ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1592

ตอนที่ 1592 ผู้สืบทอดพรรคเซียนเหิน

แม้ว่ายอดฝีมือทั่วหล้าจะทำการลอบสังหารหลงอ้าวเทียนอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่า ทักษะยุทธของหลงอ้าวเทียนในฐานะผู้สืบทอดของพรรคเซียนเหิน เรียกได้ว่าแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ ความที่เป็นกายเซียนขั้นสมบูรณ์ นับว่าปราศจากผู้ต่อกร เขาจึงได้สังหารศัตรูผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่า

หลังจากผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือด ปรากฏซากศพที่กองสุมอยู่บนเวทีประลองดั่งภูเขา แทบไม่มีที่ให้ยืนได้ เลือดสดๆ ไหลย้อมน้ำทะเลบริเวณนั้นจนแดงฉาน การศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน

การต่อสู้ในครั้งนี้ได้ยืนหยัดต่อเนื่องสิบวันสิบคืนเต็มๆ สุดท้าย เป็นหลงอ้าวเทียนที่สังหารยอดฝีมือไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับปราชญ์ไม่ต้องไปนับ ลำพังแค่ระดับจักรพรรดิเทพอย่างเดียวมีถึงห้าคน หนึ่งในนั้นยังมีระดับจักรพรรดิเทพชั้นเก้าแดนของปีศาจทะเลที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง!

แม้ว่าจะดำรงอยู่ในฐานะที่น่ากลัวเช่นนี้ แต่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงอ้าวเทียนแล้วยังคงสู้ไม่ได้ ถูกหลงอ้าวเทียนสังหารจนได้!

สิ่งนี้ช่างเป็นเรื่องที่สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนมากมายเหลือเกิน ในมุมมองของผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วน จักรพรรดิเทพชั้นเก้าแดนคือผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงส่ง อาศัยนิ้วเดียวก็สามารถทำลายล้างสำนักใดสำนักหนึ่งได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงสู้หลงอ้าวเทียนไม่ได้ ยังคงต้องตายอย่างอนาถภายใต้เงื้อมมือของหลงอ้าวเทียน!

หลังจากศึกสงครามในครั้งนี้ยืนหยัดต่อเนื่องไปแล้วสิบวันสิบคืน ปรากฎว่าไม่มีใครลงมือลอบสังหารต่อหลงอ้าวเทียนอีก ส่วนศัตรูที่ยังไม่ทันได้ลงมือล้วนแล้วถูกหลงอ้าวเทียนทำให้หวาดกลัวเป็นอันมาก!

สืบเนื่องจากการศึกครั้งนี้นี่เอง ทำให้หลงอ้าวเทียนที่มีวงแหวนจำนวนนับไม่ถ้วนยิ่งโด่งดังจากการศึกในครั้งนี้ ทำให้ตัวเขาดูเจิดจรัสละลานตายิ่งขึ้นกว่าเดิม และด้วยเหตุนี้เอง หลงอ้าวเทียนที่สู้รบกับผู้คนทั่วหล้าโดยลำพังตนเอง และยืนหยัดถึงสิบวันสิบคืน ทำให้หลงอ้าวเทียนถูกยกย่องว่าเป็นเจ้าแห่งผู้ชนะเลิศสิบรายการ!

ผู้คนจำนวนมากรู้สึกสั่นเทาภายในใจ เมื่อเอ่ยถึงการศึกในครั้งนั้น สำหรับยวียวี่เหลียนที่รักแรกพบต่อหลงอ้าวเทียนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางภูมิใจในตัวของหลงอ้าวเทียนมาก ยิ่งภาคภูมิใจยิ่งต่อการศึกของหลงอ้าวเทียนในครั้งนี้

นางส่งสายตาที่หวานหยาดเยิ้ม และกล่าวว่า “สุดยอดท่วงท่าของพี่หลงนั้นหนึ่งไม่มีสองในหล้า เขาไม่เพียงคือเจ้าแห่งผู้ชนะเลิศสิบรายการเท่านั้น อีกทั้งยังก้าวขึ้นสู่บันไดเสียงสิบสองขั้นได้เพียงคนเดียว ในยุคปัจจุบันยังจะมีใครสามารถสร้างผลงานได้เช่นนี้”

กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่มีใจรักใคร่ชอบพอต่อนางรู้สึกไม่สบอารมณ์ในใจนัก เมื่อมองเห็นยวียวี่เหลียนที่แสดงออกถึงความรักที่หวานหยาดเยิ้มออกมา แต่ว่า พวกเขาต้องจนด้วยเกล้า เมื่อเปรียบเทียบกับบุรุษผู้สูงส่งอย่างหลงอ้าวเทียนแล้ว พวกเขารู้สึกสลดและอับแสงเหลือเกิน

“แม้ว่าหลงอ้าวเทียนจะได้ขึ้นไปถึงขั้นที่สิบเอ็ด แต่ว่า หาใช่ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด บนขั้นที่สิบสองยังมีคนอีกผู้หนึ่งนะ” กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยจะพอใจ ส่งเสียงฮึน่าเกรงขามภายในใจ แม้จะโกรธแต่ไม่กล้าแสดงออก ได้แต่ทำบ่นไปอย่างนั้น

เมื่อมีคนพูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างทยอยกันมองขึ้นไปยังบันไดขั้นที่สิบสอง บนบันได้ขั้นที่สิบสองเห็นมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ คนผู้นี้สวมชุดสีเทาทั้งตัว ร่างเงาของเขาดูเลือนลางมาก ทำให้ยากแก่การมองให้หน้าตาที่แท้จริงของเขาได้อย่างชัดเจน

ด้วยร่างเงาลักษณะเช่นนี้แหละ เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้มีท่าทีหมางเมินทั่วหล้าเช่นหลงอ้าวเทียน และไม่มีท่าทีความสง่างามของคนรูปงาม แต่ว่าร่างเงาลักษณะเช่นนี้ของเขาเสมือนหนึ่งถูกประทับสลักเอาไว้บนบันไดขั้นที่สิบสอง เหมือนว่าต่อให้กาลเวลาก็ไม่สามารถลบเลือนมันทิ้งไป

“นั่นคือบรรพบุรุษกู้จุน กระทั่งยวียวี่เหลียนที่หลงใหลในตัวของหลงอ้าวเทียนยิ่งยังต้องทอดถอนใจเบาๆ ออกมา เมื่อเอ่ยถึงคนชุดเทาผู้นี้

“บรรพบุรุษกู้จุน?” ลือกันว่าเป็นบรรพบุรุษของเมืองสมุทรสยบฟ้าใช่หรือไม่? มีคนบอกว่าเขาคืออาจารย์ของเย่จิ่วโจว” แม้ว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ในมหาสมุทรอุดรเคยได้ยินชื่อของกู้จุนมาก่อน แต่ว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่มีความเข้าใจในตัวของกู้จุนไม่มาก เนื่องจากกู้จุนทำตัวค่อมต่ำยิ่งนักในเกือบหนึ่งยุคที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่าเย่จิ่งโจวที่เป็นศิษย์ของเขากลับมีชื่อเสียงโด่งดังมากกว่าเขาเสียอีก

มีเพียงรุ่นอาวุโสที่มีความเข้าใจในตัวของกู้จุนมากกว่า และรู้ถึงความน่ากลัวของกู้จุน

“ถูกต้อง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองสมุทรสยบฟ้า หนึ่งในสิบยอดอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดที่ยังคงมีชีวิตอยู่ และคือผู้เดียวที่สามารถต่อกรกับท่านย่าของพวกเรา” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ยวียวี่เหลียนถึงกับกล่าวด้วยท่าทีที่หยิ่งยโส

แม้ว่ายวียวี่เหลียนจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่ว่า บ้านตระกูลยวีมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเมืองสมุทรสยบฟ้า ปฐมบรรพบุรุษของพวกเขา ยวีไท่จวินคือขุนพลอันดับหนึ่งของกองทัพมังกรดำ แม้ว่าตระกูลยวีของพวกเขาไม่ได้อยู่ในความปกครองของเมืองสมุทรสยบฟ้าอีกแล้ว แต่ ผู้คนจำนวนมากของเมืองสมุทรสยบฟ้ายังคงคิดว่าบ้านตระกูลยวีคือสายของกองทัพมังกรดำ

ด้วยเหตุนี้เอง ยวียวี่เหลียนจึงได้ยินผู้อาวุโสพูดถึงเมืองสมุทรสยบฟ้ามาตั้งแต่เด็ก ทำให้ยวียวี่เหลียนรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับกู้จุน มากกว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่คนอื่นๆ

“หนึ่งในสิบยอดอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน!” หลายคนรู้สึกหวั่นไหว ยิ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ถึงกับตกใจยิ่งนัก เมื่อได้ยินฉายาเช่นนี้

ชื่อของสิบยอดอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันย่อมสามารถทำให้ผู้คนต้องรู้สึกตกใจได้ แม้แต่บุคคลเฉกเช่นหลงอ้าวเทียนยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นหนึ่งในสิบยอดอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การที่กู้จุนสามารถคงร่างเงาของตนเองไว้ที่บันไดขั้นที่สิบสอง ย่อมเพียงพอที่จะบ่งบอกว่าเขามีความยอดเยี่ยมมาก

เวลานี้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากจินตนาการไปไกล สิบยอดอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ช่างเป็นพรสวรรค์ที่น่ากลัวเหลือเกิน!

ในเวลานี้ บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่อยู่ในอาการนิ่งเงียบ หนึ่งในสิบยอดอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นคนที่มีลักษณะเช่นใดกันนะ เขามีอะไรตรงไหนที่ยอดเยี่ยมเหนือกว่ากันแน่

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าสงสัย และไม่มีใครกล้าถาม ในมหาสมุทรอุดร เมืองสมุทรสยบฟ้าดำรงอยู่ในฐานะผู้มีอำนาจอยู่แล้ว ไม่ค่อยมีใครไปตั้งข้อสงสัยอยู่แล้ว

ขณะที่ยวียวี่เหลียนได้พูดชัดเจนว่า กู้จุนสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับยวีไท่จวินได้ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะยืนยันในความสามารถของกู้จุนได้แล้ว

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น บางทีอาจมีบางคนตั้งข้อสงสัย หรือสงสัยว่านางอาจไม่สมดังคำเล่าลือ แต่ทว่า ไม่มีใครสงสัยในผลงานของยวีไท่จวิน ในฐานะที่เป็นขุนพลอันดังหนึ่งแห่งกองทัพมังกรดำ มันเพียงพอที่จะยืนยันกำลังความสามารถของนางได้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น สมญา “สามารถต่อกรกับราชขันเซียนซึ่งหน้าได้” ของนางนั้นหาใช่เป็นการคุยโต้โอ้อวดของนาง แต่พูดออกมาจากปากของราชันเซียนหยินเทียนโดยตรง ย่อมไม่มีปัญหาในแง่ของความน่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง

การที่กู้จุนสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับยวีไท่จวิน ย่อมเพียงพอที่จะยืนยันในความสามารถของขาได้แล้ว

แน่นอน มีบางคนที่สงสัยว่า ด้วยกู้จุนที่อยู่ในระดับสุดยอดเพียงนี้ กลับไม่มีชื่อเสียงอะไรในยุคปัจจุบัน ทำให้หลายคนสงสัยอยู่ในใจ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าถามเท่านั้นเอง

สำหรับศิษย์เมืองสมุทรสยบฟ้าที่อยู่ในเหตุการณ์ ภายในใจของพวกเขาเปี่ยมด้วยความภูมิใจ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว บนบันไดเสียงสิบสองขั้นก็มีร่างเงาบรรพบุรุษของเมืองสมุทรสยบฟ้า ของพวกเขาอยู่ด้วย อีกทั้งกู้จุนยังขึ้นไปถึงขั้นที่สิบสองอีกด้วย ซึ่งควรค่าแก่การภาคภูมิใจสำหรับศิษย์ของเมืองสมุทรสยบฟ้าทุกๆ คน

“หลินเฮ่ามาแล้ว” ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ระหว่างนิ่งเงียบนั้น ไม่รู้ว่าใครได้พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา ผู้คนจำนวนมากต่างทยอยกันมองออกไป

เวลานี้ เห็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งก้าวเดินมาเพียงลำพัง ผู้ชายคนนี้ดูรูปงามและเปิดเผย ใส่ชุดคลุมยาว มีกิริยาท่าทางเหมือนคุณชายสูงศักดิ์ในกลียุค ดูจากน้ำใจของเขาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่มีจิตใจทระนงห้าวหาญและมากความสามารถคนหนึ่ง

บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ ครั้นเห็นชายหนุ่มที่มีนามว่าหลินเฮ่าแล้ว ต่างทยอยกันเข้าไปทักทายและถามไถ่ทุกข์สุข ท่าทีประจบประแจงด้วยวิธีการที่ต่ำช้าถูกเผยให้เห็นอย่างหมดเปลือก

จะไปโทษบรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ที่ไปประจบสอพรอหลินเฮ่าก็ไม่ถูก เพราะว่าหลินเฮ่านั้นมีชาติกำเนิดมาจากพรรคเซียนเหิน เป็นศิษย์ชองระดับผู้อาวุโสคนหนึ่งในพรรคเซียนเหินมีฐานะเป็นผู้นำสาร

แม้ว่าหลินเฮ่าเมื่อเทียบกับหลงอ้าวเทียนแล้วจะห่างชั้นกันมาก กระทั่งเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่ทว่า การที่เขามีชาติกำเนิดมาจากพรรคเซียนเหิน ทั้งยังเป็นศิษย์ของระดับผู้อาวุโสคนหนึ่ง อาศัยฐานะและทักษะยุทธไม่รู้สูงกว่าผู้สืบทอดของสำนักและแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไร

ในฐานะที่เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินคนหนึ่ง หลินเฮ่าตีค่าตนเองสูงมาก และค่อนข้างวางตัวในฐานะของตน ดังนั้น ยามที่บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เข้ามากล่าวทักทาย เขาเพียงพยักหน้าอย่างวางตัว

เมื่อหลินเฮ่าเห็นยวียวี่เหลียนแล้ว จึงได้ปล่อยวางท่าทีวางตัวของตนลง กล่าวอย่างเป็นมิตรว่า “ได้ยินว่าวันนี้องค์หญิงจะก้าวขึ้นสู่บันไดเสียงสิบสองขั้น ข้าน้อยจึงเดินทางมาให้กำลังใจโดยเฉพาะ”

เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นหลินเฮ่าสามารถวางตัว แต่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้ายวียวี่เหลียนแล้วเขาก็ต้องวางท่าทีของตนลง จริงอยู่พรรคเซียนเหินนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ว่า กล่าวสำหรับพรรคเซียนเหินแล้ว ต่อให้ไม่ให้เกียรติแก่บ้านตระกูลยวีสามส่วน ก็ต้องให้เกียรติยวีไท่จวินสามส่วน

ยวียวี่เหลียนเองเมื่อเห็นหลินเฮ่าแล้วก็มีท่าทีที่เป็นมิตรยิ่งนัก กล่าวว่า “การที่พี่หลินมาได้ นับเป็นเกียรติของพวกเรา ไม่ทราบว่าพี่หลงวันนี้อยู่ ณ ที่ใด?”

“ไม่ขอปิดบังองค์หญิง ศิษย์พี่ใหญ่นำพากองทัพออกปราบโจรที่ยังหลงเหลืออยู่ ไล่ล่าลงไปไปใต้ทะเลลึก เกรงว่าคงมาไม่ได้แล้ว” หลินเฮ่ารีบเร่งกล่าวตอบ

“โอรสราชันมังกรนับว่าปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้ ทำเอากองทัพปีศาจทะเลจนแตกพ่ายยับเยิน หนีกลับไปยังรังของตนดั่งสุนัขไม่มีเจ้าของ แม้แต่ระดับจักรพรรดิเทพของปีศาจทะเลก็ต้องขวัญหนีดีฝ่อเมื่อได้ยินชื่อของโอรสราชันมังกร” มีผู้ที่พูดประจบประแจงขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว

กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อย หากสามารถประจบพรรคเซียนเหิน ได้สำเร็จล่ะก็ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้วหากสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับพรรคเซียนเหินได้ กระทั่งสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงโดยไม่ต้องเปลืองแรง และได้รับการให้ความสำคัญจากสำนักของตน

“นั่นสิ ใช่เลย โอรสราชันมังกรก็คือราชันเซียนในยุคปัจจุบัน” คนอื่นๆ ถึงกับกล่าวคล้อยตามขึ้นมา

เมื่อหลินเฮ่าได้ยินคำยกยอปอปั้นเช่นนี้แล้วก็รับด้วยความยินดียิ่ง ถึงกับเผยท่าทีที่ลำพองใจออกมาให้เห็น เขารู้สึกภูมิใจในศิษย์พี่ใหญ่ของตน ในสายตาของเขามองว่า ศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นราชันเซียน

สำหรับยวียวี่เหลียนเองก็เปี่ยมด้วยความสุข ท่วงท่าที่สวยหยาดเยิ้มน่าประทับใจ นางภูมิใจในตัวของชายในดวงใจ เมื่อได้ยินผู้อื่นชื่นชมหลงอ้าวเทียนนางเองก็พลอยรู้สึกมีหน้ามีตาไปกับเขาด้วย และรู้สึกภูมิใจอยู่ในใจ

“พี่หลงคือบุตรแห่งสวรรค์ การที่จะกวาดล้างพวกทหารที่แตกพ่ายเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง” ยวียวี่เหลียนที่ใบหน้าเปี่ยมด้วยความสุขล้น อมยิ้มและกล่าวว่า “จะอย่างไรก็ตาม ขอเพียงมีสิ่งใดที่พี่หลงต้องการให้ตระกูลยวีเราช่วยเหลือโปรดสั่งการมาได้เลย ขอเพียงพี่หลงมีคำสั่ง ข้าและตระกูลยวีของข้ายินดีรับใช้อย่างเต็มที่ บุกน้ำลุยไฟก็ไม่เกี่ยง”

“น้ำใจขององค์หญิงข้าจะต้องบอกกล่าวต่อศิษย์พี่ใหญ่อย่างแน่นอน” หลินเฮ่าเร่งรีบกล่าวตอบ

บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่รักใคร่ชอบพอในตัวของยวียวี่เหลียนแม้จะไม่สบอารมณ์ แต่ว่า หลงอ้าวเทียนนั้นยอดเยี่ยมเป็นหนึ่งไม่มีสอง พวกเขาก็จนด้วยเกล้า

“เรื่องที่เกี่ยวพันถึงการดำรงอยู่ เกียรติยศและเสื่อมเสียของตระกูลยวี จะมาให้คำมั่นสัญญาง่ายๆ ได้อย่างไร” จังหวะที่ยวียวี่เหลียนแสดงออกถึงความภักดีต่อชายในดวงใจนั้น เสียงหนึ่งที่เรียบเฉยดังขึ้น

เวลานี้ ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ชายหนุ่มผู้นี้ธรรมดาไม่มีความโดดเด่นแต่อย่างใด เป็นเพียงปุถุชนธรรมดา ไม่ว่าจะก้าวเดินไปที่ใดก็ไม่มีใครสนใจ ข้างกายของชายหนุ่มผู้นี้ยังมีเด็กรับใช้ติดตามมาด้วยคนหนึ่ง

คำพูดนี้ได้ออกมาจากปากของชายหนุ่มที่ดูธรรมดาไม่สะดุดตาคนนี้นี่เอง แน่นอน ชายหนุ่มและเด็กรับใช้ที่เห็นไม่ใช่ใคร คือหลี่ชิเย่และข่งเชียะหมิงหวางนั่นเอง

แน่นอน กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว เขาขี้คร้านจะไปสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ แต่ การที่ยวียวี่เหลียนคิดจะเป็นตัวแทนตระกูลยวีภักดีต่อพรรคเซียนเหินมันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล