ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1590

ตอนที่ 1590 บันไดเสียงสิบสองขั้น

ภายหลัง เรื่องราวตำนานเกี่ยวกับการได้มาซึ่งภูเขาลูกนี้จากเผ่าเทวะของยวีไท่จวินว่า นางไปได้มาได้อย่างไรนั้น บุคคลภายนอกไม่สามารถรู้ได้อีกเลย

สรุปคือ หลังจากที่ยวีไท่จวินได้ภูเขาลูกนี้มาแล้ว ได้นำไปตั้งเอาไว้ในเมืองฟงเหวิน นับจากนั้นเป็นต้นมา ภูเขาลูกนี้ซึ่งได้รับการขนานนามว่า”บันไดเสียงสิบสองขั้น” ก็ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามของเมืองฟงเหวินแห่งหนึ่ง

สืบเนื่องจากตระกูลยวีไม่ได้มีการจำกัดหรือมีข้อห้ามใดๆ ดังนั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ใครต้องการปีนบันไดเสียงสิบสองขั้นของเมืองฟงเหวิน ล้วนแล้วแต่สามารถทดลองได้

บันไดเสียงสิบสองขั้นเป็นสถานที่ที่ทดสอบความสามารถในการเข้าใจ ความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของจิตใจ และจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร ดังนั้น ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากเมื่อมาถึงเมืองฟงเหวินแล้ว ต่างยินดีไปทดลองปีนบันไดเสียงสิบสองขั้น โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ หากพวกเขาสามารถปีนขึ้นไปได้สูงมากเท่าไร ชื่อเสียงที่พวกเขาได้รับก็จะสูงมากขึ้นเท่านั้น

กระทั่งมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่ถือเอาบันไดเสียงสิบสองขั้นเป็นสิ่งยืนยัน ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่ง หากสามารถปีนบันไดเสียงสิบสองขั้นได้สูงมากเท่าไร อนาคตของพวกเขาก็จะไร้ขีดจำกัดมากขึ้นเท่านั้น

เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง นับตั้งแต่ยุคของราชันเซียนหยินเทียนเป็นต้นมา เคยมีดาวรุ่งจำนวนไม่น้อยที่เดินทางมาทดสอบ แน่นอนที่สุด ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ใส่ใจกับวิธีการทดสอบเช่นนี้

ด้านล่างของบันไดเสียงสิบสองขั้นจะมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่เดินทางมาชื่นชมและทดสอบการปีนอยู่เป็นจำนวนมากในทุกๆ วัน โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ ยิ่งมีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะได้ปีนบันไดเสียงสิบสองขั้นนี้ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว การปีนบันไดเสียงสิบสองขั้นเป็นวิธีการทดสอบหนทางของตนได้ตรงจุดที่สุด!

มาวันนี้ ด้านหน้าของบันไดเสียงสิบสองขั้นมีผู้บำเพ็ญตนอยู่ที่นั่นมากกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งสิ้นที่มารวมตัวกันอยู่ที่ตรงนี้ เป็นที่คึกครื้นยิ่งนัก

การที่วันนี้มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่มารวมตัวกันมากมายเช่นนี้นั้น หนึ่งในสาเหตุมาจากยวียวี่เหลียน คุณหนูแห่งบ้านตระกูลยวีจะมาทดลองปีนบันไดเสียงสิบสองขั้นในวันนี้

เมื่อยวียวี่เหลียนต้องการมาปีนบันไดเสียงสิบสองขั้น บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ย่อมต้องมาอวยกันบ้าง ยิ่งไปกว่านั้น การออกจากการกักตนมรณะของยวีไท่จวิน บรรดารุ่นอาวุโสของแคว้นเจ้าลัทธิย่อมต้องมาคารวะที่บ้านตระกูลยวี ขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยล้วนแล้วแต่ ติดตามผู้อาวุโสของตนมาด้วย

มาวันนี้ ยวียวี่เหลียนต้องการทดสอบตัวเอง กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากย่อมยินดีที่จะมายกยอปอปั้นนาง กล่าวสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากแล้ว หากสามารถคบหากับยวียวี่เหลียนได้ มันคือโอกาสที่ไม่เลวเลยทีเดียว

กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่รวมตัวกันอยู่ด้านหน้าบันไดเสียงสิบสองขั้น มองดูขั้นที่แปดของบันไดเสียง เห็นเป็นร่างเงามากมาย ทำให้ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ต่างวิพากวิจารณ์กันขึ้นมา

บันไดเสียงสิบสองขั้นนั้นประกอบด้วยขั้นบันไดที่มีขนาดสูงและใหญ่จำนวนสิบสองขั้น แต่ละขั้นจะมีความสูงห่างกันอย่างน้อยสามเมตร ดังนั้น การที่จะก้าวข้ามขั้นบันไดแต่ละขั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ท่ามกลางบันไดเสียงสิบสองขั้นนี้ ไม่ว่าเจ้าจะมีทักษะสูงมากน้อยเท่าไรก็หาใช่เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากภูเขาเทวะทั้งลูกนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากพันธนาการของหลักสัจธรรม เว้นแต่เป็นราชันเซียน สามารถทะลุทะลวงพันธนาการของหลักสัจธรรมทุกอย่าง และไม่ถูกจำกัดโดยสิ่งใดๆ มิฉะนั้นล่ะก็ การก้าวขึ้นสู่บันไดเสียงสิบสองขั้น ไม่ว่าเจ้าจะมีทักษะสูงหรือต่ำก็ไม่แตกต่างกัน

ต่อให้ทักษะของเจ้าสูงจนเหลือเชื่อ สามารถรองรับกับพันธนาการของหลักสัจธรรม ความจริงแล้ว ถึงทักษะจะสูงมากไปกว่านี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากอาศัยเพียงทักษะสูงมาเป็นตัวต้านล่ะก็ การพันธนาการเพื่อจำกัดของบันไดเสียงสิบสองขั้นที่มีต่อเจ้าก็จะทรงพลังมากยิ่งขึ้น กลับจะไร้ประโยชน์ต่อการปีนบันไดของเจ้า

ในบันไดเสียงสิบสองขั้นนี้ ทุกครั้งที่มีการก้าวขึ้นไปได้ขั้นหนึ่ง มันก็จะมีเสียงดนตรีดังขึ้นเป็นจังหวะ อย่างไรก็ตาม บุคคลภายนอกจะฟังไม่ออกว่ามีความลึกลับและมหัศจรรย์เช่นใด มีเพียงผู้ที่กำลังปีนสามารถฟังรู้

เสียงที่สัมผัสได้ขณะที่ปีนบันไดขึ้นไปนั้นเป็นเสียงของหลักสัจธรรม ทุกครั้งที่ปีนขึ้นไปได้ขั้นหนึ่งก็จะมีเสียงหลักสัจธรรมบทหนึ่งดังขึ้นมา

ถ้าหากเจ้ามีพรสวรรค์ที่สูงมากพอ บรรลุเสียงหลักสัจธรรมนี้ได้ ก็จะรู้ว่าความลึกลับและมหัศจรรย์นั้นอยู่ที่ตรงไหน ถ้าหากเจ้าสามารถผ่านการบรรลุหลักสัจธรรมที่ลึกลับและมหัศจรรย์เพื่อก้าวขึ้นบันไดเสียงสิบสองขั้นล่ะก็ สำหรับผู้ที่ปีนขึ้นแล้วถือว่ามีประโยชน์เป็นอันมาก และจะทำให้ความยากลำบากในการปีนขึ้นไปนั้นลดลงมากทีเดียว

แน่นอนที่สุด หากว่าเจ้าไม่ได้มีพรสวรรค์ที่สูงมากพอก็ไม่มีปัญหา ขอเพียงเจ้ามีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่แข็งแกร่งเพียงพอ โดยมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่เปลี่ยนแปลง เจ้าก็สามารถรองรับกับเสียงของหลักสัจธรรมนี้ได้เช่นกัน

ยิ่งก้าวสูงขึ้นเท่าไร เสียงของหลักสัจธรรมก็จะทรงพลังมากยิ่งขึ้น มันจะส่งผลให้หลักสัจธรรมของเจ้าขานรับกับมัน จากนั้นการปิดกั้นของภูเขาทั้งลูกที่มีต่อเจ้าก็จะแกร่งมากขึ้นๆ ดังนั้น ทุกครั้งที่ก้าวขึ้นไปขั้นหนึ่ง ล้วนแล้วแต่ส่งผลทดสอบต่อความสามารถในการเข้าใจ ความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของจิตใจ จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรอย่างยิ่ง

บันไดเสียงสิบสองขั้นจะมีขั้นบันไดอยู่สิบสองขั้น ถ้าหากเจ้าสามารถขึ้นไปถึงตั้งแต่ขั้นที่แปดเป็นต้นไป เป็นการบ่งบอกว่าเจ้าคือหงส์หรือมังกรในหมู่คน และนับตั้งแต่บันไดขั้นที่แปดเป็นต้นไป มันสามารถคงร่างเงาของคนผู้นั้นเอาไว้ เป็นการบันทึกความสำเร็จของคนผู้นั้น บันทึกเกียรติประวัติของคนผู้นั้นเอาไว้

ดังนั้น เมื่อยืนอยู่ด้านล่างของบันไดเสียงสิบสองขั้นแล้วแหงนมองขึ้นไป จะเห็นร่างเงาแต่ละร่างเงาที่คงไว้ตั้งแต่ชั้นที่แปดเป็นต้นไป ผู้ที่สามารถทิ้งร่างเงาเอาไว้ในชั้นที่แปดล้วนแล้วแต่ เป็นผู้มีชื่อเสียงแห่งยุคทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้เอง บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่มารับการทดสอบจากบันไดเสียงสิบสองขั้นนั้น พวกเขาจะมองว่าบันไดขั้นที่แปดนั้นเปรียบประดุจเป็นสันปันน้ำ และมองบันไดขั้นที่แปดเป็นความท้าทายของตนเอง

กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว หากแม้นขึ้นไปได้ถึงชั้นที่แปด ย่อมเป็นการบ่งบอกวถึงชื่อเสียงและเกียรติยศ และมีชื่อแทรกเข้าไปอยู่ในชั้นดาวรุ่ง

ภาษิตกล่าวเอาไว้ว่า คนจากไปคงไว้แต่ชื่อ นกห่านฟ้าจากไปคงไว้แต่เสียง โดยเฉพาะกล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว ไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าไรที่ต้องการคงร่างเงาของตนเอาไว้กับบันไดขั้นที่แปด เพื่อให้ตนเองนั้นมีชื่อเสียงดังไปทั่วหล้า

นับตั้ง แต่ชั้นที่แปดเป็นต้นไปเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยร่างเงาของคน โดยเฉพาะในชั้นที่แปด ร่างเงาเหล่านี้มีทั้งชายและหญิง มีทั้งแก่และเด็ก หลังจากชั้นที่เก้าแล้ว แม้จะมีร่างเงาอยู่บ้าง แต่ว่า เมื่อเทียบกับชั้นที่แปดแล้ว สามารถคงร่างเงาเอาไว้ชั้นที่เก้ามีจำนวนน้อยกว่ามาก

หลังจากชั้นที่สิบแล้ว ร่างเงาที่คงอยู่มีจำนวนน้อยลงไปอีก เรียกว่าอยู่ในจำนวนต่ำสิบ

เมื่อถึงชั้นที่สิบเอ็ดยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีเพียงร่างเงาเดียวเท่านั้น เป็นร่างเงาที่สูงใหญ่มากปราศจากผู้เทียบเทียม ดูจากร่างเงาแล้ว คนผู้นี้ดูจะหนุ่มแน่นมาก อีกทั้งยังมีท่าทีที่หมางเมินต่อเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน เสมือนหนึ่งเป็นราชาไร้มงกุฎแห่งยุค

ครั้นถึงชั้นที่สิบสองก็มีร่างเงาเพียงร่างเดียวเท่านั้น เป็นร่างเงาที่สวมเสื้อสีเทา ร่างเงานี้แลดูไม่ค่อยจะชัดเจนนัก แต่ว่า ด้วยร่างเงาที่สวมเสื้อสีเท่านี่แหละ กลับเหมือนถูกนาบสลักเอาไว้บนบันได้เสียงขั้นที่สิบสองเอาไว้

ในเวลานี้ ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากยืนอยู่ด้านล่าวบันไดเสียงสิบสองขั้น มองดูร่างเงาที่มีอยู่ตั้งแต่ชั้นที่แปดเป็นต้นไป ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องรู้สึกอิจฉา

มองเห็นร่างเงาที่สามารถคงอยู่ในขั้นนที่เก้าซึ่งมีจำนวนอยู่น้อยมาก ขณะที่ระหว่างขั้นที่เก้าและขั้นที่สิบกลับมีผู้ที่คงร่างเงาของตนเอาไว้

สร้างความแปลกใจให้กับคนส่วนหนึ่ง กล่าวว่า “หยุดอยู่ระหว่างขั้นที่เก้าและขั้นที่สิบ แล้วนับว่าเป็นขั้นที่เท่าไรกัน?”

“เก้าขั้นครึ่ง…” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่เมืองฟงเหวินได้เอ่ยขึ้น

ปรากฏมีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ตาแหลม สามารถจดจำผู้บำเพ็ญตนหลายคนที่ฝากร่างเงาไว้ระหว่างขั้นที่เก้ากับขั้นที่สิบ ถึงกับร้องเสียงดังออกมาว่า “นั่นไม่ใช่จักรพรรดิมังกรผงาดฟ้า โอรสสวรรค์มังกรทอง และไห่หลินรึ?”

ร่างเงาทั้งสามคนล้วนแล้วแต่หยุดอยู่ตรงระหว่างขั้นที่เก้ากับขั้นที่สิบ พวกเขาได้ทิ้งร่างเงาที่เลือนลางปราศจากผู้เทียบเทียมเอาไว้ เหมือนหนึ่งพวกเขามาด้วยตนเองอย่างนั้น

“ถูกต้อง เป็นพวกเขาเอง พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นดาวรุ่งยุคก่อนหน้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมหาสมุทรอุดร ทั้งสิ้น” มีผู้บำเพ็ญตนของมหาสมุทรอุดรถึงกับกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

“ถูกต้อง จักรพรรดิมังกรผงาดฟ้าในวันนี้ได้ปกครองผามังกรหมอบแล้ว นางเป็นผู้ที่สามารถท้าดวลสุดยอดดาวรุ่งยุคก่อนของแดนมนุษย์กษัตราในครั้งนั้น” และมีผู้บำเพ็ญตนที่กล่าวด้วยความอิจฉาว่า “โอรสสวรรค์มังกรทองก็ปกครองเมืองปีศาจมู่จั๋ว และมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ มีอำนาจบารมีโด่งดังมาก เมื่อเทียบกับจักรพรรดิมังกรผงาดฟ้าและโอรสสวรรค์มังกรทองแล้ว ไห่หลินดูจะเข้าสู่ยุทธภพช้ากว่านิดหนึ่ง”

“แม้ว่าไห่หลินจะเข้าสู่ยุทธภพช้ากว่า แต่ เขาเป็นคนดุร้าย ก่อเรื่องก่อราวไปทั่ว ถูกคนเขาตามฆ่ามาครั้งแล้วครั้งเล่ากลับยังคงมีชีวิตอยู่มาได้” เผ่าปีศาจของมหาสมุทรอุดรพูดขึ้นมา

“คนที่สามารถคงอยู่ที่เก้าขั้นครึ่งนับว่าเป็นดาวรุ่งที่ยอดเยี่ยมมากแห่งยุคแล้ว แต่ทว่า สามารถคงร่างเงาเอาไว้ชั้นที่สิบ ยิ่งยอดเยี่ยมกว่า” สายตาของผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสูงคนหนึ่งได้ไปตกอยู่ที่ขั้นที่สิบ กล่าวว่า “หากสามารถฝากร่างเงาไว้ที่ขั้นสิบ ชีวิตนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว”

ขั้นที่สิบของบันไดเสียงสิบสองขั้นมีร่างเงาคงอยู่ที่นั่นสามคน สองในสามของร่างเงามีอายุมากสักหน่อย ขณะที่อีกคนอายุน้อยมาก

“คนนั้นคือติ้งหย่วนโหวของเผ่าปีศาจพวกเรา เป็นจักรพรรดิเทพที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมหาสมุทรอุดรยุคนี้ เล่าลือกันว่าเขาสามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้แล้ว” เผ่าปีศาจผู้หนึ่งที่มองดูร่างเงาทั้งสามที่อยู่บนบันไดขั้นที่สิบ และชี้ไปที่ร่างเงาร่างหนึ่งกล่าวด้วยความภาคภูมิใจออกมา

เมื่อเอ่ยถึงชื่อของติ้งหย่วนโหวแล้ว หลายคนถึงกับชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง แม้แต่กลุ่มคนรุ่นใหม่ก็เป็นเช่นนี้

บางทีติ้งหย่วนโหวอามีผลงานการสู้รบไม่สะเทือนฟ้าเท่ายวีไท่จวิน แต่ว่า เขากลับสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิเทพได้ด้วยการแบกรับกับความยากลำบากในยุควิบากแห่งเต๋าได้ สร้างผลงานเป็นที่ตกใจในเวลานั้น กระทั่งได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดดาวรุ่งอันดับหนึ่งของมหาสมุทรอุดร หลังจากสิ้นสุดยุคของราชามังกรดำ

ดังนั้น เมื่อเอ่ยถึงชื่อของติ้งหย่วนโหว หลายคนต่างชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง ยิ่งเผ่าปีศาจจำนวนมากในมหาสมุทรอุดรด้วยแล้ว ถึงกับภูมิใจในตัวของติ้งหย่วนโหว

“คนนั้นคือบรรพบุรุษของเมืองสมุทรสยบฟ้าพวกเรา!” มีศิษย์เมืองสมุทรสยบฟ้าที่อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่งพูดขึ้นมา แน่นอน เขาเป็นศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

ถึงกระนั้นก็ตาม ศิษย์เมืองสมุทรสยบฟ้าคนนี้ได้ชี้ไปที่หนึ่งในสามร่างเงา และพูดขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจว่า “คนนี้คือผู้อาวุโสเย่ของพวกเรา!”

“เย่จิ่วโจว…” มีผู้หลุดปากพูดขึ้นมา แต่ ได้รีบหุบปากลง เพราะรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยจะให้ความเคารพนัก

ผู้ที่ทิ้งร่างเงาเอาไว้ก็คือบรรพบุรุษปราศจากผู้ต่อกรนามเย่จิ่วโจว แห่งเมืองสมุทรสยบฟ้านั่นเอง

ชื่อเสียงของเย่จิ่วโจวดังมากในมหาสมุทรอุดร เรียกได้ว่ามีอำนาจบารมีมาก หลายคนรู้สึกหวั่นเกรงต่อเขาอยู่สามส่วนเมื่อเอ่ยถึงชื่อของเขา

“เสียดายว่อหลงจื่อจริงๆ ถ้าหากเขาสามารถมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ เกรงว่าผลงานของเขากคงสะเทือนฟ้าดินยิ่งนัก ไม่ด้อยไปกว่าติ้งหย่วนโหวและบรรพบุรุษเย่” ผู้บำเพ็ญตนที่มีสายเลือดปีศาจทะเลคนหนึ่งถึงกับกล่าวทอดถอนใจออกมา

“ชาตินี้ผามังกรหมอบนับว่ายอดเยี่ยมมาก หนึ่งสำนักสองดาวรุ่งนะเนี่ย ว่อหลงจื่อ และว่อหลงเสวียนสองศรีพี่น้องเรียกได้ว่าปราดเปรื่องน่าทึ่งยิ่งในหล้า มีผู้ที่เห็นเป็นการส่วนตัวว่าพรสวรรค์ของว่อหลงจื่อสูงกว่าว่อหลงเสวียนเสียอีก เสียดาย สวรรค์ริษยาผู้มีฝีมือ ว่อหลงจื่อต้องตายเพราะสูญวัฒนะ” ผู้บำเพ็ญตนผู้หนึ่งถึงกับสะอื้นเบาๆ ออกมา

เมื่อเอ่ยถึงว่อหลงจื่อ ผู้ที่เคยรู้จักกับเขาต่างถึงกับสะอื้นเบาๆ ออกมา ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่รู้จักกับเขามาก่อนก็ยังรู้สึกเสียดาย

ครั้งนั้น ชื่อของว่อหลงจื่อในมหาสมุทรอุดรดังมาก เคยมีชื่อชั้นเสมอด้วยเทพธิดาสยบฟ้า น่าเสียดายที่เขาไม่สามรถก้าวข้ามสูญวัฒนะไปได้ ส่งผลให้สุดยอดดาวรุ่งคนหนึ่งต้องร่วงหล่นลงมาเช่นนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล