ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1601

สรุปบท ตอนที่ 1601: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอน ตอนที่ 1601 จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1601 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 1601 บรรพบุรุษยวี

หลังจากที่ยวีจู่ได้สติกลับมาแล้ว สั่งการบรรดาศิษย์ที่อยู่ในจวนว่า “ห้ามทุกคนออกจากจวนเป็นการชั่วคราว ข้าจะไปพบท่านปู่เดี๋ยวนี้”

บรรดาศิษย์ทั้งหมดถึงกับหวั่นไหวในใจ รู้ว่าสิ่งนี้บ่งบอกถึงอะไร

ยวีจู่เดินลึกเข้าไปด้านในบ้านตระกูลยวี มาถึงด้านหน้าห้องที่แคบและทรุดโทรมหลังหนึ่ง เขาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไม่กล้าที่จะไม่ให้ความเคารพแม้แต่น้อย เขายืนอยู่หน้าประตู แสดงคารวะแล้วกล่าวว่า “หลานคาระท่านปู่”

“เข้ามา” เวลานี้ ภายในห้องที่แคบและทรุดโทรมปรากฏเสียงที่ดังกังวานเสียงหนึ่ง

ยวีจู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เดินเข้าไปภายในห้องที่แคบและทรุดโทรม ห้องที่แคบและทรุดโทรมมีความเรียบง่ายมาก นอกจากหนึ่งเสื่อหนึ่งโต๊ะแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก บนเสื่อผืนนั้นมีผู้เฒ่าที่นั่งขัดสมาธิอยู่คนหนึ่ง

ผู้เฒ่าผู้นี้มีรูปร่างที่สูงใหญ่ สวมชุดป่านที่เรียบง่าย บนตัวไม่มีสิ่งอื่นใดประดับประดา มีผมสีเงินทั้งหัวสามารถมองเห็นเป็นประกายสีเงิน เขานั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้น เสมือนเป็นหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง

ผู้เฒ่าผู้นี้คือบรรพบุรุษยวีของบ้านตระกูลยวี ส่วนชื่อของเขานั้น ชนรุ่นหลังไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้อีก ทุกคนรู้แต่เพียงว่าเขาคือบุตรของยวีไท่จวิน บุตรเพียงคนเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม บรรพบุรุษยวีก็คือระดับจักรพรรดิเทพคนที่สองที่ยังคงเหลืออยู่ของบ้านตระกูลยวี เป็นจักรพรรดิเทพชั้นเก้าแดนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง

ความจริงแล้ว ในอดีตบ้านตระกูลยวีมีระดับจักรพรรดิเทพถึงห้าคน นอกจากยวีไท่จวินที่สามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้แล้ว ยังมีปฐมบรรพบุรุษของบ้านตระกูลยวี หรือก็คือสามีของยวีไท่จวิน เขาเป็นระดับจักรพรรดิเทพที่น่ากลัวยิ่งคนหนึ่ง

ระดับจักรพรรดิเทพอีกคนก็คือบิดาของยวีจู่ หรือก็คือบุตรชายของบรรพบุรุษยวี เขาก็เป็นระดับจักรพรรดิเทพที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งเช่นกัน

น่าเสียดาย ระดับจักรพรรดิเทพทั้งสองคนนี้ไม่ได้อยู่บนโลกอีกแล้ว เลือดวัฒนะแห้งเหือด เสียชีวิตท่ามกลางวิถีทางอันยาวไกล

ลองคิดดู ตระกูลขุนนางที่ไม่ใช่สายสำนักราชันเซียน กลับมีระดับจักรพรรดิเทพถึงห้าคน อีกทั้งยังมีผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้ ตระกูลขุนนางเช่นนี้ แม้ว่าขนาดของมันจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ความแข็งแกร่ง ความมีชื่อเสียง กำลังความสามารถก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง เนื่องเพราะการมีระดับจักรพรรดิเทพเช่นนี้นี่เอง เป็นการวางรากฐานให้บ้านตระกูลยวีมีฐานะที่สูงส่งในมหาสมุทรอุดร

หลังจากที่ยวีจู่พบกับผู้เป็นปู่แล้ว แสดงคารวะแล้วกล่าวว่า “ท่านปู เกรงว่าตระกูลยวีพวกเราจะพบเจอกับศัตรูที่กล้าแข็งเสียแล้ว มีผู้ขึ้นไปบนบันไดเสียงสิบสองขั้นของพวกเรา ควบคุมพลังบันไดสิบสองขั้นของพวกเรา”

“ข้ารู้แล้ว” บรรพบุรุษยวีพยักหน้าและกล่าวช้าๆ ว่า “คนผู้นี้มีประวัติความเป็นมาเช่นใด? ”

“คนผู้นี้เป็นผู้เยาว์คนหนึ่ง ชื่อหลี่ชิเย่ ชาติกำเนิดมาจากสำนักโบราณสี่เหยียน มีผู้ยิ่งใหญ่มากมายคอยให้การสนับสนุนอยู่เบ้องหลังของเขา”

หลี่ชิเย่ สำนักโบราณสี่เหยียน “ บรรพบุรุษยวีพึมพำชื่อทั้งสองนี้ เหมือนว่าได้ตกอยู่ในห้วงความคิดไป

“คนผู้นี้มีเจตนาไม่ดี เริ่มจากทำให้ลูกหลานพวกเราบาดเจ็บสาหัส และทรมานเขา ขณะเดียวกันก็หักแขนหลานด้วยความโหดร้ายยิ่งนัก เวลานี้ เขาได้ขึ้นไปบนบันไดเสียงสิบสองขั้น ทำลายเรือรบเพลิงสวรรค์ของพรรคเซียนเหิน ท่าทีน่าเกรงขาม เกรงว่าคงเจาะจงพุ่งเป้ามาที่บ้านตระกูลยวีพวกเรา” ยวีจู่กล่าวด้วยท่าทีเป็นกังวลมาก

เรื่องนี้จะโทษยวีจู่ที่กังวลใจยิ่งก็ไม่ถูก การที่หลี่ชิเย่มาด้วยท่าทีที่น่าเกรงขาม ท่าทางไม่ได้มาดี เป็นการแสดงเจตนาพุ่งเป้ามาที่บ้านตระกูลยวีของพวกเขา อีกทั้งชื่อคนโหดอันดับหนึ่งเขาเคยได้ยินมาแล้วก่อนหน้า แล้วจะไม่ให้เขาต้องกังวลได้อย่างไร

“ไหนลองเล่าเรื่องนี้ให้ฟังหน่อย” บรรพบุรุษยวีกล่าวขึ้นมาช้าๆ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้

ยวีจู่รีบเร่งรายงานเรื่องเกี่ยวกับยวีจั่นให้ฟัง สืบเนื่องจากหลังจากที่ยวีจั่นและอาของเขาถูกหลี่ชิเย่สั่งสอนแล้ว พวกเขาได้รายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าบ้านยวี และเจ้าบ้านยวีก็ได้รายงานเรื่องนี้ต่อยวีจู่

หลังจากที่บรรพบุรุษยวีได้ฟังรายงานเรื่องนี้จบแล้ว เพียงโบกมือเบาๆ กล่าวเรียบเฉยว่า “เรื่องของผู้เยาว์ให้ผู้เยาว์ไปแก้ไข การพ่ายแพ้ให้กับผู้อื่นต้องโทษตัวเขาเองที่ฝีมือไม่ดี พยายามฝึกฝนให้หนักต่อไปเถอะ สิ่งเดียวที่เป็นกังวลก็คือเรื่องของบันไดเสียงสิบสองขั้น” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว เขาขมวดคิ้วทีหนึ่ง

“เรื่องนี้…” ยวีจู่เองก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เขารู้สึกเหนือความคาดคิดอยู่บ้างที่ท่านปู่ของเขาไม่ออกหน้าแทนผู้เยาว์ แต่ว่า เขาไม่กล้ากล่าวมากความ เนื่องจากความรู้ประสบการณ์ของปู่มีมากกว่าเขา และมีวิสัยทัศน์มากกว่าเขา การที่ปู่ของเขาพูดเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลของเขา

“หากว่าคนโหดอันดับหนึ่งสามารถควบคุมบันไดเสียงสิบสองขั้นได้จริง นับว่าเป็นภัยต่อบ้านตระกูลยวีของเรายิ่งนัก หากเป็นจริงดังว่า จำเป็นต้องกำจัดเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง” ยวีจู่กล่าวด้วยความกังวล

บรรพบุรุษยวีไตร่ตรองนิดหนึ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินมีเรื่องแปลกมากมาย ผู้ประหลาดและผู้มีวรยุทธสูงส่งมีอยู่มากมาย แต่ หากจะพูดถึงในเวลานี้ ในแดนมนุษย์กษัตรา ผู้ที่สามารถบรรลุบันไดเสียงสิบสองขั้นได้ เกรงว่าคงมีเพียงสองคนเท่านั้น”

“สองคนไหน? ”

“คนแรก กู้จุนแห่งเมืองสมุทรสยบฟ้า พรสวรรค์ของเขาสูงมาก ยากจะมีผู้ใดเทียบเทียม” บรรพบุรุษยวีกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “หากกู้จุนตั้งใจบรรลุจริงๆ เขาต้องสามารถบรรลุถึงความลึกซึ้งพิสดารที่อยู่ภายในได้แน่ เพียงแต่ ท่านแม่ยังอยู่ ไม่เห็นว่ากู้จุนอยากจะสร้างศัตรูไปรอบทิศ”

“คนที่สองเป็นใคร? ” ยวีจู่ไม่สงสัยในเรื่องพรสวรรค์ของกู้จุน จะอย่างไรเสียกู้จุนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิบยอดอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ยวีจู่แสดงคารวะอย่างลึกซึ้ง กล่าวว่า “หลานจะจดจำให้มั่น” แม้ว่าเขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับมุมมองลักษณะเช่นนี้ แต่ทว่า เขายังคงให้ความเคารพนับถือในท่านปู่ของตนยิ่ง รู้ว่าการที่ท่านปู่เลือกเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของท่าน

ในบริเวณลานหลังบ้านที่ลึกเข้าไปในบ้านตระกูลยวี ซึ่งเป็นสถานที่หวงห้าม ลูกหลานของบ้านตระกูลยวีไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปที่นั่นได้ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นที่พักอาศัยของยวีไท่จวิน

ที่ตรงนี้มีวิหารเก่าแก่อยู่หลังหนึ่ง วิหารเก่าแก่หลังนี้โบราณเรียบง่ายยิ่งนัก เหมือนว่ามันได้ผ่านการกัดกรอนจากกาลเวลามานับไม่ถ้วน ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย

“เอี๊ยด…” เวลานี้ ประตูไม้ของวิหารเก่าแก่ที่ปิดสนิทได้ถูกเปิดออก ยายเฒ่าผู้หนึ่งได้ก้าวออกมาจากภายในวิหารนั่น จอนทั้งสองข้างของยายเฒ่าดั่งหิมะ แต่ว่า อาศัยท่วงท่าที่มีความสง่างามของยายเฒ่าสามารถมองออกว่า ยามที่นางยังสาวนั้นจะต้องเป็นสุดยอดสาวงามอย่างแน่นอน

ยายเฒ่าก้าวเดินออกจากวิหารเก่าแก่ ยืนอยู่ภายในสวน มองดูต้นไม้แก่ที่ออกดอกแล้ว ถึงกับทอดถอนใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม พึมพำออกมาว่า “ตาเฒ่า ครั้งนั้นต้นปาล์มที่ท่านกับข้าร่วมกันปลูกเอาไว้ได้ออกดอกแล้ว แต่ ท่านไม่ได้อยู่บนโลกนี่อีกแล้ว ทิ้งให้ข้าต้องโดดเดี่ยวบนโลกนี้เพียงลำพัง”

ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ นางถึงกับทอดถอนใจออกมาด้วยความสลด

“ใคร…” ขณะที่ยายเฒ่ากำลังทอดถอนใจด้วยความสลด สายตาของนางพลันแลดูเฉียบขาดมาก เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน พลันเปี่ยมด้วยอานุภาพ เสมือนหนึ่งขุนพลหญิงที่เกรียงไกรไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน!

วิถีทางเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างอยู่แล้ว ใช่มีเพียงเจ้าเท่านั้น” เวลานี้ ชายหนุ่มผู้หนึ่งล่องลอยมาถึง เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ชิงฟง ไม่พบกันเสียนาน”

เมื่อยายเฒ่าได้ยินคำเรียกขานเช่นนี้ พลันรู้สึกสะดุ้งในใจ ดวงตาทั้งสองที่เดิมเปล่งประกายน่ากลัวออกมานั้นเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ มองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

“นี่ นี่เป็นท่านรึ? ” ยายเฒ่ารู้สึกหวั่นไหวยิ่งนัก มองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าชนิดไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่เสียงก็ยังสั่นเครือ

“เว้นแต่ข้าแล้ว ยังจะมีใครสามารถควบคุมบันไดเสียงสิบสองขั้นได้? ” ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง เขายิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “ครั้งนั้น ข้าชำระกายให้กับเจ้าท่าทางของเจ้าก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่รึ? ไม่เชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์”

“ใต้เท้า เป็นท่านจริงๆ…” เมื่อยายเฒ่าได้สติกลับมา ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นยิ่งนัก

“ถูกต้อง เป็นข้าเอง” หลี่ชิเย่เองรู้สึกปลงอนิจจังยิ่ง มองดูยายเฒ่าที่อยู่ตรงหน้า กล่าวว่า “จากกันนานหมื่นปี กาลเวลาไร้ความปราณีนะเนี่ย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล