ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1586

ตอนที่ 1586 จุดสูงสุดสามระดับ

ข่งเชียะหมิงหวางถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหวจนพูดอะไรไม่ออก มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใดกับการที่ยวีไท่จวินสามารถยืนหยัดได้พันกว่ากระบวนท่าภายใต้การลงมือของราชันเซียนหยินเทียน

ราชันเซียนได้รับการยกย่องว่าปราศจากผู้ต่อกร แม้ว่าข่งเชียะหมิงหวางจะไม่เคยพบกับราชันเซียนมาก่อน แต่ว่า สามารถจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งของราชันเซียน จากการสู้รบอย่างดุเดือดในเก้าแดนจนเป็นผู้ชนะ ในที่สุดกลายเป็นผู้ที่ยังคงอยู่จากการสู้รบไปเก้าชั้นฟ้า ราชันเซียนในลักษณะเช่นนี้ นับได้ว่าปราศจากผู้ต่อกรในหล้าๆ ไม่มีใครสามารถเทียบเทียมได้

ภายใต้สุดยอดหลักสัจธรรมของราชันเซียน ภายใต้สถานการณ์ที่ราชันเซียนไม่ออมมือให้ และภายใต้สถานการณ์ที่ราชันเซียนมีอาวุธราชันอยู่ในมือ ยวีไท่จวินยังคงยืนหยัดรับมือได้ถึงพันกว่ากระบวนท่า ด้วยกำลังความสามารถเช่นนี้ เพียงพอที่จะเย้ยหยันต่อเก้าแดนได้อยู่แล้ว

ไม่ง่ายนัก กว่าข่งเชียะหมิงหวางจะได้สติกลับมา อดที่จะถามไม่ได้ว่า “แล้วผู้อาวุโสยวีล่ะ?” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว นางอดที่จะหันหลังกลับไปมองร้านเหล้าเล็กๆ นั้นไม่ได้

หลี่ชิเย่เคยบอกว่ายวีเจิ้งฟงมีชีวิตอยู่มาถึงสามชาติ แข็งแกร่งกว่ายวีไท่จวินเสียอีก ในเมื่อยวีไท่จวินสามารถยืนหยัดรับมือราชันเซียนได้กว่าพันกระบวนท่า เช่นนั้นแล้วยวีเจิ้งฟงย่อมน่ากลัวยิ่งกว่าเสียอีก

“เจิ้งฟงน่ะ” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “ถ้าหากจะแบ่งเป็นลำดับขั้นล่ะก็ เขาสามารถจัดให้อยู่ในระดับที่สามารถต้านรับกับราชันเซียนได้”

“ต้านรับกับราชันเซียนได้?” ข่งเชียะหมิงหวางตะลึงนิดหนึ่ง กล่าวว่า “นี่มันจัดแบ่งอย่างไรกันแน่นะ?”

“เจ้าเข้าใจว่าโลกนี้มีเพียงต่อกรเท่านั้นเองรึ?” หลี่ชิเย่ หัวเราะและกล่าวว่า “นั่นเป็นเพียงระดับที่บุคคลทั่วไปสามารถสัมผัสได้เท่านั้นเอง ความจริงแล้ว ในระดับสูงสุดยอดนี้ กล่าวสำหรับผู้ที่มีกำลังความสามารถโดยแท้จริงแล้ว สามารถแบ่งออกได้เป็นสามระดับ ซึ่งทั้งสามระดับนี้ได้รวมเอาจักรพรรดิเทพและรัชทายาทที่อยู่ในระดับสูงสุดเข้าด้วยแล้ว ซึ่งทั้งสามระดับนี้แบ่งออกเป็นต่อกรซึ่งหน้า ต้านรับราชันเซียน และเทียบเคียง!”

ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง

ที่ผู้คนบนโลกพูดถึงล้วนแล้วแต่ต่อกรซึ่งหน้า ในโลกของผู้บำเพ็ญตนมองว่า ผู้ดำรงอยู่ในฐานะต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้ก็นับว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว รองจากราชันเซียนแล้ว ผู้สามารถต่อกรกับราชันเซียนได้คือผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด

ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ ผู้ที่ก้าวมาถึงระดับนี้ล้วนแล้วแต่เข้าใจ ระดับเช่นนี้แม้ต่างกันเพียงน้อยนิด แต่มันต่างกันเป็นหมื่นลี้เลยทีเดียว

ด้วยเพราะเหตุนี้เอง พวกเขาเหล่านั้นที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดจึงได้ทำการจัดแบ่งออกมาเป็นต่อกรราชันเซียนซึ่งหน้า ต้านรับราชันเซียนได้ และเทียบเคียงราชันเซียน รวมสามระดับ

“ต้านรับหมายความว่าอย่างไร?” ข่งเชียะหมิงหวางอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

ต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าเป็นหัวข้อสนทนาที่นางได้ยินคนเขาพูดถึงมากที่สุด หลายคนถึงกับลุกขึ้นแสดงความเคารพเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง ความจริงแล้ว สำหรับผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้าแล้วเป็นเช่นนี้ หากสามารถได้สัมผัสกับผู้ดำรงอยู่ในฐานะสามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้ถือว่าสุดยอดมากแล้ว และเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง

สำหรับการต้านรับราชันเซียนนั้น ข่งเชียะหมิงหวางไม่ค่อยจะได้ยิน เพียงแต่มีคนเอ่ยถึงเป็นครั้งคราวเท่านั้น สำหรับแนวคิดเรื่องต้านรับราชันเซียนนั้น ข่งเชียะหมิงหวางยังคลุมเครือมาก

ต้านรับราชันเซียนนั้นง่ายมาก ในขณะที่ราชันเซียนสำแดงพลังจากชะตาฟ้านั้น หากเจ้ายังคงสามารถรับมือได้หนึ่งพันกระบวนท่าภายใต้ชะตาฟ้าของราชันเซียน ถือว่าสามารถต้านรับราชันเซียนได้ แน่นอน ยังมีมาตรฐานอีกหนึ่ง นั่นก็คือหากเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ภายใต้การสำแดงราชันสังหารที่แท้จริงโดยราชันเซียน ไม่ว่าจะเป็นการอาศัยกำลังความสามารถของตนหรือของวิเศษ ก็สามารถยกย่องว่าต้านรับราชันเซียนได้” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย

ภายในใจของข่งเชียะหมิงหวางรู้สึกหวั่นไหวทีหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ การลงมือของราชันเซียนนับว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ราชันเซียนจะมีความแข็งแกร่งเพียงใดภายใต้พลังของชะตาฟ้า?

ข่งเชียะหมิงหวาง ไม่สามารถรู้ได้ว่าพลังชองชะตาฟ้านั้นทรงพลังแค่ไหน แต่ว่า สามารถจินตนาการได้ว่า ภายใต้พลังชะตาฟ้าแล้วยังคงสามารถยืนหยัดได้กว่าพันกระบวนท่า นับว่าน่ากลัวเหลือเกิน

“อาศัยของวิเศษมาตั้งรับกับราชันสังหารก็นับด้วยรึ? “ หลังจากที่ข่งเชียะหมิงหวางได้สติกลับมาถึงกับเอ่ยถาม

หลังจากที่ข่งเชียะหมิงหวางได้สติกลับมาแล้วถึงกับเอ่ยถามขึ้นว่า “อาศัยของวิเศษมารับมือกับราชันสังหารแท้จริงก็ได้ด้วยรึ?”

ราชันสังหารแท้จริงคือการโจมตีขั้นสูงสุดที่ราชันเซียนสำแดงโดยอาศัยอาวุธราชันเซียน พลังการโจมตีนี้ยอดเยี่ยมและน่ากลัวที่สุด

“โลกนี้ไหนเลยมีเรื่องที่ง่ายดายปานนั้น เจ้าคิดว่าอาศัยของวิเศษแล้วก็ไม่ต้องมีความสามารถอย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าพลังชะตาฟ้าเป็นของเด็กเล่นอย่างนั้นรึ? ภายใต้ราชันสังหารที่แท้จริง หากเจ้าไม่แข็งแกร่งพอ ไม่ว่าจะเป็นของวิเศษใดๆ ก็ต้านไม่ไหว ต่อให้ของวิเศษของเจ้ายังคงสามารถรักษาสภาพของมันได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ถูกทำลายภายใต้การโจมตีเช่นนี้ แต่ว่า จากการโจมตีเช่นนี้ ลำพังแค่พลังสะเทือนก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้ากลายเป็นหมอกเลือดไปในพริบตาเดียว สามารถรองรับพลังนี้เอาไว้ได้ ก็สามารถก้าวไปยืนอยู่ตำแหน่งสูงสุดได้เช่นกัน”

“เป็นเพราะประสบการณ์ความรู้ข้าต่ำต้อย” ข่งเชียะหมิงหวางรู้สึกว่าตนเองนั้นดูถูกพลังของชะตาฟ้าเกินไป เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

“สิ่งนี้ใช่เป็นเรื่องแปลก เนื่องจากเจ้าไม่เคยพบเห็นชะตาฟ้ามาก่อน หรือต่อให้เจ้าเคยเห็นชะตาฟ้ามาแล้ว อาจไม่รู้สึกว่ามันไม่ได้ทรงพลังมาก แต่ว่า ยามที่มันระเบิดพลังออกมาจริงๆ เจ้าจึงจะเข้าใจถึงพลังที่แท้จริงของพลังชะตาฟ้าว่ามันน่ากลัวเพียงใด” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “อย่างไรเสียมันได้รวบรวมพลังมาตั้งหนึ่งยุค มันได้รวบรวมพลังแก่นฟ้าดินมาถึงหนึ่งยุค!”

ในที่สุด ข่งเชียะหมิงหวางก็มีแนวคิดทีชัดเจนเกี่ยวกับระดับต้านรับราชันเซียนได้แล้ว

“เช่นนั้นแล้วผู้อาวุโสยวีในครานั้นสามารถยืนหยัดต่อราชันเซียนเชียนหลี่ได้นานแค่ไหน?” ข่งเชียะหมิงหวางไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นที่อยู่ในใจ อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

“เจิ้งฟงน่ะ เขาแย่งชิงชะตาฟ้ากับราชันเซียนเชียนหลี่มาชั่วชีวิต พวกเขาแย่งชิงกันอยู่นานมาก ภายหลังเขาได้พ่ายแพ้ให้กับราชันเซียนเชียนหลี่” หลี่ชิเย่หัวเราะ แล้วกล่าวว่า “หลังจากที่ราชันเซียนเชียนหลี่ได้สืบทอดชะตาฟ้าแล้ว ก่อนที่ราชันเซียนเชียนหลี่จะไปจาก เจิ้งฟงคิดจะต่อสู้อีกเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต…”

“…การศึกในครั้งนี้ ท้ายที่สุดเขายังคงพ่ายแพ้ เพื่อศึกครั้งนี้เขาได้ก้าวเดินบนหลักสัจธรรมนี้จนสุด” เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกปลงอนิจจังเหลือเกิน กล่าวว่า “เดิมทีเขาได้คิดค้นสุดยอดหลักสัจธรรมขึ้นมาแล้ว เสียดาย ท้ายที่สุดเขายังคงหวนกลับไปบนเส้นทางเดิมต่อไป”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ภายในใจของหลี่ชิเย่รู้สึกสะอื้นยิ่งนัก ตรั้งนั้น ยวีเจิ้งฟงก็นับได้ว่าเป็นผู้อยู่ระดับสูงสุดแห่งยุค เสียดาย สุดท้ายแล้วเขายังคงก้าวเดินไปบนสัจธรรมเบื่อโลกของราชันเซียนมู่จั๋ว เขาละทิ้งสุดยอดหลักสัจธรรมของตนเอง

ในยุคสมัยนั้น เดิมยวีเจิ้งฟงสามารถก้าวเดินออกมาได้ ยังไม่ได้เป็นดั่งปัจจุบันที่ปลีกตัวแอบซ่อนอยู่ในร้านเหล้าเล็กๆ เช่นนี้ เสียดายเขาไม่ยอมก้าวออกมาเอง

ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับนั่งฟังคำพูดนี้อย่างเงียบๆ แม้ว่านางไม่รู้ว่าได้เกิดอะไรขึ้นในครานั้น แต่ว่า นางพอจะเดาออกลางๆ ว่า ครั้งนั้นจะต้องเกิดเรื่องราวที่ผู้คนไม่รู้แน่นอน

แม้แต่หลี่ชิเย่เองก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เมื่อเขาได้สติกลับมาแล้ว สุดท้ายยิ้มเจื่อนๆ และกล่าวว่า “การศึกระหว่างเจิ้งฟงกับราชันเซียนเชียนหลี่ ซึ่งราชันเซียนเชียนหลี่ได้ตั้งมั่นพร้อมรับมือเต็มที่ เนื่องจากเจิ้งฟงคือคู่ต่อสู่ที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตของนาง เมื่อเริ่มการต่อสู้ ราชันเซียนเชียนหลี่ก็สำแดงพลังชะตาฟ้าโดยตรงทันที การต่อสู้ของพวกเขาเรียกได้ว่าทำลายฟ้าดินเลยทีเดียว หลังจากผ่านไปสองพันกว่ากระบวนท่า เจิ้งฟงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”

“สองพันกว่ากระบวนท่า!” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับร้องเสียงหลงออกมาดังมาก เพราะคำพูดนี้สร้างความหวั่นไหวแก่นางจนไม่อาจบรรยายด้วยตัวอักษร

ยวีไท่จวินยืนหยัดรับมือกับราชันเซียนหยินเทียนมาพันกว่ากระบวนท่าก็นับว่าน่ากลัวมากแล้ว อย่างไรก็ตาม ภายใต้พลังชะตาฟ้า ยวีเจิ้งฟงยังคงยืนหยัดรับมือได้ถึงสองพันกว่ากระบวนท่า นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง ความสามารถเช่นนี้ สามารถเปรียบเปรยด้วยคำว่า ปราศจากผู้ต่อกร!

“สิ่งนี้ไม่ได้เหนือความคาดคิด” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “เขาได้ก้าวเดินไปบนเส้นทางนี้จนถึงที่สุดแล้ว เจ้าไม่เห็นลักษณะของเขาในเวลานี้รึ? สวรรค์ทอดทิ้งนรกรังเกียจ แม้แต่สวรรค์ยังไม่ต้องการจ้องมองเขามากกว่าครั้งหนึ่ง ดังนั้น การมีชีวิตอยู่ของเขาได้แต่รอความตายอย่างเดียว”

“มีผลประโยชน์เช่นใด ก็มีค่าตอบแทนเช่นนั้น บางที การรอความตายเจ็บปวดมากกว่าตายเสียอีก” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย

“รอความตายรึ?” ข่งเชียะหมิงหวาง ถึงกับหันหลังกลับไปมองร้านเหล้าเล็กๆ นั่น

“เจ้าอาจจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่ารอความตายกระมัง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ข้าจะยกตัวอย่างให้เจ้าฟังก็แล้วกัน เป็นต้นว่าเจ้าเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง ต่อให้สิ่งนั้นเลิศรสเช่นใดก็ตาม แต่เวลาเข้าปากแล้วมันก็เหมือนไม่มีรสชาติใดๆ เลย ขณะที่หัวใจของเจ้าคล้ายดั่งเป็นตอไม้แห้ง ไม่มีรัก ไม่มีเกลียด จะรักใครสักคนก็ไม่สามารถรักได้ ไม่มีความรู้สึก จะเกลียดใครสักคนเจ้าก็เกลียดไม่ลง เจ้าปราศจากอารมณ์เคียดแค้น เจ้าก็คล้ายดั่งเป็นต้นไม้แห้งๆ ต้นหนึ่ง เป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง และอยู่ไปวันๆ เช่นนี้ เจ้าเข้าใจความหมายของการรอความตายแล้วยัง?”

ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับเหม่อลอย ถึงกับงงงัน การที่คนๆ หนึ่งมีชีวิตอยู่บนโลก ไม่มีรัก ไม่มีโกรธ ไม่มีความรู้สึกใดๆ นี่ไม่ใช่ปราชญ์ แต่เป็นคนตายที่มีชีวิต!

ดังนั้น การรอความตายเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “เขาคาดหวังว่าราชันเซียนเชียนหลี่สามารถสังหารเขาได้ กล่าวสำหรับเขาแล้ว ตายด้วยน้ำมือราชันเซียนเชียนหลี่นับว่าตายอย่างสมปรารถนา ดังนั้น เขาขอให้ราชันเซียนเชียนหลี่สำแดงราชันสังหารที่แท้จริงออกมา แล้วเขาฝืนรับกับกระบวนท่าการโจมตีท่านี้ โดยนำเอาสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตทุ่มให้กับการโจมตีในครั้งนี้ ถือเป็นกระบวนท่าที่เป็นเกียรติยศชั่วชีวิตนี้ของเขา เขาต้องการตายอย่างมีเกียรติจากกระบวนท่านี้ ต้องการตายอย่างสูงส่งจากกระบวนท่านี้…”

ภายใต้กระบวนท่าเดียว กายเนื้อของเขาพลันถูกทำลายจนกลายเป็นเถ้าธุลีไป น่าเสียดาย เขาที่ก้าวมาถึงขั้นที่สวรรค์ทอดทิ้งนรกรังเกียจ ภายใต้กระบวนท่านี้เขายังคงไม่ตาย ต่อมา ราชันเซียนเชียนหลี่ก็ไม่ต้องการลงมืออีกต่อไป ใช่ว่าราชันเซียนเชียนหลี่ไม่สามารถฆ่าเขาให้ตายได้ เพียงแต่ทำไม่ลงเท่านั้นเอง”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการเห็นกับการที่ยวีเจิ้งฟงก้าวมาถึงจุดนี้ หลักสัจธรรมเบื่อโลกเป็นเส้นทางที่ทำให้กระทั่งคนเป็นยังต้องรู้สึกสิ้นหวัง

กล่าวสำหรับยวีเจิ้งฟงแล้ว หากตนเองจะต้องตายเพราะน้ำมือของคนที่ตนรักจากการศึกในครั้งนั้น ตายด้วยราชันสังหารแท้จริงจากคนที่ตนรัก เช่นนั้นกล่าวสำหรับเขาแล้วถือว่าตายได้สมปรารถนา และจะเป็นจุดจบที่สมบูรณ์ที่สุด เป็นจุดจบที่สมบูรณ์สวยงามที่สุดในสายตาของเขา

แต่ทว่า หลังจากอาศัยกำลังที่สุดเจิดจ้าของตนรับกับการโจมตีเช่นนี้ ยวีเจิ้ฟงกลับยังคงไม่ตาย แต่ว่า กล่าวสำหรับราชันเซียนเชียนหลี่คู่ต่อสู้ของเขา หากจะลงมืออีกครั้งมันไม่มีความหมายอีกแล้ว เนื่องจากยวีเจิ้งฟงเพียงต้องการตายสถานเดียวเท่านั้น

เมื่อข่งเชียะหมิงหวางได้ยินคำกล่าวเช่นนี้แล้วถึงกับถึงทำให่หวั่นไหวอย่างยิ่ง ภายใต้ราชันสังหารที่แท้จริงแล้วยังคงไม่ตาย ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเสียเหลือเกิน

“เขาได้เบื่อหน่ายต่อโลกแล้ว เขาขี้คร้านจะลงมือกับผู้คนในโลกนี้ และรังเกียจที่จะลงมือ” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า “ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ต่อให้เทพเจ้าแห่งทะเลถือทวนสามง่ามมา เขาก็สามารถต่อสู้จนสุดท้าย

นาทีนี้เวลานี้ ในที่สุดข่งเชียะหมิงหวางจึงเข้าใจแล้วว่า เพราะเหตุใดหลี่ชิเย่จึงได้ฝากนางไว้กับยวีเจิ้งฟง เพราะอะไรถึงได้ดึงเอาตัวยวีเจิ้งฟงมาเป็นผู้หนุนหลังของเมืองสมุทรสยบฟ้า ด้วยความสามารถของเขา นับว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นผู้ให้การหนุนหลังของเมืองสมุทรสยบฟ้าโดยแท้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล