ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1578

ตอนที่ 1578 ทูตจากเมืองสมุทรสยบฟ้า

ข่งเชียะหมิงหวางถึงแหงนหน้ามองดูเจดีย์หมิงจู หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ นางจึงส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า “เจดีย์หมิงจูมีความหมายลึกซึ้งดั่งทะเล ยืนอยู่บนนั้นก็คล้ายดั่งเป็นน้ำหยดหนึ่งท่ามกลางทะเลกว้างใหญ่เท่านั้นเอง ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง ร้อยแปดพันเก้าวิธีก็จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร”

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มกล่าวเฉยเมยขึ้นว่า “ทุกอย่างเริ่มต้นยากเท่านั้นเอง ต่อให้เป็นทะเลที่กว้างใหญ่มากไปกว่านี้ ต่อให้ความหมายลึกซึ้งกว้างไกลมากไปกว่านี้ก็ต้องมีแหล่งที่เป็นต้นกำเนิดของมัน ก้าวไปทีละก้าวๆ หากไม่สะสมไปทีละก้าวไหนเลยจะได้ถึงพันลี้ ก้าวเดินตั้งแต่ชั้นล่างสุดของเจดีย์ขึ้นไปทีละก้าวๆ ด้วยท่วงท่าที่เลื่อมใสศรัทธามากที่สุดก้าวขึ้นไป กระทั่งถึงบนสุดของเจดีย์ ครั้งหนึ่งไม่สำเร็จ ลองใหม่ครั้งที่สอง ครั้งสองไม่สำเร็จ ครั้งที่สาม…ขอเพียงเจ้ายืนหยัดก็ต้องได้ผล”

“ก้าวขึ้นไปบนยอดเจดีย์ทีละก้าวๆ ?” ข่งเชียะหมิงหวางรู้สึกเหนือความคาดคิดยิ่งนัก นางถึงกับมองไปที่ยอดเจดีย์ เนื่องจากบรรพบุรุษเคยบอกเอาไว้ว่า ส่วนที่ล้ำค่าที่สุดของเจดีย์หมิงจูอยู่ที่ยอดเจดีย์

“โลกนี้ไหนเลยมีหอคอยลอยฟ้า” ท่าทางของข่งเชียะหมิงหวางทำให้หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา กล่าวว่า “ถูกต้อง อำนาจของเจดีย์หมิงจูอยู่บนยอดเจดีย์ แต่ว่า หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากเจดีย์หมิงจูทั้งหลัง บนยอดเจดีย์ก็เพียงแค่ลูกบอลกลมๆ ลูกหนึ่งเท่านั้นเอง”

“คุณชายหลี่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?” ดูเหมือนเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวกับเมืองสมุทรสยบฟ้าหลี่ชิเย่ล้วนแล้วแต่สามารถพูดเจื้อยแจ้วได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จื่อชุ่ยหนิงจะเป็นคนบอกเล่าให้กับเขา แม้ว่าจื่อชุ่ยหนิงจะเป็นถึงเจ้าสำนักของเมืองสมุทรสยบฟ้า แต่ทว่า นางไม่ได้เป็นผู้ดูแลเมืองหมิงจู เกรงว่าจื่อชุ่ยหนิงเองก็ไม่ได้รู้เรื่องความลับเกี่ยวกับเจดีย์หมิงจู

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มไปตามอารมณ์ กล่าวว่า “เรื่องราวในโลกถ้าหากข้าไม่รู้นั่นคือเรื่องแปลก เรื่องที่ข้ารู้ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน ไปทำความบรรลุมันให้ได้เถอะ หากเจ้าสามารถบรรลุเจดีย์หมิงจูได้อย่างถ่องแท้ เจ้าจะได้รับประโยชน์ไม่สิ้นสุดไปชั่วชีวิต”

“ขอบคุณคุณชายที่ชี้แนะ” ข่งเชียะหมิงหวางโค้งคารวะเบาๆ ความจริงแล้ว นางรู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่งกับการที่หลี่ชิเย่สามารถล่วงรู้ความลับมากมายเกี่ยวกับเมืองสมุทรสยบฟ้า ในเมื่อหลี่ชิเย่ไม่ต้องการพูดออกมา ข่งเชียะหมิงหวางจึงไม่ซักไซ้ต่อไป

ข่งเชียะหมิงหวาง และหลี่ชิเย่เข้าไปยังจวนนกยูง พวกเขาเพิ่งจะเข้าไปภายในจวนก็มีคนสนิทเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ที่อยู่ข้างกายข่งเชียะหมิงหวาง เขาถึงกับมองไปหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก กล่าวเสียงแผ่วเบากับข่งเชียะหมิงหวางว่า “ท่านเจ้าเมือง ทางสำนักได้ส่งคนมาที่นี่”

“ใครมา?” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับเพ่งมองไปข้างหน้ากล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้

ศิษย์ผู้นี้พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ผู้อาวุโสซุน” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้แล้ว ถึงกับมองหน้าหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “เป็นคนของบรรพบุรุษเย่”

บรรพบุรุษเย่ที่ศิษย์ผู้นี้พูดถึงก็คือ ศิษย์เอกของกู้จุนเย่จิ่วโจว!

“ข้าไปพบเขา” ข่งเชียะหมิงหวางสั่งการด้วยท่าทีดูหนักแน่น จากนั้นเดินเข้าด้านในไป

“ท่านเจ้าเมือง ดูท่าไม่ได้มาดี ต้องเตรียมการเอาไว้หรือไม่?” ศิษย์ผู้นี้แสดงท่าทางฆ่าคนออกมา กล่าวสำหรับเมืองหมิงจูแล้ว พวกเขามีความระมัดระวังคนของเย่จิ่วโจวเสมอ

“ไปเถอะ” ข่งเชียะหมิงหวางสั่งการแล้วก็สาวเท้าเข้าไปด้านใน

คำพูดเหล่านี้ หลี่ชิเย่ได้ยินทั้งหมด เขาเพียงแค่ยิ้มๆ เท่านั้น และเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับข่งเชียะหมิงหวาง

ณ ห้องโถงใหญ่มีผู้เฒ่าผู้หนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ผู้เฒ่าผู้นี้สวมชุดคลุมยาว นัยน์ตาคู่นั้นของเขาแหลมคมมาก ดูจากกลิ่นอายที่ออกมาจากตัวของเขาแล้ว เพียงพอที่จะบ่งบอกว่าผู้เฒ่าผู้นี้มีความแข็งแกร่งเพียงใด

ด้านข้างของผู้เฒ่ามีศิษย์ที่รูปร่างผอมบางผู้หนึ่งยืนอยู่คอบบริการเสิร์ฟน้ำชาให้ผู้เฒ่า ขณะที่ด้านข้างห้องโถงใหญ่ซ้ายขวายืนเรียงรายด้วยชายฉกรรจ์ โดยชายฉกรรจ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือของเมืองสมุทรสยบฟ้าทั้งสิ้น พวกเขาสวมชุดทะมัดทะแมง บนตัวแผ่กลิ่นอายที่น่ากลัวออกมา

พวกนี้ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ศิษย์ของเมืองหมิงจู เป็นศิษย์ที่ผู้อาวุโสซุนแห่งเมืองสมุทรสยบฟ้านำพามาด้วย ลองคิดดู ภายในเมืองหมิงจู และอยู่ในจวนของเจ้าเมืองหมิงจู ผู้อาวุโสซุนแห่งเมืองสมุทรสยบฟ้าถึงกับต้องพายอดฝีมือมามากมายถึงเพียงนี้ เป็นความจริงที่การมาของเขาในครั้งนี้ดูจะไม่ได้มาดีเสียแล้ว

หลังจากที่ข่งเชียะหมิงหวางได้เข้ามาแล้ว ผู้อาวุโสซุนได้ลุกขึ้นยืนและกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “หมิงหวาง ไม่พบกันเสียนาน”

แม้ว่าผู้อาวุโสซุนจะมาจากเมืองสมุทรสยบฟ้า และมีตำแหน่งเป็นถึงระดับผู้อาวุโส แต่ว่า หากเทียบตำแหน่งฐานะแล้วข่งเชียะหมิงหวางมีฐานะสูงกว่า แม้ว่าข่งเชียะหมิงหวางอายุยังน้อย แต่ว่า นางที่อยู่ในฐานะเจ้าเมืองหมิงจู นางมีฐานะอยู่ในระดับบรรพบุรุษ

“ผู้อาวุโสซุน ให้”รอนานแล้ว” หลังจากที่ข่งเชียะหมิงหวางนั่งลงเรียบร้อยแล้วจึงพยักหน้าและกล่าวทักทาย

หลี่ชิเย่เองก็ได้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านข้างด้วยท่าทีเมินเฉย เขากวาดตามองไปพิจารณาคนที่ผู้อาวุโสซุนพามาอย่างละเอียด

ยอดฝีมือที่ติดตามผู้อาวุโสซุนมาและยืนอยู่สองข้างซ้ายขวาของห้องโถง ทุกคนต่างมีท่าทีที่ดุดันเหมือนธนูที่น้าวสายเอาไว้แล้ว พวกเขาพร้อมที่จะบุกเข้ามาหากได้รับสัญญาณจากผู้อาวุโสซุน

ยกเว้นเพียงศิษย์ตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายผู้อาวุโสซุนดูจะมีท่าทีกลัวอยู่บ้าง เขายกชุดน้ำชาด้วยมือทั้งสอง มักจะมองมาที่ข่งเชียะหมิงหวาง และหลี่ชิเย่อยู่เสมอ

ผู้อาวุโสซุนรู้สึกเหนือความคาดคิดอยู่เหมือนกัน เมื่อเห็นหลี่ชิเย่นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางที่ไม่เกรงใจใคร แรกทีเดียวเขายังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่เป็นเพียงผู้ติดตามที่อยู่ข้างกายข่งเชียะหมิงหวางเท่านั้น

แต่ทว่า ผู้อาวุโสซุนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขายืนอยู่กลางห้องโถงโดยมียอดฝีมือยืนเรียงรายซ้ายขวาสองข้าง เขาแสดงความคารวะแบบจีนต่อข่งเชียะหมิงหวาง กล่าวว่า “หมิงหวาง ครั้งนี้ข้าได้รับการไหว้วานจากเจ้าสำนักมาแสดงความยินดีต่อหมิงหวาง”

“เรื่องน่ายินดีจากไหนกัน?” ข่งเชียะหมิงหวางไม่ได้หวั่นไหว เอ่ยขึ้นช้าๆ

“หมิงหวางปกครองเกาะกลางทะเลหมิงจูด้วยธรรมาภิบาล สร้างสุขแก่มวลอาณาประชาราษฎร์ ในเกาะกลางทะเลหมิงจู ไม่เพียงแต่ประชาชนอาศัยอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข แม้แต่บรรดาสำนักต่างๆ ก็ยอมศิโรราบให้กับเกาะกลางทะเลหมิงจู ผลงานยิ่งใหญ่ของหมิงหวางนับเป็นอันดับหนึ่งในสำนัก…” คำกล่าวชื่นชมที่เกินเลยล้วนออกมาจากปากของผู้อาวุโสซุน

หากเป็นคนอื่น เมื่อได้ฟังคำพูดที่น่าฟังเช่นนี้แล้วคงรู้สึกตัวลอย เหมือนมองเห็นตนเองที่กำลังก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ เบียดเข้าสู่ระดับสูงสุด ยิ้มเยาะเย้ยต่อใต้หล้า

มีเพียงข่งเชียะหมิงหวางที่มีท่าทีเรียบเฉย นั่งอยู่ตรงนั้นไม่มีท่าทีที่หวั่นไหว กล่าวเรียบเฉยว่า “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไหนเลยน่ายินดีได้”

“ไม่ ไม่ ไม่ หมิงหวางถ่อมตนเกินไปแล้ว” ผู้อาวุโสซุนรีบส่ายหน้าและกล่าวว่า “บรรดาบรรพบุรุษทั้งหลายล้วนแล้วแต่เห็นว่าผลงานของหมิงหวางนั้นยิ่งใหญ่มาก เจ้าสำนักเองก็รู้สึกว่า การที่ให้หมิงหวางเฝ้ารักษาสถานที่ใดที่หนึ่งดูจะไม่เป็นธรรมต่อผู้มีฝีมือ ดังนั้น เจ้าสำนักและบรรดาบรรพบุรุษจึงตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งหมิงหวางขึ้นเป็นผู้อาวุโสเอกรุ่นบุกเบิก ประจำอยู่ที่เมืองสมุทรสยบฟ้า คอยช่วยเหลือเจ้าสำนักปกครองบ้านเมือง

แม้ว่าข่งเชียะหมิงหวางเวลานี้อยู่ในระดับของบรรพบุรุษ แน่นอนที่สุด หากเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้อาวุโสเอกรุ่นบุกเบิก ถ้าดูจากตำแหน่งแล้วนับว่าสูงขึ้น อีกทั้งยังได้เป็นมือซ้ายมิอขวาของเจ้าสำนัก สำหรับข่งเชียะหมิงหวางแล้ว นับว่าอำนาจและเวทีให้เล่นก็จะมากขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เมืองหมิงจูเท่านั้น แต่เป็นการทอดสายตามองไปทั่วเมืองสมุทรสยบฟ้าตลอดจนทั่วมหาสมุทรอุดร

“อย่างนั้นรึ?” สำหรับการเลื่อนตำแหน่งในลักษณะเช่นนี้ ข่งเชียะหมิงหวางไม่ได้มีท่าทีที่ยินดี ตรงกันข้ามกลับเรียบเฉยมาก

“เรื่องจริงแท้แน่นอน นี่คือคำบัญชาของสำนัก” เวลานี้ ผู้อาวุโสซุนได้หยิบเอาม้วนคำสั่งออกมาวางอยู่ตรงหน้าของข่งเชียะหมิงหวางแล้วคลี่ออก กล่าวว่า “คำบัญชานี้มีการลงนามโดยบรรดาบรรพบุรุษและเจ้าสำนัก”

ข่งเชียะหมิงหวางมองดูทีหนึ่ง เพียงยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสซุน ในฐานเป็นผู้อาวุโสสมควรจะทราบว่า ข้าคือเจ้าเมืองหมิงจูไม่ต้องปฏิบัติตามคำบัญชาประเภทนี้อยู่แล้ว หากจะต้องเป็นคำบัญชา ที่ข้าต้องการคือโองการ โองการของเจ้าสำนัก ไม่ใช่คำบัญชาที่ลงนามกันมาเช่นนี้!

“หากไม่มีโองการ คำบัญชาที่มีการลงนามกันมาล้วนแล้วแต่ไม่มีผลในเมืองหมิงจู” ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ข่งเชียะหมิงหวางเก็บงำสีหน้าที่มีรอยยิ้ม กลายเป็นท่าทีที่เคร่งขรึมขึ้นมา

ที่ข่งเชียะหมิงหวางพูดมาก็ถูก โองการมีฐานะสูงกว่าคำบัญชา เนื่องจากโองการใช่เป็นเพียงการลงนามเท่านั้น ยังมีสุดยอดปณิธานของเจ้าสำนักอีกด้วย!

ผู้อาวุโสซุนหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง กล่าวว่า “หมิงหวาง ท่านสมควรรู้ว่า เวลานี้สำนักอยู่ในเวลาที่ไม่ปรกติ ถ้าหากหมิงหวางไม่เชื่อ สามารถเดินทางยังเมืองสมุทรสยบฟ้าด้วยตนเอง เมื่อพบกับเจ้าสำนักเองแล้วทุกอย่างก็จะเข้าใจ ต่อให้หมิงหวางไม่เชื่อข้า แต่เจ้าสำนักคงเชื่อได้สินะ”

ข่งเชียะหมิงหวางส่ายหน้า กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ความสัมพันธ์ส่วนตัวก็เป็นส่วนของความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่กฎของสำนักไม่สามารถทำลายได้ เพราะนอกจากจะต้องมีโองการของเจ้าสำนักแล้ว ยังจะต้องมีสายของกองทัพมังกรดำ สายของบรรพบุรุษ และบรรดาบรรพบุรุษของหมู่บ้านเสี่ยวไห่ชุนลงนามร่วมกันในโองการจึงจะมีผล มิฉะนั้นล่ะก็ ใครก็ไม่สามารถโยกย้ายเมืองหมิงจูได้”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ข่งเชียะหมิงหวางมองดูผู้อาวุโสซุน และกล่าวว่า “ผู้อาวุโสซุนในฐานะผู้อาวุโสไม่น่าจะไม่รู้เรื่องนี้กระมัง? หากไม่มีสองสิ่งนี้ ข้าจะไม่เข้าไปยังเมืองสมุทรสยบฟ้า อยู่แล้ว และจะไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลของเมืองหมิงจูแม้แต่คนเดียว!”

ผู้อาวุโสซุนหัวเราะเจื่อนๆ ทำท่าถูมือไปมา กล่าวว่า “หมิงหวาง สภาพการณ์ภายในของเมืองสมุทรสยบฟ้าในเวลานี้ใช่ว่าท่านจะไม่รู้ บรรดาบรรพบุรุษจำนวนมากถูกขังเอาไว้ในห้องประชุมมังกรดำ รวมทั้งบรรดาบรรพบุรุษของหมู่บ้านเสี่ยวไห่ชุน ในเวลานี้ บรรดาบรรพบุรุษจึงไม่สามารถลงนามในโองการให้หมิงหวางได้…”

“…แน่นอน หมิงหวางโปรดวางใจ รอให้เปิดประตูห้องประชุมมังกรดำได้แล้ว บรรดาบรรพบุรุษจะต้องลงนามในโองการให้กับหมิงหวางแน่นอน ข้าเชื่อว่าการแต่งตั้งหมิงหวางยังคงมีผลบังคับใช้ การที่หมิงหวางมีผลงานดีเด่นได้รับการเลื่อนตำแหน่งนับว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว”

ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับหัวเราะขึ้นมากับคำพูดเช่นนี้ การหัวเราะของนางนับได้ว่างามหยาดเยิ้มเหลือเกิน

ที่ว่าเป็นการเลื่อนตำแหน่งนั้นเป็นเพียงการล่อเสือออกจากถ้ำเท่านั้นเอง เวลานี้ กล่าวสำหรับสายของเย่จิ่วโจวแล้ว ที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ก็คือเกาะกลางทะเลหมิงจู เพราะบุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าครอบครองเมืองหมิงจูได้อยู่แล้ว

ขณะที่ฐานะของข่งเชียะหมิงหวางนั้นถูกต้องตามกฎอยู่แล้ว ตำแหน่งเจ้าเมืองของนางใช่ว่าคิดจะปลดก็สามารถปลดได้ ต่อให้เย่จิ่วโจวสามารถควบคุมเมืองสมุทรสยบฟ้าเอาไว้ทั้งหมด ก็ไม่สามารถปลดตำแหน่งเจ้าเมืองของข่งเชียะหมิงหวางออกได้ตามใจปรารถนา

ดังนั้น เวลานี้ พวกของเย่จิ่วโจวจึงคิดใช้วิธีเลื่อนตำแหน่งมาโยกให้ข่งเชียะหมิงหวางออกไปจากเมืองหมิงจู ขอเพียงข่งเชียะหมิงหวางออกไปจากเมืองหมิงจู ต่อให้พวกของเย่จิ่วโจวไม่สามารถตั้งตำแหน่งเจ้าสำนักใหม่ได้ แต่ว่า เมื่อไม่มีเจ้าเมืองที่ถูกต้องตามกฎเช่นข่งเชียะหมิงหวางแล้ว พวกของเย่จิ่วโจวก็มีโอกาสสูงที่จะควบคุมเมืองหมิงจูได้

แน่นอนที่สุด เรื่องของการเลื่อนตำแหน่งนั้น เป็นเรื่องนานาจิตตัง คิดจะประสบความสำเร็จกับตำแหน่งที่สูงขึ้นในเมืองสมุทรสยบฟ้า หรือมีผลงานมากกว่า การเลื่อนตำแหน่งก็นับเป็นทางออกที่ไม่เลวนัก

แต่ว่า กล่าวสำหรับข่งเชียะหมิงหวางแล้วมันต่างกัน เวลานี้ เมืองสมุทรสยบฟ้ากำลังอยู่ในภาวะคับขัน เช่นที่จื่อชุ่ยหนิงเคยฝากฝังนางเอาไว้ในอดีต เมืองหมิงจูจะต้องกลายเป็นปราการด่านสุดท้ายของเมืองสมุทรสยบฟ้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล