ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1587

ตอนที่ 1587 หลักสัจธรรมปราศจากผู้ต่อกร

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ข่งเชียะหมิงหวางได้สติกลับมา ถามว่า “แล้วเทียบเคียงราชันเซียนล่ะ? แบ่งแยกกันอย่างไร?”

“อันนี้ แยกกันยาก” หลี่ชิเย่ยิ้มพลาง ส่ายหน้าและกล่าวว่า “นับแต่โบราณกาลเป็นต้นมา การปรากฏบุคคลลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หากจะต้องแยกให้ได้ล่ะก็ เมื่อต่อสู้กับราชันเซียนแล้ว ไม่ปรากฏผลแพ้ชนะก็คือเทียบเคียงราชันเซียน”

เมื่อข่งเชียะหมิงหวางได้ยินคำว่า ต่อสู้กับราชันเซียนแล้ว ไม่ปรากฏผลแพ้ชนะก็คือเทียบเคียงราชันเซียนแล้ว นางนึกถึงคนๆ หนึ่งขึ้นมาทันที นั่นก็คือปฐมบรรพบุรุษเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเขา…ราชามังกรดำ นั่นเอง

ราชามังกรดำได้รับการยกย่องว่าเป็นที่เคารพสูงสุดมาสามชาติ สุดท้าย ได้ต่อสู้กับราชันเซียนท่าคง! กล่าวสำหรับบรรดาศิษย์ทั้งหมดของเมืองสมุทรสยบฟ้าแล้ว ราชามังกรดำคือต้นแบบในใจของพวกเขา ศิษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่ชินหูชินตากับเรื่องนี้

อาจกล่าวได้ว่า ในในมหาสมุทรอุดรนี้ ผู้คนจำนวนเท่าไรที่เติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับราชามังกรดำ ข่งเชียะหมิงหวางก็เป็นเช่นนี้ นางเติมโตขึ้นมาพร้อมกับเรื่องราวของราชามังกรดำ นางภาคภูมใจในเมืองสมุทรสยบฟ้า นางรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นศิษย์ของเมืองสมุทรสยบฟ้า !

“ถูกต้อง หากจะนับตั้งแต่โบราณกาลเป็นต้นมา เป็นความจริงว่า ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดก็คือราชามังกรดำ” หลี่ชิเย่พยักหน้า และกล่าวว่า “เขามีความแข็งแกร่งยิ่งนัก เขาเป็นผู้ที่เทียบเคียงกับราชันเซียนโดยแท้จริง”

ข่งเชียะหมิงหวางอดที่จะพูดออกมาไม่ได้ว่า “แต่ว่า เล่าลือกันว่า ราชันเซียนท่าคงตายไปแล้ว ปฐมบรรพบุรุษเป็นผู้สังหารราชันเซียนท่าคง” นางเคยได้ยินเรื่องการสู้รบที่เขาท่าคงมา ศพของราชันเซียนท่าคงถูกหลี่ชิเย่ทำลายจนสิ้นซากไป

“ราชันเซียนก็มีการแบ่งออกเป็นแข็งแกร่ง และอ่อนแอ ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ข้าจัดให้ราชามังกรดำอยู่ในระดับเทียบเคียงกับราชันเซียน” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ถ้าหากราชามังกรดำต่อสู้ชี้ขาดกับราชันเซียนเจียวเหิง ราชันเซียนหญิงหงเทียน หรือราชันเซียนเฟย ราชันเซียนเฮ่าไห่ล่ะก็คงพูดยาก ในบรรดาราชันเซียนทั้งหมด ราชันเซียนท่าคงหาใช่เป็นราชันเซียนที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสุดยอดราชันเซียน”

“ถ้าเช่นนั้น ในบรรดาราชันเซียนทั้งหลาย ราชันเซียนท่าคงถูกจัดวางอันดับเช่นใด?” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับเอ่ยถามขึ้นมา ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความสงสัย จะอย่างไรเสีย ราชันเซียนท่าคงเป็นราชันเซียนที่ทุกคนรู้จักกันดี ทั้งยังเป็นราชันเซียนเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกผู้อื่นสังหารได้หลังจากสืบทอดชะตาฟ้าแล้ว

“พูดยาก” หลี่ชิเย่ส่ายหัวเบาๆ กล่าวว่า “ราชันเซียนท่าคงยังมีช่องว่างที่จะก้าวต่อไปได้อีกมาก ไม่สามารถดูแคลนเขาได้เพียงเพราะเขาถูกสังหารโดยราชามังกรดำ บอกได้เพียงเขาใจร้อนไปนิดหนึ่ง ถ้าหากเขายังคงก้าวเดินบนเส้นทางของราชันเซียนต่อไป เป็นเรื่องที่ไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า เขาจะประสบความสำเร็จเช่นใดบนเก้าชั้นฟ้านั่น”

“การที่คนๆ หนึ่งสามารถกลายเป็นราชันเซียนได้นั้น หาใช่เป็นเรื่องประจวบเหมาะ และไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญ เขาคือผู้ที่รวบยอดครอบคลุมทุกสิ่งบนเส้นทางสายนี้ เขาคือผู้ที่โดดเด่นที่สุดบนเส้นทางสายนี้” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “ใช่ว่าเจ้ามีพรสวรรค์ที่ปราศจากผู้เทียบเทียม มีชาติกำเนิดที่สุดยอด ได้ฝึกสุดยอดเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกร มีอาวุธที่ทรงพลังไว้ในครอบครอง มีผู้ที่แข็งแกร่งทีสุดคอยให้ความคุ้มครอง เจ้าก็สามารถกลายเป็นราชันเซียนได้…”

“…บนเส้นทางสายนี้ยังต้องอาศัยจิตใจที่ไม่หวั่นไหว ขอเพียงไม่มีคำว่าละทิ้งตลอดกาล จึงมีโอกาสได้พิสูจน์หลักสัจธรรม ถ้าหากแม้ความกล้าที่จะยืนหยัดต่อไปยังไม่มี ต่อให้เจ้ามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมกว่านี้ มีของวิเศษและเคล็ดวิชาสุดยอดกว่านี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร? การเป็นราชันเซียนคนหนึ่ง ไม่เพียงต้องสามารถทนต่ออุปสรรคได้ ยังต้องทนต่อสิ่งเย้ายวนได้ มีเพียงการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ จึงสามารถก้าวขึ้นเหนือเก้าชั้นฟ้าได้ในที่สุด ก่อเกิดคลื่นที่โหมสาดซัดและขยายเป็นวงกว้างออกไปในโลกอีกโลกหนึ่งที่กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่า”

เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ถึงกับมองไปยังที่ที่ห่างไกล เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ไม่มีความจำเป็นที่ศิษย์ของเมืองสมุทรสยบฟ้าจะต้องไปดูแคลนราชันเซียนท่าคง การที่เขาสามารถกลายเป็นราชันเซียนได้ย่อมบ่งบอกว่าเขานั้นมีสิ่งที่เหนือกว่าคนอื่น มีสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถเทียบเคียงได้ หากจะพูดถึงยุคของราชันเซียนท่าคงแล้ว ราชันเซียนท่าคงหาใช่เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงที่สุด และก็ไม่ใช่ผู้ที่มีชาติกำเนิดดีที่สุด…”

“…ในยุคนั้น มีหลายคนที่มีคุณสมบัติดีกว่าราชันเซียนท่าคง แต่ว่า เพราะอะไรท้ายที่สุดแล้วราชันเซียนท่าคงสามารถกลายเป็นราชันเซียนได้ล่ะ? หรือว่าเป็นเพราะเขาเป็นผู้โชคดีอย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ราชันเซียนไม่เคยเป็นผู้โชคดีแห่งยุคตลอดมา”

“หากว่าเจ้ามีกิจการงานอะไรบางอย่าง และประสบความสำเร็จในระดับที่ไม่เลวนัก บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าโชคดี หรืออาจเป็นเพราะชาติกำเนิดของเจ้า ทำให้เจ้ามีกิจการงานเช่นนี้ได้” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “แต่ ราชันเซียนไม่เคยมีคำว่าโชคดีเลย นับตั้งแต่วันที่เจ้าก้าวเดินเข้าสู่สวรรค์วิถี มันบ่งบอกว่าเจ้าได้เป็นศัตรูกับทั่วหล้า เจ้าจะมีคู่ต่อสู้จำนวนนับไม่ถ้วนที่กบดานอยู่ หลายคนต้องการให้เจ้าตายจึงจะสาแก่ใจ นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับการท้าดวลจากบุคคลรุ่นเดียวกันจำนวนนับไม่ถ้วน เจ้าต้องเผชิญหน้ากับผู้คนจำนวนมากที่คอยลอบสังหาร เจ้ายังต้องเผชิญกับอันตรายในการบำเพ็ญเพียร…”

“อาจกล่าวได้ว่า ราชันเซียนทุกคนล้วนแล้วแต่ผ่านศึกเหนือเสือใต้มาทั้งสิ้น ราชันเซียนทุกคนล้วนแล้วแต่ก้าวเดินบนโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน ราชันเซียนทุกคนล้วนแล้วแต่ ต่อสู้อย่างดุเดือดจนถึงที่สุด ต่อให้เจ้ามีผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรที่สุดคอยคุ้มครองให้เจ้า แต่ สิ่งที่จะต้องผ่านไปได้ด้วยตนเองก็ต้องผ่านให้ได้ มิฉะนั้นล่ะก็ เจ้าก็จเป็นเพียงดอกไม้ที่อ่อนแอดอกหนึ่งที่ต้องมีคนคอยประคับประหงม เจ้าไม่สามารถบุกเบิกสุดยอดสัจธรรมของตนเองได้อย่างแน่นอน และเจ้าก็จะไม่ได้รับการยอมรับจากชะตาฟ้า มีเพียงสู้ถึงที่สุดตลอดชีวิต และไม่มีคำว่าท้อถอยตลอดกาล นั่นแหละคือราชันเซียน!”

ท่าทีของหลี่ชิเย่กล่าวได้หนักแน่นจริงจังมาก แม้ว่าราชันเซียนท่าคงจะเป็นศัตรูกับเขา แต่ว่า การที่เขาสามารถเป็นราชันเซียนได้ หลี่ชิเย่เองก็ให้ความชื่นชมในคุณสมบัติของเขา ส่วนราชันเซียนท่าคงจเป็นคนเช่นใดนั้นมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“ราชันเซียนทุกคนล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่ยอดเยี่ยม มีสิ่งที่คู่ควรให้ชนรุ่นหลังไปศึกษา” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีที่หนักแน่นจริงจังมาก “ราชันเซียนท่าคงเป็นศัตรูกับปฐมบรรพบุรุษของพวกเจ้า และถูกสังหารโดยปฐมบรรพบุรุษของพวกเจ้า แต่ว่า ไม่สามารถเหยียดหยามเขาเพราะเรื่องนี้ และคิดว่าเขาเป็นเพียงผู้โชคดีคนหนึ่งเท่านั้น คิดว่าเขาเป็นราชันเซียนได่เพราะโชคเข้าข้าง ราชันเซียนไม่เคยได้มาด้วยโชคเข้าข้าง ราชันเซียนไม่เคยเป็นผู้โชคดี!”

หลังจากที่ข่งเชียะหมิงหวางได้ฟังคำเตือนจากหลี่ชิเย่ เช่นนี้แล้ว ถึงกับสะเทือนหวั่นไหวภายในใจ นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โค้งคำนับอย่างนอบน้อม กล่าวว่า “คำพูดของคุณชาย น้องจะจดจำไว้ให้มั่นในใจ ไม่กล้าลืมคำเตือนในวันนี้ของคุณชาย”

ความจริงแล้ว หลี่ชิเย่กล่าวได้สมเหตุสมผลมาก เนื่องเหตุการณ์การณ์การต่อสู้ระหว่างราชามังกรดำกับราชันเซียนท่าคงนั้น โดยเฉพาะหลายปีที่ผ่านมานี้ หลังจากที่ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่า ราชันเซียนท่าคงได้มีการทิ้งศพราชันเอาไว้ ทำให้ผู้คนทั่วหล้าต่างรู้ว่าในครานั้นราชามังกรดำสังหารราชันเซียนท่าคงได้ ราชามังกรดำจะเป็นหรือตาย ชนรุ่นหลังไม่มีใครรู้ แต่ทว่า สามารถสังหารราชันเซียนได้มันเพียงพอให้ผู้คนภาคภูมิใจได้ ผลงานเช่นนี้ไม่มีใครสามารถก้าวล้ำได้ชั่วชีวิต!

ด้วยสาเหตุนี้เอง ทำให้ศิษย์ของเมืองสมุทรสยบฟ้าจำนวนไม่น้อยที่บังเกิดความรู้สึกที่ไม่ให้เกียรติ ศิษย์จำนวนไม่น้อยมองข้ามคิดว่าราชันเซียนท่าคงก็งั้นๆ ได้เป็นราชันเซียน ได้สืบทอดชะตาฟ้า สุดท้ายแล้วก็ต้องถูกปฐมบรรพบุรุษของพวกเขาสังหาร!

แนวคิดเช่นนี้ อารมณ์เช่นนี้ในเมืองสมุทรสยบฟ้า ใช่ว่าจะมีศิษย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ศิษย์จำนวนมากล้วนแล้วแต่มีอารมณ์เช่นนี้

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่สร้างความหวั่นไหวให้กับข่งเชียะหมิงหวาง และเป็นการส่งสัญญาณเตือนข่งเชียะหมิงหวาง ผู้เยาว์เช่นพวกเขาเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ไปดูถูกเหยียดหยามราชันเซียนท่าคง แม้ว่าราชันเซียนท่าคงจะเคยเป็นศัตรูกับปฐมบรรพบุรุษของพวกเขา

ถ้าหากจะกล่าวว่า ราชันเซียนท่าคงนั้นไม่นับเป็นอะไร เช่นนั้นแล้ว พวกเขาที่ไม่สามารถเป็นราชันเซียนได้ นับเป็นตัวอะไร? คนที่แม้แต่ตัวอะไรยังเป็นไม่ได้ มีสิทธิ์อะไรไปดูแคลนคนที่ผ่านการสู้รบมาอย่างดุเดือดนับครั้งไม่ถ้วน ผ่านความยากลำบากมานับไม่ถ้วน จนชนะในเก้าแดนกลายเป็นราชันเซียนที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!

คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้จิตใจของข่งเชียะหมิงหวางยิ่งมีความชัดเจนมากขึ้น สัจธรรมหาใช่เป็นดั่งที่พวกเขาได้จินตนาการเอาไว้ เพียงมุ่งที่จะเสาะแสวงหาเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งมากที่สุด ของวิเศษที่ทรงพลังมากที่สุด ท่ามกลางวิถีทางที่ยาวไกล ยังมีสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่าเคล็ดวิชาและของวิเศษ นั่นก็คือจิตใจ!

หนทางอันยาวไกล เจ้ายังคงมีเส้นทางที่ต้องก้าวเดินอีกไกล อนาคตของเมืองสมุทรสยบฟ้าจำเป็นต้องอาศัยบุคคลเช่นเจ้ามาแบกรับ ดังนั้น ที่เจ้าจะต้องมีใช่เพียงแค่พรสวรรค์ และไม่ใช่เพียงการตัดสินใจและสติปัญญา ยังต้องมีจิตดวงหนึ่ง จิตที่มีความตื่นตัว จิตที่แกร่งดังหินผา” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “มีเพียงสติปัญญาของเจ้า พรสวรรค์ของเจ้าบวกกับจิตใจของเจ้า ข้าเชื่อว่า เมืองสมุทรสยบฟ้าจะต้องเจริญรุ่งเรือด้วยมือของเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน”

“คุณชายยกย่องข้ามากเกินไปแล้ว” ข่งเชียะหมิงหวางยิ้มและส่ายหน้า กล่าวว่า “เจ้าสำนักมีสติปัญญา มีพรสวรรค์มากกว่าข้า จิตของนางแข็งแกร่งมากกว่าข้าเสียอีก ที่นางขาดไปก็แค่ประสบการณ์เท่านั้นเอง นางอ่อนเยาว์กว่าข้า ในอนาคตนางต้องทำได้ดีกว่าข้า และโดดเด่นกว่าข้า”

“ไม่ ชุ่ยหนิงมีภารกิจของนางเอง นางมีวิถีทางของนางเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้าเบาๆ

ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ นางไม่เข้าใจเลยว่าระหว่างหลี่ชิเย่กับเจ้าสำนักมีความสัมพันธ์อะไรกัน

แน่นอน ข่งเชียะหมิงหวางย่อมไม่รู้หรอกว่า จื่อชุ่ยหนิงจะไม่อยู่กับเมืองสมุทรสยบฟ้า ต้องมีสักวันที่จื่อชุ่ยหนิงจะต้องไปจากเมืองสมุทรสยบฟ้า ไปจากแดนมนุษย์กษัตรา ไปจากเก้าแดน

สิ่งนี้ก็คือเหตุผลว่าเพราะอะไรหลี่ชิเย่จึงได้นำเอาความลับของ “หอกโลหิตเซียน” บอกต่อจื่อชุ่ยหนิง ต้องมีสักวันที่จื่อชุ่ยหนิงจะยืนอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า สืบสานเทพนิยายของหอกโลหิตเซียนต่อไป

หลี่ชิเย่ พาข่งเชียะหมิงหวางก้าวเดินอยู่ในเมืองฟงเหวินอย่างช้าๆ เขาไม่ได้มุ่งตรงไปยังบ้านตระกูลยวี แต่เดินสะเปะสะปะตามอารมณ์ไปทั่วเมืองฟงเหวิน

“คุณชาย พวกเราจะไปบ้านตระกูลยวีหรือไม่?” เมื่อข่งเชียะหมิงหวางเห็นหลี่ชิเย่เดินสะเปะสะปะไปเรื่อย จึงได้เอ่ยถามขึ้นมา

“ไปแน่นอน” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “แต่ว่าไม่รีบ ยวีไท่จวินเพิ่งออกจากการกักมรณะ ยังต้องอาศัยเวลาในการปรับสภาพ พวกเราจะยังไม่ไปรบกวนนางชั่วคราว”

“ตระกูลยวียอมให้พวกเราได้พบยวีไท่จวินรึ?” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับหลุดปากพูดออกมา แต่ เมื่อพูดออกมาแล้วกลับรู้สึกว่ามันเปล่าประโยชน์

แม้ว่าหลี่ชิเย่จะทำให้ศิษย์ของตระกูลยวีต้องบาดเจ็บ แต่ว่า แม้แต่คนอย่างยวีเจิ้งฟงยังต้องเคารพนอบน้อมต่อหลี่ชิเย่ถึงเพียงนี้ มันจะไปยากอะไรกับการพบกับยวีไท่จวิน

“พวกสวะเหล่านั้น” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “การฆ่าพวกมันสักคนสองคนก็เป็นการดีสำหรับพวกเขา ตัวเองไร้ฝีมือ อย่าได้เข้าใจว่าอาศัยชื่อของบรรพบุรุษของตนก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ก่อกรรมทำเข็ญอย่างนั้นรึ ให้พวกเขาได้รู้ว่า โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลยังคงมีผู้ที่ไม่เห็นบ้านตระกูลยวีของพวกเขาอยู่ในสายตา!”

ข่งเชียะหมิงหวางรู้สึกว่าคำพูดนี้มีเหตุผล เมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ หากหลี่ชิเย่คิดร้ายต่อบ้านตระกูลยวีจริงล่ะก็ ด้วยนิสัยของเขาหากโกรธขึ้นมาล่ะก็ จะทำลายบ้านตระกูลยวีเสีย เขาเพียงแต่สั่งสอนพวกยวีจั่นเท่านั้น นับว่านี้เป็นการรักและทะนุถนอมอย่างหนึ่งแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล