ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1588

ตอนที่ 1588 จิตแห่งการบำเพ็ญเพียร

หลี่ชิเย่พาข่งเชียะหมิงหวางเดินทอดน่องอยู่ในเมืองฟงเหวิน เนื่องจากยวีไท่จวินยังคงต้องปรับสภาพลมปราน ดังนั้น หลี่ชิเย่จึงไม่รีบร้อนที่จะไปยังบ้านตระกูลยวี

“คุณชาย พวกเราไปที่ไหนกันล่ะ?” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับเอ่ยถาม เมื่อเดินเอ้อระเหยไปกับหลี่ชิเย่ตามสถานที่ต่างๆ

หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ในเมืองฟงเหวินไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรเป็นพิเศษ ถ้าหากจะมี บันไดเสียงสิบสองขั้นนับเป็นแห่งหนึ่ง งั้นพาเจ้าไปที่นั่นก็แล้วกัน”

ข่งเชียะหมิงหวางกล่าวว่า “บันไดเสียงสิบสองขั้นข้าเคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่ ไม่เคยไป เล่าลือกันว่า การขึ้นบันไดเสียงสิบสองขั้นสามารถตัดสินอนาคตของคนๆ หนึ่งได้ ยิ่งขึ้นสูงได้มากเท่าใด อนาคตก็ยิ่งปราศจากขีดจำกัด”

“มันเป็นเพียงตัวอ้างอิงหนึ่งเท่านั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ใช่ว่าจะถูกต้องทั้งหมด แน่นอน บันไดเสียงสิบสองขั้นนั้นมีคุณค่าในการศึกษาค้นคว้าที่สูงมาก เนื่องจากบันไดเสียงทุกๆ ขั้นที่ก้าวขึ้นไป เป็นการบ่งบอกว่ากำลังทดสอบความสามารถในการเข้าใจ ทดสอบจิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ทดสอบจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้า

“แน่นอน ชีวิตคนเราย่อมมีสิ่งที่เหนือความคาดคิดอยู่เสมอ ใช่ว่าหากเจ้าสามารถขึ้นบันไดเสียงสิบสองขั้นแล้ว อนาคตของเจ้าจะได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงโดยไม่ต้องเปลืองแรง” หลี่ชิเย่ยิ้มและส่ายหน้า จากนั้นกล่าวว่า “หากว่าเจ้าคิดจะลองสักครั้ง ก็สามารถไปขึ้นบันไดเสียงสิบสองขั้นได้”

ครั้นกล่าวถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่มองดูข่งเชียะหมิงหวางทีหนึ่ง กล่าวว่า “อาศัยสติปัญญาและจิตของเจ้า การก้าวขึ้นขั้นที่สิบไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด ขั้นที่สิบเอ็ดจะยาก ขั้นที่สิบสองเกรงว่าคงไม่มีหวัง”

ข่งเชียะหมิงหวางไม่ได้ตกใจระคนกับดีใจ และไม่รู้สึกเหนือความคาดคิด สงบนิ่งมาก นางหัวเราะและส่ายหัวเบาๆ ว่า “ข้าเป็นเพียงคนที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งเท่านั้น เทียบไม่ได้กับยอดฝีมือใต้หล้า ยิ่งเทียบไม่ได้กับผู้อาวุโสและปรัชญาเมธี”

การที่ข่งเชียะหมิงหวางพูดเช่นนี้ นางไม่ได้คิดน้อยเนื้อต่ำใจ และไม่ได้หยิ่งยโส เพียงแต่นางสงบนิ่งมากเท่านั้นเอง

“ขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ไม่ใช่ปัญหา ไปดูสักหน่อยก็ไม่เป็นไร” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย เดินนำอยู่ข้างหน้า

แต่ ข่งเชียะหมิงหวางกลับให้ความสนใจ กล่าวว่า “หากว่าคุณชายขึ้นบันไดเสียง สามารถขึ้นไปได้กี่ขั้น? ตามความเห็นของข้า คุณชายขึ้นบันไดสิบสองขั้นคงไม่เป็นปัญหา”

ข่งเชียะหมิงหวางเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับบันไดเสียงสิบสองขั้นเมืองฟงเหวินมานานแล้ว แม้ว่าไม่เคยขึ้นไปด้วยตนเอง แต่ว่า เคยได้ยินหลายคนพูดว่า ผู้ที่สามารถขึ้นบันไดเสียงสิบสองขั้นจนถึงขั้นที่สิบสองล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยบุคคลที่ปราศจากผู้เทียบเทียมนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น

หลี่ชิเย่หัวเราะไปตามอารมณ์ และกล่าวว่า “บันไดเสียงสิบสองขั้น? หากข้าขึ้นรับรองถึงจุดสูงสุด!”

“ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด!” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับเบิกตากว้าง กล่าวว่า “เรื่อง เรื่องนี้ เรื่องนี้ ได้ยินมาว่าบันไดเสียงสิบสองขั้นได้รับการจำกัดจากอิทธิพลของสัจธรรม เล่าลือกันว่า เว้นแต่ราชันเซียนเท่านั้นที่มีชะตาฟ้าในครอบครอง สามารถทำลายทุกพันธนาการของหลักสัจธรรม จึงสามารถก้าวขึ้นบันไดเสียงสิบสองขั้นได้อย่างง่ายดาย มิฉะนั้นล่ะก็ คนอื่นๆ ต่อให้แข็งแกร่งปานใดก็ทำไม่ได้ ลือกันว่าบรรพบุรุษกู้จุนพวกเราก็ได้แค่สิบสองขั้นเท่านั้นเอง”

เรื่องนี้หาใช่ข่งเชียะหมิงหวางไม่เชื่อในตัวของหลี่ชิเย่ สมควรทราบว่า บรรพบุรุษกู้จุนของพวกเขานับว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลที่หาได้ยากนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ก็ยังขึ้นไปได้แค่สิบสองขั้นเท่านั้นเอง

หากจะว่ากันในอีกแง่หนึ่ง การก้าวขึ้นบันไดเสียงสิบสองขั้นนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับทักษะยุทธแข็งแกร่งหรือด้อย แต่เกี่ยวข้องการความสามารถในการเข้าใจ จิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ และจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร การก้าวขึ้นไปหนึ่งก้าว ถ้าหากความสามารถในการเข้าใจของเจ้าดี ก็สามารถบรรลุจังหวะของดนตรีนั้น ทำให้การแบกรับแรงกดดันต่ำลงมาก แน่นอน หาก ความสามารถในการเข้าใจไม่ดีก็ไม่เป็นปัญหา หากเจ้ามีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่แข็งแกร่งมากและมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงไม่หวั่นไหว เช่นนั้นแล้ว หากยืนหยัดก้าวเดินต่อไป ก็ยังคงไปได้เช่นกัน………….”

หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้า กล่าวว่า “บันไดเสียงนั้นจะโจมตีต่อจิตที่อยู่ภายในของเจ้า ไม่ได้สยบทักษะของเจ้า ซึ่งสิ่งนี้คือจุดสำคัญ กล่าวสำหรับข้าแล้วไม่จำเป็นต้องไปบรรลุมัน ขอเพียงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่แปรเปลี่ยนตลอดกาลดวงหนึ่งของข้า ก็สามารถทำให้ข้าบุกทะลวงเข้าไปโดยไม่สามารถขัดขวางข้าได้”

“จิตแห่งการบำเพ็ญเพียร…” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับพึมพำออกมาเบาๆ นับตั้งแต่เคียงข้างหลี่ชิเย่มา เขาไม่ได้เอ่ยถึงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรแค่ครั้งเดียว ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่แห่งยุค ข่งเชียะหมิงหวางก็รับรู้ถึงความสำคัญของจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร แต่ว่า ดูเหมือนหลี่ชิเย่จะให้ความสำคัญมากกว่าคนอื่น

“สิ่งนี้ก็คือสิ่งที่ขแตกต่างจากผู้อื่น” เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นท่าทีของข่งเชียะหมิงหวางแล้วถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าพูดเกินจริงไปกระมัง คิดว่าข้าให้ความสำคัญกับจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรมากเกินไปน่ะสิ”

“เรื่องนี้…” เมื่อข่งเชียะหมิงหวางถูกหลี่ชิเย่ถามขึ้นมาเช่นนี้ นางเองก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี แน่นอน นางไม่ได้คิดว่าหลี่ชิเย่นั้นไม่มีเหตุผล แต่ เหมือนว่าหลี่ชิเย่จะชื่นชอบในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเพียงฝ่ายเดียว

หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา สำนักและยอดฝีมือจำนวนมากเวลาคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นศิษย์ อันดับแรกจะมองไปที่พรสวรรค์ จากนั้นเป็นความสามารถในการเข้าใจต่างๆ เป็นต้น สุดท้ายจึงเป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร ความจริงแล้ว การกระทำเช่นนี้ได้ปิดกั้นผู้คนไปเป็นจำนวนมาก”

หลี่ชิเย่พูดท่าทีเรียบเฉยว่า “เจ้าดูสิ นับตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน สุดยอดอัจฉริยบุคคลที่ปราศจากผู้เทียบเทียมมีมากมายดั่งดอกเห็ด แต่ทว่า สุดยอดอัจฉริยะบุคคลที่สามารถเป็นราชันเซียนได้กลับมีอยู่ไม่มาก ยกตัวอย่างสิบยอดอัจฉริยบุคคลในอดีตจนถึงปัจจุบัน เจ้าลองพิจารณาดูว่า ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลที่สุดได้เป็นราชันเซียนมีกี่คน? มีไม่กี่คน แค่สามนิ้วก็นับได้ครบแล้ว”

“ลองคิดดู กระทั่งสิบยอดอัจฉริยบุคคลยังไม่สามารถเป็นราชันเซียนได้ ส่วนคนอื่นๆ ที่เรียกว่าเป็นดาวรุ่งที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งนับจากอดีตถึงปัจจุบันมากยิ่งกว่าดอกเห็ดเสียอีก คนเหล่านี้มักจะเป็นดาวดับบนเส้นทางที่ก้าวสู่ราชันเซียน มันเป็นเพราะอะไร ? หลี่ชิเย่หัวเราะและชี้นิ้วไปที่หัวใจ และกล่าวว่า “ที่สุดของปัญหาก็ยังอยู่ที่จิตแห่งการบำเพ็ญเพียร กล่าวสำหรับดาวรุ่งแล้ว พวกเขามีเส้นทางที่ราบเรียบเกินไป หากไม่เป็นเพราะไม่สามารถแบกรับความล้มเหลวได้ ก็คือถูกเย้ายวนได้ง่าย จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรสั่นไหวง่ายเกินไป”

ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับถามว่า “เป็นเช่นนี้จริงหรือ?”

“ไม่ต้องพูดถึงอื่นไกล เอาเป็นราชันเซียนท่าคงก็แล้วกัน หลังจากที่ราชันเซียนท่าคงได้เป็นราชันเซียนแล้ว ได้รับคำชื่นชมมาเท่าไร หลายคนต่างชื่นชมเขาว่าสุดยอดในหล้าหนึ่งไม่มีสอง แต่นั่นเป็นเพียงคำพูดที่เยินยอเท่านั้นเอง ความจริงแล้ว ยามที่เขายังอยู่ในวัยหนุ่ม ความจริงแล้วพรสวรรค์ของราชันเซียนท่าคงเรียกได้ว่าแค่กลางสูงเท่านั้นเอง บอกได้แต่เพียงเป็นผู้โดดเด่นเท่านั้นเอง…”

“…เฉกเช่นมู่เส้าตี้แห่งสำนักโบราณสี่เหยียน สือหลงเสินแห่งแดนสมุนไพรแร่ธาตุ กระทั่งเซียวชิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นขุนพลอันดับหนึ่ง เมื่อพูดถึงด้านพรสวรรค์แล้ว พรสวรรค์ของราชันเซียนท่าคงห่างชั้นกับพวกเขามาก แต่ว่า สุดท้ายแล้ว คนที่หัวเราะจนถึงสุดท้ายกลับเป็นราชันเซียนท่าคง มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้สืบทอดชะตาฟ้า เจ้ารู้ไหมว่าเพราะอะไร?” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่จ้องมองข่งเชียะหมิงหวางอย่างจริงจัง

“จิตแห่งการบำเพ็ญเพียร…”

“ถูกต้อง มันก็คือจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “บางทีเจ้าอาจรู้แค่คำตอบ ไม่รู้เหตุผลของมัน พูดอย่างนี้ก็แล้วกัน อย่างกรณีมู่เส้าตี้ พรสวรรค์ของเขาส ต่อสู้กับราชันเซียนท่าคงชนะสามแพ้สาม แต่ทว่า เขากลับต้องเสียทีเพราะความฉลาดของตัวเอง คิดว่าการฝึกสามารถอาศัยทางลัดได้ หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับราชันเซียนท่าคง อดทนต่อความเย้ายวนไม่ได้ ดังนั้น เขาจึงเลือกเดินทางลัด หวังอาศัยกำลังภายนอกมาสร้างความแข็งแกร่งให้กับตน แต่ว่า สุดท้ายแล้วเกือบทำให้สำนักโบราณสี่เหยียนต้องล่มสลาย…”

“…ดั่งเช่นสือหลงเสิน ขณะที่เขาอยู่ในวัยหนุ่มเรียกได้ว่าเก่งมาก ไล่ฆ่าราชันเซียนท่าคงจนต้องหนีออกจากแดนสมุนไพรแร่ธาตุ ราชันเซียนท่าคงถูกตามฆ่าจนวิ่งหนีดั่งสุนัขตัวหนึ่ง นับว่าน่าเกรงขาม ยโสโอหังยิ่งนัก แต่ว่า ภายหลังเขาได้แพ้ให้กับราชันเซียนท่าคงถึงสามครั้งติดต่อกัน ถึงกับกลัวจนหัวหดไม่กล้าโผล่ออกมาจากที่ซ่อนอีกเลย นี่คือการหวาดกลัวในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร ถ้าหากจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาไม่หวาดหวั่น ก็จะไม่ตกใจจนไม่กล้าออกมาอีกเลย”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่หยุดนิดหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “สำหรับเซียวชิงเทียนนั้นไม่ต้องพูดถึง เขามีความตระหนักและเข้าใจในเพลงดาบยิ่งนัก เขาคือผู้ชำนาญเรื่องดาบมาแต่กำเนิด เมื่อดาบอยู่ในมือเขาแล้วก็เหมือนดาบนั้นมีชีวิต เสียดาย เงาทมิฬของราชันเซียนท่าคงกลับครอบงำตัวเขาเอาไว้ ทำให้เข้าก้าวไม่พ้นเครื่องพันธนาการของตน เขาขาดเพียงแค่ก้าวเดียว จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่แข็งแกร่งพอ”

“แล้วราชันเซียนท่าคงล่ะ?” ข่งเชียะหมิงหวางเอ่ยถาม

ความจริงแล้ว ข่งเชียะหมิงหวางให้ความสนใจเกี่ยวกับอดีตของราชันเซียนท่าคง จะอย่างไรเสีย ราชันเซียนท่าคงคือศัตรูของราชามังกรดำ ปฐมบรรพบุรุษของพวกเขา

“ชั่วชีวิตของราชันเซียนท่าคงผ่านเส้นทางที่ขรุขระมามากน้อยเพียงใด? กี่คนที่เคยเอาชนะเขามาก่อน? มู่เส้าตี้ สือหลงเสิน เมิ่งเจิ้นเทียนที่เป็นดาวรุ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่าล้วนแล้วแต่เคยเอาชนะเขามาก่อน แม้ว่าต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ ราชันเซียนท่าคงไม่เคยสิ้นหวัง และไม่เคยย่อท้อ เขาผงาดขึ้นมาจากความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า

ท่ามกลางความล้มเหลวได้หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาหลังจากจิตสงบลง และนำมาเป็นประสบการณ์เพื่อแก้ไข ดังนั้น เขาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ผงาดขึ้นอีกครั้งแล้วครั้งเล่าจากความล้มเหลว เขาสามารถหัวเราะเป็นคนสุดท้าย เขามีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งยิ่งนัก ดังนั้น เขาได้สืบทอดชะตาฟ้า กลายเป็นราชันเซียน”

“ดังนั้น กล่าวได้ว่า ราชันเซียนทุกองค์ล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่เหนือกว่าคนอื่น ราชันเซียนทุกองค์ล้วนแล้วแต่มีจุดที่ยอดเยี่ยมของเขา” เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว เป็นการกล่าวกับข่งเชียะหมิงหวางที่มีความหมายลึกซึ้งมาก

ตำพูดลักษณะเช่นนี้ ทำให้ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับนึกถึงคำพูดก่อนหน้าของหลี่ชิเย่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ศิษย์เมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเขาไม่มีสิทธิ์ใดๆ ไปดูแคลนต่อราชันเซียนท่าคง

ดังนั้น จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรมาเป็นอันดับหนึ่ง จากนั้นเป็นพรสวรรค์อะไรเหล่านั้น” ในขณะที่ข่งเชียะหมิงหวางกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้กล่าวท่าเทีเฉยเมยว่า “นับแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันมีอัจฉริยะบุคคลจำนวนเท่าไร เจ้าลองไปสอบถามดูว่า มีอัจฉริยบุคคลคนไหนบ้างที่ฝึกกายอายุวัฒนะได้สำเร็จ คำตอบคือไม่มี มีเพียงหนึ่งเดียวก็คือเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง! เนื่องจากจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของนางไม่เคยสั่นคลอน พันล้านปีมานี้ นางมีแต่จิตใจที่บริสุทธิ์ดวงหนึ่ง ดังนั้น นางจึงได้สร้างปาฏิหาริย์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!”

“จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรสำคัญที่สุด” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับพึมพำออกมา

“ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา อัจฉริยบุคคลมีมากหมายดั่งดอกเห็ด แต่ทว่า ผู้ที่มีจิตมั่นคงไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิมมีอยู่ไม่มากนักท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา ดังนั้น คิดจะบ่มฟักราชันเซียนขึ้นมาสักคน จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรจึงสำคัญกว่าพรสวรรค์

เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้จ้องมองข่งเชียะหมิงหวางทีหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “สิ่งนี้ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่ว่าเพราะเหตุใดกู้จุนของเมืองสมุทรสยบฟ้าพวกเจ้าจึงไม่ได้เป็นราชันเซียน พรสวรรค์ของกู้จุนนั้นยอดเยี่ยมมากใช่มั้ย ถูกจัดให้อยู่หนึ่งในสิบอัจฉริยบุคคลนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน แต่ เขากลับไม่ได้กลายเป็นราชันเซียน!”

“เพราะอะไร?” ข่งเชียะหมิงหวางอดถามขึ้นมาไม่ได้ เนื่องจากนางเคยได้ยินมานานแล้วว่า บรรพบุรุษกู้จุนของเมืองสมุทรสยบฟ้าพวกเขาคือหนึ่งในผู้ที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก กระทั่งศิษย์ภายในสำนักคิดว่ากู้จุนนั้นมีพรสวรรค์เป็นอันดับหนึ่ง และเคยมีผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสได้กล่าวเอาไว้ว่า พรสวรรค์ของกู้จุนนั้นสามารถติดอันดับหนึ่งในสิบ

แต่ว่า ด้วยคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ท้ายที่สุดกลับไม่ได้เป็นราชันเซียน ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับข่งเชียะหมิงหวางเป็นอันมาก!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล