ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1599

ตอนที่ 1599 เรือรบเพลิงสวรรค์

บรรยากาศเป็นไปด้วยความกดดัน ในฐานะที่เป็นระดับผู้อาวุโสของพรรคเซียนเหิน กลับถูกผู้เยาว์คนหนึ่งข่มขู่เช่นนี้ กล่าวสำหรับเขาแล้วมันคือความอัปยศอย่างใหญ่หลวง

ขณะเดียวกัน บรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ก็หวั่นไหวกับลักษณะที่เป็นอันธพาลยิ่งของไห่หลิน แม้ว่าไห่หลินจะเคยพ่ายแพ้ให้กับหลงอ้าวเทียน แต่ว่า หาญกล้าร้องเอะอะเอ็ดตะโรกับพรรคเซียนเหินอย่างเปิดเผย และท้าทายพรรคเซียนเหินเช่นนี้ นับว่ามีอยู่ไม่มากในยุคปัจจุบัน

ไห่หลินเองก็ไม่ต้องการรั้งอยู่นาน หันหลังจากไปทันที ก่อนจากอดที่จะหยุดและหันไปคารวะต่อหลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่เหนือบันไดเสียงขั้นที่สิบสอง พยักหน้าและกล่าวว่า “ชื่อเสียงของพี่หลี่ดังก้องในรูหู ผู้น้องเลื่อมใสมาโดยตลอด เสียดาย วันนี้มีภาระติดตัวไม่สามารถร่วมดื่มกับพี่หลี่ให้สะใจ วันหน้ามีโอกาสต้องร่วมดื่มกับพี่หลี่แน่นอน!”

สำหรับคำพูดของไห่หลินนั้น หลี่ชิเย่เพียงอมยิ้มและพยักหน้า โดยไม่ได้กล่าวอะไรมากความ

ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอิจฉายิ่งนัก เมื่อมองเห็นท่าทีของไห่หลินกับหลี่ชิเย่ที่ต่างเข้าใจกันและเห็นอกเห็นใจกัน เนื่องจากมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน คนหนึ่งคือคนดุร้าย อีกคนคือคนโหดอันดับหนึ่ง คนดุร้ายเจอคนโหด มิน่าเล่าถึงได้เข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันและกัน

ทุกคนต่างรู้สึกโล่งอก หลังจากที่ไห่หลินได้จากไปแล้ว ยวีจู่ได้กล่าวกับผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินว่า “ผู้อาวุโส ขออภัยที่ไม่ได้ให้การต้อนรับ ขอเชิญไปเป็นแขกที่บ้านข้า”

“ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน” ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินรีบกล่าวตอบ การมาเมืองฟงเหวินครั้งนี้ของเขาก็เพื่ออวยพรการออกจากการกักตนของยวีไท่จวิน

“รอให้เรื่องของข้าจบสิ้นแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย” จังหวะที่ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินกำลังจะจากไปพร้อมกับบรรพบุรุษของบ้านตระกูลยวีนั้น หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่เหนือบันไดเสียงสิบสองขั้นได้เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย

สีหน้าของผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินเปลี่ยนไป และสีหน้าของยวีจู่ดูไม่ดีเอาเสียเลยเมื่อเสียงที่เหนื่อยหน่ายของหลี่ชิเย่ดังขึ้น

สีหน้าของผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินดูไม่จืดถึงขีดสุด ในใจครุร่นด้วยเพลิงแห่งความแค้น ฐานะของเขาคือผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินเลยนะ ด้วยฐานะเช่นนี้ของเขาเคยต้องได้รับความอัปยศที่อึดอัดใจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ด้วยฐานะของเขาไม่ว่าจะปรากฏที่ตรงไหน ต่อหน้าสำนักเจ้าลัทธิทั่วหล้า มีเวลาไหนที่ไม่ได้รับการปฏิบัติด้วยมาตรฐานสูงสุด

อย่างไรก็ตาม มาวันนี้กลับต้องถูกทำให้ต้องอับอายขายหน้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า เริ่มจากไห่หลิน เวลานี้ก็เป็นหลี่ชิเย่

แต่ทว่า ไม่ว่าภายในใจของผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินจะอัดอั้นตันใจแค่ไหนก็เป็นเรื่องที่จนด้วยเกล้า และต้องกล้ำกลืนความโกรธลงท้องไป

คนโหดอันดับหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าโหดเหี้ยมยิ่งกว่าไห่หลินเสียอีก ดุร้ายยิ่งกว่าไห่หลินเสียอีก เกรงว่าไม่ว่าใครก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว ต้องยอมเสียเปรียบแต่โดยดีเท่านั้น

เมื่อยวีจู่ได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้แล้วถึงกับขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “คุณชายหลี่ ศัตรูควรสลายไม่ควรผูก ศิษย์ของพรรคเซียนเหินได้ล่วงเกินท่าน คุณชายหลี่เป็นผู้มีใจกว้างขวาง ไฉนไม่……….”

ยวีจู่เองรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวเช่นกันที่หลี่ชิเย่สามารถขึ้นไปถึงยอดสูงสุดได้ ชื่อของคนโหดอันดับหนึ่งเขาเคยได้ยินมานานแล้ว แต่ทว่า ในวันนี้ไม่วาจะอย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการให้ศิษย์อาจารย์ของพรรคเซียนเหินต้องเกิดเรื่องขึ้นในถิ่นของบ้านตระกูลยวี

“เรื่องนี้ไม่ต้องให้ตระกูลยวีของเจ้ามายุ่ง” ในขณะที่ยวีจู่พูดยังไม่ทันจบ หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ กล่าวตัดบทคำพูดของยวีจู่ กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นก็แล้วกัน บุญคุณความแค้นของข้า หาใช่เจ้ามีสิทธิ์ที่จะมาสลายได้”

สีหน้าของยวีจู่พลันดูไม่จืดจนถึงขีดสุดกับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ชั่วดีอย่างไรเขาก็เป็นระดับจักรพรรดิเทพคนหนึ่ง ไม่เพียงแค่จักรพรรดิเทพเท่านั้น เขายังนับเป็นผู้มากบารมีคนหนึ่งในแดนมนุษย์กษัตรา ยิ่งไปกว่านั้น อาศัยฐานะของบ้านตระกูลยวีเพียงพอที่จะทำให้เขามีสิทธิ์ไกล่เกลี่ยเรื่องราวบุญคุณความแค้นทั่วหล้าอยู่แล้ว ในเวลานี้ หลี่ชิเย่เปรียบเขาจนไม่เหลือคุณค่าอีกเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขาไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป

ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินถึงกับข่มสีหน้าเอาไว้ พูดน้ำเสียงน่าเกรงขามว่า “หลี่ชิเย่ พรรคเซียนเหินพวกเราใช่ว่าจะให้ใครมาบีบก็ได้ พรรคเซียนเหินพวกเราใช่จะกลัวมีเรื่อง…”

“ข้ารู้แล้ว” หลี่ชิเย่พูดตัดบทผู้อาวุโสพรรคเซียนเหิน ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาสาธยายว่าพรรคเซียนเหินของพวกเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด ข้ารู้ว่าพรรคเซียนเหินของพวกเจ้าแข็งแกร่งเช่นใด แต่ว่า ต่อให้พรรคเซียนเหินแข็งแกร่งมากกว่านี้ ข้าก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา…”

ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “แต่ว่า คนอย่างข้าเป็นคนที่ว่ากันด้วยเหตุผล เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เพียงแต่ศิษย์ของเจ้าสาดโคลนใส่ข้าเท่านั้นเอง ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบาก ขอเพียงมอบศิษย์ของเจ้าออกมา ข้าอนุญาตให้เจ้าไปได้!”

ใบหน้าของหลินเฮ่าซีดเผือดเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ถ้าหากอาจารย์ของเขาส่งมอบตัวเขาให้กับคนโหดอันดับหนึ่งจริงล่ะก็ เกรงว่าเขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

“มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!” ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินกล่าวปฏิเสธข้อเสนอของหลี่ชิเย่ทันควัน กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ข้าไม่สามารถทนดูศิษย์ภายในสำนักถูกทำร้ายได้!”

ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินเป็นคนที่ป้องผู้เยาว์ เขาจะไม่ส่งมอบศิษย์ของตนให้กับคนโหดอันดับหนึ่งอย่างเด็ดขาด ภายในใจของเขาเข้าใจเป็นอย่างดี ถ้าหากเขาส่งมองศิษย์ของตนให้กับคนโหดอันดับหนึ่ง เกรงว่าคงมีเพียงตายสถานเดียว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จัดการเจ้าไปพร้อมกันทีเดียว” หลี่ชิเย่ยิ้มตามอารมณ์และเอ่ยขึ้นช้าๆ

“เมื่อเจ้าต้องการลงมือ ข้าน้อมรับก็แล้วกัน!” ท่าทีของผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินก็แข็งมาก รู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้แต่ก็ต้องปกป้องศิษย์ของตนเอาไว้ เขาไม่ยอมให้ศิษย์ของตนต้องถูกหลี่ชิเย่สังหารไปต่อหน้าต่อตาเด็ดขาด

เรือรบลักษณะเช่นนี้มีทั้งสิ้นแปดลำ ขอบเรือรบซ้ายขวามีกระบอกทองแดงวางเรียงราย ขนาดของปากกระบอกล้วนแล้วแต่มีขนาดเท่าโอ่งใส่น้ำ คล้ายเป็นปืนใหญ่อย่างนั้น

“เรือรบเพลิงสวรรค์…” ผู้ที่เคยเห็นอานุภาพของเรือรบนี้มาก่อนถึงกับร้องเสียงแหลมออกมา เมื่อได้เห็นเรือรบแต่ละลำเหล่านี้

“ยิง…” ผู้อาวุโสพรรคเซียนเหินรู้สึกดีใจยิ่งนัก เมื่อเห็นเรือรบทั้งแปดลำปรากฏอยู่เหนือท้องฟ้า จึงสั่งการออกไปทันที

การปรากฏตัวของเรือรบพรรคเซียนเหินที่เมืองฟงเหวินเพื่อร่วมอวยพรให้กับยวีไท่จวินที่ออกจากการกักตน ทั้งยังจงใจแสดงแสนยานุภาพของพรรคเซียนเหินพวกเขา เวลานี้กลับถูกนำมาใช้กับหลี่ชิเย่

“แว้งค์…” นาทีนี้ ศิลาแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกฝังเลี่ยมเอาไว้บนตัวเรือพลันส่งประกายออกมา พลังแก่นฟ้าดินที่น่าเกรงขามพลันจุดติดเพลิงแก่นสุริยันที่อยู่ภายในกระบอกทองแดง

“ตูม ตูม ตูม…” ทันใดนั้น เปลวเพลิงที่ร้อนแรงได้อาละวาดไปทั่วฟ้าดิน กระบอกทองแดงหลายร้อยกระบอกจากเรือรบทั้งแปดลำได้ระดมพ่นเพลิงแก่นสุริยันออกมาดั่งมังกรยักษ์ที่กำลังโกรธ เสมือนดั่งเป็นปืนใหญ่ขนาดยักษ์ที่ยิงเข้าใส่หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่เหนือบันไดเสียงสิบสองขั้น

เรือรบเพลิงสวรรค์คือหนึ่งในบรรดาเครื่องมือการรบจำนวนมากของพรรคเซียนเหิน ตามตำนานเล่าว่า เรือรลลักษณะเช่นนี้ปรากฏครั้งแรกสมัยราชันเซียนทุนเย่อเป็นผู้สร้างขึ้น ต่อมาภายหลังพรรคเซียนเหินอาศัยแบบแปลนของราชันเซียนทุนเย่อจัดสร้างเป็นเรือรบขึ้นมาชุดแล้วชุดเล่า

เรียกได้ว่า เรือรบเพลิงสวรรค์คืออาวุธอันแหลมคมของพรรคเซียนเหิน ขณะเข้ายึดครองพื้นน้ำของมหาสมุทรอุดรนั้น เรือรบเพลิงสวรรค์ได้สร้างผลงานที่โด่งดังมากพลานุภาพของมันไม่อาจดูแคลนได้

“ตูม…ตูม…ตูม…” ขณะที่เพลิงแก่นสุริยันถูกยิงออกมามีอานุภาพที่สูงมาก ทำให้เมืองฟงเหวินสั่นไหวไปทั้งเมือง นี่แหละคือพลานุภาพของเรือรบเพลิงสวรรค์ ขับเคลื่อนโดยศิลาแกร่ง มีเพลิงแก่นสุริยันเป็นอาวุธ สามารถทำลายศัตรูทั้งหมดได้ในพริบตา

บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากถึงกับมีสีหน้าขาวซีด เมื่อมองเห็นปากกระบอกแต่ละกระบอกที่ยิงออกไปโดยพลัน เสมือนหนึ่งเป็นมังกรไฟที่โกรธแค้นบ้าคลั่งแต่ละตัวที่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วอย่างนั้น ทุกคนรู้แล้วว่าเพราะเหตุใดพรรคเซียนเหินจึงสามารถขับไล่เผ่าปีศาจจำนวนมากไปได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

การระดมยิงจากเรือรบเพลิงสวรรค์เช่นนี้ เกรงว่าคงมีสำนักเจ้าลัทธิสักกี่สำนักสามารถรับเอาไว้ได้

ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม ทำให้เมืองฟงเหวินทั้งเมืองโอนแอนไปมา เหมือนว่าเรือรบเพลิงสวรรค์สามารถยิงถล่มเมืองฟงเหวินจนกลายเป็นเถ้าธุลีได้โดพลันอย่างนั้น

“ตูม…” เสียงดังสนั่นดังก้อง ขณะที่กำลังทั้งหมดถูกระดมยิงเข้าใส่บันไดเสียงสิบสองขั้นนั้น ปรากฏควันที่ตลบอบอวล ผู้คนไม่สามารถมองเห็นสภาพของด้านในได้อย่างชัดเจน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล