิน จนทำให้ไม่สามารถต้านได้ ต้องสั่นเทาและรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

“ไม่ ไม่ใช่ราชันเซียน มันคือปณิธานของราชันเซียน เมื่อมีการถ่ายทอดพลังทั้งหมดเข้าไปยังสุดยอดค่ายกลนี้แล้ว ได้เรียกเอาปณิธานของอาวุธราชันเซียนทั้งสี่ชิ้นออกมา โดยอาวุธทั้งสี่เล่มได้หลอมรวมกับปณิธานราชันเซียนที่สมบูรณ์ เวลานี้ สุดยอดค่ายกลคือมัน และปณิธานราชันเซียนก็คือมันเช่นกัน” อ๋องเทพเฒ่าได้พึมพำออกมาขณะจ้องมองไปที่ร่างเงาที่มีร่างกายสูงใหญ่สุดเปรียบเปรยนั่น

เวลานี้ ร่างเงาที่มีร่างกายสูงใหญ่สุดเปรียบเปรยมีอาวุธราชันเซียนสี่ชื้นฝังประดับไว้บนตัว โดยสองชิ้นถูกฝังประดับบนข้อมือทั้งสอง ส่วนอีกสองชิ้นฝังเอาไว้บนบ่าทั้งสองข้าง

ในขณะนี้ ร่างเงาที่มีร่างกายสูงใหญ่สุดเปรียบเปรยไม่เพียงมีปณิธานราชันเซียนเท่านั้น ยังมีพลังทั้งหมดของสุดยอดค่ายกลนั้นอีกด้วย

พลังสายนี้ทรงพลังแข็งแกร่งมากมายเหลือเกิน แม้ว่ามันจะไม่ใช่ ”ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” ที่แท้จริงก็ตาม แต่ทว่า มันเป็นเหมือนดั่งหลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้ว่า มันสามารถสำแดงอานุภาพของ ”ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” ที่แท้จริงเพียงแค่ประมาณสองส่วนเท่านั้น แม้ว่ามันจะเป็นอานุภาพเพียงสองส่วน แต่เป็นความน่ากลัวที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ด้วยอานุภาพเช่นนี้ ต่อให้ผู้ดำรงอยู่ในฐานะสามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้มาด้วยตนเอง ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถต้านทานได้!

พลังที่มีลักษณะเช่นนี้พลันอาละวาดไปทั่วพื้นที่ในพริบตาเดียว ส่งผลให้บรรดาผู้ที่แก่จนสมควรจะตายได้อยู่แล้วจำนวนมากของแดนวิญญาณสวรรค์ ที่กำลังหลับใหลอยู่นั้น ถึงกับตื่นตระหนกขึ้นมา

“มีผู้ที่บรรลุเป็นราชันเซียนแล้วรึ? เป็นไปไม่ได้ ชะตาฟ้ายังไม่ทันได้ปรากฏ” มีผู้ที่แก่จนสมควรจะตายได้อยู่แล้วเมื่อรับรู้ได้ถึงพลังสายนี้แล้ว กล่าวด้วยท่าทีตื่นตระหนกขึ้นมา

”ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” ผู้ที่แก่จนสมควรจะตายอยู่แล้วซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า หลังจากตื่นจากการหลับใหลแล้ว ได้ทำการพิจารณาอย่างละเอียดเกี่ยวกับพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรสายนี้ กล่าวว่า “ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน หรือว่าจะเป็นสุดยอดค่ายกลของจู่ลู่? ”

ในเวลานี้ ร่างเงาที่มีร่างกายสูงใหญ่สุดเปรียบเปรยยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องอาศัยการแหงนหน้ามอง ภายใต้ร่างเงาที่มีร่างกายสูงใหญ่สุดเปรียบเปรย ภายใต้การสยบจากพลังราชันเซียนที่ปราศจากผู้ต่อกร พลันทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องตื่นตระหนก ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนถูกสยบเอาไว้

ภายใต้พลังเช่นนี้ไม่ว่าผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ก็ต้องรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างมีขนาดเล็กจิ๋วเหลือเกิน

“มันช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวเพียงใด ถ้าหากเป็น ‘ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน’ ที่จัดตั้งขึ้นโดยชะตาฟ้าราชันเซียนที่แท้จริง” หลังจากที่ยอดฝีมือถูกสยบอยู่กับพื้นดินและได้สติกลับมา ถึงกับเหม่อลอยและพึมพำออกมา

ร่างเงาที่มีร่างกายสูงใหญ่สุดเปรียบเปรยตรงหน้าที่ปรากฎอยู่ยังไม่ใช่เกิดจาก”ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” ที่แท้จริง มันก็มีความน่ากลัวถึงเพียงนี้แล้ว และมันแค่สำแดงอานุภาพ ”ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” แท้จริงออกมาได้เพียงแค่สองส่วนเท่านั้น ลองคิดดู ถ้าหากเป็นการปะทุพลังออกมาของ ”ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” ที่แท้จริงล่ะก็ สภาพเช่นนั้นย่อมไม่สามารถจินตนาการได้

ทุกคนยากจะจินตนาการได้ว่า ในยุคที่ยังมีราชันเซียนอยู่นั้น มันคือศัตรูที่มีลักษณะเช่นใด และเป็นผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดกันแน่ ถึงกับทำให้ราชันเซียนต้องนำเอา ”ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” ออกมาใช้ ยิ่งไปกว่านั้น ยอดฝีมือบางส่วนยังคาดเดาเอาเองว่า ราชันเซียนเองนับว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว เหตุใดราชันเซียนจึงต้องคิดค้น ”ค่ายกลชะตาฟ้าราชันเซียน” ขึ้นมาอีก มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ หรือว่าราชันเซียนก็มีสิ่งที่ทำให้ต้องหวาดกลัวอย่างนั้นรึ? ”

“หลี่ชิเย่สามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้หรือไม่? ” ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อมองดูร่างเงาที่มีร่างกายสูงใหญ่สุดเปรียบเปรยแล้ว ถึงกับปากคอแห้งผาก บ้างต้องเลียรินฝีปาก กระทั่งพูดจายังรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก

ในเวลานี้ ร่างเงาที่มีร่างกายสูงใหญ่สุดเปรียบเปรยได้หันหลังกลับมา เมื่อทอดสายตามองลงมา ขณะสายตาที่มองลงมานั้น ซึ่งเป็นปณิธานที่ปราศจากผู้ต่อกร ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากน้อยเท่าไรที่ต้องสติแตกโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากน้อยเท่าไรที่ต้องตัวสั่นงันงก ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากน้อยเท่าไรที่รู้สึกสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง

หลี่ชิเย่ ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อมองดูร่างเงาที่มีร่างกายสูงใหญ่สุดเปรียบเปรย ยิ้มกล่าวว่า ข้าอยากจะลองดูเหมือนกันว่าจะมีอานุภาพแค่ไหน” พลันที่พูดจบคำ มือขวาของเขาแผ่ประกายอกมาทันที

“ตูม ตูม ตูม…” ฉับพลันนั้น หลี่ชิเย่ได้ระเบิดพลังของหมัดหมื่นสัจธรรมออกมา เสี้ยววินาทีนี้เอง หลี่ชิเย่ยังคงอาศัยสิบสองหมัดรวมเป็นหนึ่ง นาทีนี้ ประกายที่เปล่งออกมาจากหมัดขวานั้นเจิดจ้าและแสบตายิ่ง จนไม่สามารถจ้องมองได้โดยตรง กระทั่งส่องประกายออกมาจนผู้คนจำนวนมากยากจะลืมตาทั้งสองข้างได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล