ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1602

ตอนที่ 1602 ยวีไท่จวิน

ยายเฒ่า ยวีชิงฟงก็คือปฐมบรรพบุรุษของบ้านตระกูลยวี และก็คือขุนพลอันดับหนึ่งแห่งกองทัพมังกรดำในยุคสมัยของราชันเซียนหยินเทียน ชื่อเสียงเป็นที่โด่งดังมาก ในฐานะผู้ที่สามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้ นับว่าเป็นที่หวั่นเกรงของผู้คนยิ่งนัก.

“ชิงฟงคารวะใต้เท้า…” หลังจากที่ยายเฒ่าได้สติกลับมา รู้สึกตื้นตันใจจนควบคุมตนเองไม่ได้ รีบเร่งก้มกราบลงกับพื้นกล่าวด้วยความตื่นเต้น

หลี่ชิเย่รีบประคองนางเอาไว้ กล่าวว่า “เจ้าไม่ได้อยู่ในกองทัพอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”

หลังจากที่ยายเฒ่าถูกพยุงขึ้นมาแล้ว มองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ถึงกับกุมมือทั้งสองของหลี่ชิเย่จนแน่นด้วยความตื้นตันใจยิ่งนัก ยากที่จะได้สติกลับมาในระยะเวลาอันสั้น หลังจากผ่านไปนานมาก นางจึงอดที่จะยื่นมือออกไปลูบคลำใบหน้าของหลี่ชิเย่

“ใต้เท้าแย่งชิงร่างแท้จริงกลับคืนแล้วจริงๆ ” ยวีไท่จวินกล่าวด้วยความตื่นเต้น

“ทั้งหมดล้วนเป็นผลงานของราชามังกรดำ” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ กล่าวว่า “เขาพยายามต่อสู้ให้ถึงที่สุด ท้ายสุด บูชาด้วยชะตาฟ้าของราชันเซียน จึงทำให้ร่างแท้จริงของข้าหลุดพ้นออกมา และวิญญาณกลับคืนสู่ร่างเดิมได้”

“ผู้น้อยละอายใจยิ่งนัก ไม่สามารถช่วยเหลือราชามังกรดำได้ ไม่สามารถช่วยเหลือใต้เท้าด้วยกำลังอันน้อยนิดของข้า” ยวีไท่จวินถึงกับทอดถอนใจออกมา

จังหวะที่ราชามังกรดำบุกโจมตีถ้ำเซียนมารนั้น ยวีไท่จวินยังอยู่ระหว่างกักตนมรณะ ไม่สามารถช่วยเหลือราชมมังกรดำอีกแรง มิฉะนั้นล่ะก็นางต้องออกศึกเพื่อช่วยเหลือราชามังกรดำ

“เรื่องนี้ไม่โทษเจ้า” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า “ครั้งนั้นเจ้าอายุขัยสิ้น การที่เจ้าสามารถต่ออายุมาถึงวันนี้ได้ นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว แม้ว่าเจ้าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งชาติ แต่ การกักตนมรณะในครั้งนี้ได้ทำให้เจ้าสามารถชดเชยอายุขัยที่สูญเสียไป”

ยวีไท่จวินถึงกับสลด อดรู้สึกเศร้าอาดูรไม่ได้ กล่าวว่า “การที่ข้าน้อยสามารถเพิ่มอายุขัยได้ ล้วนแล้วแต่ตาเฒ่าเขาส่งเสริม เขาเอาอายุขัยของตนเองมาชดเชยอายุขัยที่ข้าสูญเสียไป แต่ ตาเฒ่า เขา…” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว นางทอดถอนใจออกมาด้วยความเศร้าอาดูร

“เขารักเจ้ามากตลอดมา อีกทั้งเขาก็ได้ตัดสินใจเลือกแล้ว การเลือกของเขาใช่จะไม่มีเหตุผล” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ

“ครั้งนั้น พวกเราสองคนนัดกันว่าจะอยู่ด้วยกันจนสิ้นอายุขัย ไม่สนใจเรื่องราวบนโลกมนุษย์ แต่ เมื่อถึงที่สุดแล้ว ชนรุ่นหลังไร้ความสามารถ ตาเฒ่าจึงเปลี่ยนใจ หวังว่าข้าจะต่ออายุขัยเพื่อสามารถปกป้องลูกหลานที่เป็นชนรุ่นหลัง เพียงแต่ เจ้าสวะเหล่านี้ไม่ได้รับรู้ถึงความตั้งใจอย่างยิ่งของบรรพบุรุษ ไม่รู้ถึงการเสียสละของบรรพบุรุษ!” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ยวีไท่จวิถึงกับรู้สึกสลดและผิดหวัง

ยวีไท่จวินและสามีของนางล้วนแล้วแต่เป็นขุนพลของกองทัพมังกรดำ สามีของยวีไท่จวินก็เป็นระดับจักรพรรดิเทพที่สุดยอดคนหนึ่ง แต่ ไม่แข็งแกร่งเท่ายวีไท่จวิน

ยวีไท่จวินสองสามีภรรยาครองรักกันมาชั่วชีวิต พวกเขาเคยตกลงกันในขณะที่ออกจากกองทัพมังกรดำว่า จะไม่ปลีกตัวจากโลกภายนอกและผนึกร่าง จะอยู่จนกว่าสิ้นอายุขัย แล้วจากโลกนี้ไปพร้อมๆ กัน

แต่ทว่า ลูกหลานรุ่นสู่รุ่นของตระกูลยวีได้เสื่อมลง เมื่อมาถึงรุ่นของยวีจู่ เหลือเพียงยวีจู่เท่านั้นที่พอจะรับหน้าที่ได้ หลังจากยวีจู่ไปแล้ว ตระกูลยวีเรียกได้ว่าไม่ได้ดั่งใจ ไม่มีประเภทที่โดดเด่นอะไรเลย

เรื่องนี้ได้ทำให้ภายในใจของปฐมบรรพบุรุษตระกูลยวีเกิดความหวั่นไหว สามีของยวีไท่จวินตัดสินใจให้ยวีไท่จวินมีชีวิตอยู่ต่อไป คาดหวังว่าสามารถปกป้องลูกหลานได้อีกหนึ่งถึงสองชาติ ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อถึงเวลาอายุขัยของยวีไท่จวินสิ้นสุดลง จึงจำเป็นต้องกักตนมรณะ เพื่ออาศัยสิ่งนี้ต่ออายุขัยก้าวพ้นด่านอันยากลำบากนี้ไป

แม้ว่ายวีไท่จวินจะสามารถต่ออายุขัยได้เป็นผลสำเร็จ แต่ทว่า สามีของยวีไท่จวินกลับไม่สามารถก้าวข้ามวิบากนี้ไปได้ ท้ายที่สุด เขาเสียสละตนเองเพื่อให้ยวีไท่จวินสมหวัง

“โลกนี้จะมีใครสักกี่คนที่ละทิ้งได้โดยสิ้นเชิง แล้วมีกี่คนที่สามารถปล่อยวางได้ทุกสิ่งโดยสิ้นเชิง” หลี่ชิเย่หัวเราะ และส่ายหน้าเบาๆ

ยวีไท่จวินถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ สุดท้ายได้เชื้อเชิญให้หลี่ชิเย่เข้าไปยังวิหารเก่าแก่ ภายในวิหารเก่าแก่ก็เรียบง่ายยิ่งนัก สองข้างของภายวิหารได้สลักภาพแต่ละภาพเอาไว้ เป็นการบันทึกเรื่องราวความรุ่งเรือง ความเสื่อมถอยของบรรพบุรุษแต่ละรุ่น

ขณะที่นั่งอยู่ภายในวิหารเก่าแก่ กล่าวว่า “ชาตินี้ใต้เท้าได้ชิงเอาร่างแท้จริงกลับมา ต้องสร้างผลงานที่ดีเด่นด้วยความรู้ความสามารถแน่นอน หากใต้เท้ามีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้ล่ะก็ ข้าน้อยจะไม่ปฏิเสธ ยินดีรับใช้ใต้เท้าอีกครั้งหนึ่ง”

หลี่ชิเย่ส่ายหัว กล่าวว่า “ไม่ พวกเจ้าสองสามีภรรยาได้รับอิสระภาพมาตั้งแต่ครั้งกระนั้นแล้ว พวกเจ้าได้ขาดจากกองทัพมังกรดำแล้ว ข้าไม่สามารถไปทำลายความสงบสุขของพวกเจ้าได้อีก เวลานี้ เป็นเวลาที่เจ้าเสพสุขในบั้นปลายของชีวิต ข้าไม่สามารถให้เจ้ามาผูกติดอยู่กับรถศึกของข้าได้อีก

“สิ่งนี้คือสิ่งที่ข้าติดค้างใต้เท้า หากไม่มีใต้เท้าก็ไม่มีความสำเร็จในวันนี้ ยิ่งไม่มีชีวิตนี้ของข้า ยิ่งไม่มีความเจริญรุ่งเรืองและชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูลยวี! ” ยวีไท่จวินกล่าวหนักแน่นจริงจัง

“ไม่ เจ้าไม่ได้ติดค้างข้า” หลี่ชิเย่หัวเราะส่ายหน้า และกล่าวว่า “ถูกต้อง ข้าได้แนะนำเจ้า และมอบโชคชะตาให้เจ้า การที่เจ้ามีผลสำเร็จในวันนี้ นั่นเป็นเพราะความพยายามของเจ้า เป็นความจริงที่ในครั้งนั้นเจ้าติดค้างข้า แต่ว่า เจ้ารับใช้กองทัพมังกรดำมานานมาก และชดใช้คืนให้หมดแล้ว สำหรับชีวิตของเจ้า ข้าแค่อาศัยกำลังอันน้อยนิดของข้าเท่านั้น ที่ถูกต้องคือเจิ้งฟงพี่ชายของเจ้าที่ช่วยเจ้า”

ครั้งนั้น ยวีเจิ้งฟงได้ทำการผนึกร่างยวีชิงฟงน้องสาวของเขาเอาไว้ ใช้เวลาในการสั่งสมมาหนึ่งยุคสมัยเต็มๆ จึงสามารถค้นพบสมุนไพรหญ้าทิพย์ที่สามารถใช้รักษายวีชิงฟงได้ สุดท้าย ได้เชิญหลี่ชิเย่มาลงมือจนสามารถช่วยชีวิตนางได้ในที่สุด

เนื่องด้วยโอกาสและวาสนาเช่นนี้ ทำให้ยวีไท่จวินสวามิภักดิ์กับกองทัพมังกรดำ นางก้าวไปทีละก้าวๆ รบทุกครั้งชนะทุกครั้ง สร้างผลงานการรบที่โด่งดังมาก สุดท้าย กลายเป็นขุนพลอันดับหนึ่งของกองทัพมังกรดำในยุคของราชันเซียนหยินเทียน

“เป็นเพราะใต้เท้าที่เห็นอกเห็นใจและเข้าใจข้าน้อย เห็นอกเห็นใจและเข้าใจตระกูลยวี” ยวีไท่จวินได้แต่ทอดถอนใจเบาๆ เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้

กล่าวสำหรับนางแล้ว ขอเพียงหลี่ชิเย่มีคำสั่ง นางยินดีกลับสู่ยุทธภพอีกครั้ง เพื่อรับใช้หลี่ชิเย่ ตระกูลยวีของพวกเขาก็ยินดีบุกน้ำลุยไฟ เพียงแต่หลี่ชิเย่กลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาเป็นผู้ที่พูดแล้วไม่คืนคำเสมอ

“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ และเป็นสิ่งที่ตระกูลยวีควรได้รับ”

“เสียดาย ชนรุ่นหลังไร้ความสามารถ” ยวีไท่จวินกล่าวด้วยท่าทีจนด้วยเกล้าว่า “ไม่อย่างนั้นล่ะก็ข้าไหนเลยต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ พี่ใหญ่ท่านยังไม่ต้องการมองดูบรรดาลูกหลานที่อกตัญญูพวกนี้เลย ยายเฒ่าอย่างข้าได้แต่อยู่อย่างขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ

“เป็นความจริงที่เจิ้งฟงสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “แต่ว่า เส้นทางที่เขาก้าวเดินคือสัจธรรมเบื่อโลก เขาไม่อยากมองดูลูกหลานก็ถือเป็นเรื่องปรกติ กล่าวสำหรับเขาแล้วตระกูลยวีไม่มีสิ่งใดทำให้เขาต้องเป็นห่วงอีกแล้ว”

“พี่ใหญ่เขา…” ยวีไท่จวินถึงกับทอดถอนใจออกมา เมื่อพูดถึงยวีเจิ้งฟง

ในยุคปัจจุบัน เกรงว่าคงไม่มีใครจดจำบุคคลเฉกเช่นยวีเจิ้งฟงได้อีกแล้ว และคงมีไม่กี่คนที่รู้ว่า ยังมีผู้ที่ต้านรับกับราชันเซียนได้คนหนึ่ง หลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองฟงเหวิน

แต่ว่า ยวีไท่จวินกลับรู้เรื่องนี้ พวกเขาสองพี่น้องมีความผูกพันที่ลึกซึ้งมากมาตั้งแต่เด็ก และด้วยเหตุนี้เอง เพื่องช่วยน้องสาวของเขาคนนี้ ยวีเจิ้งฟงจึงได้ก้าวเดินสู่เส้นทางปราศจากผู้ต่อกร

“ครั้งนั้น พี่ใหญ่ไม่ได้เป็นเช่นนี้” ยวีไท่จวินกล่าวปลงอนิจจังว่า “เขาเป็นผู้ที่ร่าเริงมองโลกในแง่ดี และเป็นคนที่สนุกสนาน แต่ทว่า เวลานี้เขากลับไม่สามารถก้าวพ้นวิบากนี้ไปได้ หลังจากผิดหวังในความรักแล้ว เขาคงเหนื่อยล้ามาก จึงไม่อยากสนใจเรื่องราวในโลกนี้อีก”

“ไม่ “ หลี่ชิเย่ยิ้มและส่ายหน้า กล่าวว่า “ครั้งนั้น ระหว่างเขากับราชันเซียนเชียนหลี่ พี่ใหญ่ของเจ้าก็ปลงได้แล้ว ใจมารของเขาหาใช่เรื่องผิดหวังในความรัก ใจมารของเขาก็คือตัวของเขาเอง หลังจากก้าวเดินบนเส้นทางสัจธรรมเบื่อโลกแล้วก็ยากจะหันหลังกลับมา ยิ่งก้าวเดินไปได้ไกลเท่าไร ก็ยิ่งกลับมาได้ยาก ทักษะของเขายิ่งแก่กล้ามาก ก็จะรู้สึกจืดชืดกับเรื่องราวบนโลกใบนี้ ท้ายสุด ถึงขั้นสวรรค์ทอดทิ้งนรกเบื่อหน่าย กระทั่งสวรรค์โจรยังไม่อยากรับเอาตัวเขาไป! ”

“พี่ใหญ่สามารถเป็นได้เท่านี้จริงๆ รึ? ” ยวีไท่จวินถึงกับเอ่ยถามขึ้นมา พวกเขาสองพี่น้องผูกพัน ยวีไท่จวินในฐานะน้องสาวย่อมไม่ต้องการให้พี่ใหญ่ของนางเป็นเช่นนี้ ไม่ต้องการให้พี่ใหญ่ของตนมีชีวติอยู่อย่างไร้รสชาติและสลดท่ามกลางกาลเวลาอันยาวไกลในอนาคต

“เขาไม่ยอมก้าวเดินออกมาเอง ใครก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้” หลี่ชิเย่ส่ายหัวเบาๆ กล่าวว่า “ความจริงแล้ว ขณะที่พี่ใหญ่ของเจ้าก้าวเดินบนสัจธรรมเบื่อโลกนั้น เขารู้แล้วว่าตัวเองจะต้องเผชิญกับสิ่งใด และรู้ว่าสิ่งนี้บ่งบอกถึงอะไร ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงได้มีการต่อสู้กับราชันเซียนเชียนหลี่ แต่ว่า ราชันเซียนเชียนหลี่กลับไม่ต้องการสังหารเขา เนื่องจากมันไม่มีความหมายใดๆ กับการสังหารคนๆ หนึ่งที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว “

ครั้งนั้นพี่ใหญ่ได้พบกับเรื่องมหัศจรรย์ ได้สุดยอดสัจธรรมของราชันเซียนมู่จั๋ว เพื่อช่วยช้า เขาตัดสินใจก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้” ยวีไท่จวินถึงกับหัวเราะด้วยความขมขื่น พี่ใหญ่ของนางเพื่อนางแล้ว เรียกได้ว่าเสียสละมากมายเหลือเกิน

ครั้งนั้น เขาเองได้คิดค้นสุดยอดสัจธรรมที่เป็นของตนได้ ความจริงแล้ว สุดยอดสัจธรรมของเขานับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ครานั้นถือว่าเขาได้ก้าวออกจากสัจธรรมเบื่อโลกได้แล้ว แต่ทว่า ท้ายที่สุด เขายังคงกลับไปยังสัจธรรมเบื่อโลก” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “สุดท้ายแล้ว การเลือกของเขาเหมือนเช่นราชันเซียนมู่จั๋ว…”

“…ราชันเซียนมู่จั๋วเขาได้เป็นราชันเซียนแล้ว โชคชะตาของเขา ทักษะของเขาสูงกว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเสียอีก เขามีความยอดเยี่ยมมากกว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเสียอีก แต่ สุดท้ายแล้วเขายังคงกลับไปเดินบนสัจธรรมเบื่อโลก ทำเอาตัวเองนั้นกลายเป็นสวรรค์ทอดทิ้งนรกเบื่อหน่าย” เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้ ได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มเจื่อนๆ กล่าวว้า “นี่คือการเลือกของพวกเขาเอง ใครก็แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้”

“เหตุใดราชันเซียนมู่จั๋วจะต้องเลือกเดินบนเส้นทางสายนี้? ” เขาได้มีเส้นทางของราชันเซียนแล้วนี่” ยวีไท่จวินเองก็ไม่เข้าใจ

สำหรับผู้เป็นราชันเซียนคนหนึ่งนับว่าปราศจากผู้ต่อกรแล้ว สัจธรรมของเขาเพียงพอที่จะสืบทอดชะตาฟ้าได้อยู่แล้ว เมื่อมีชะตาฟ้าแล้วราชันเซียนจะมีความแข็งแกร่งเพียงใด เส้นทางเช่นนี้ของราชันเซียนช่างปราศจากผู้ต่อกรเพียงใด

แต่ทว่า ในฐานะที่เป็นราชันเซียน สุดท้ายแล้วกลับละทิ้งเส้นทางการเป็นราชันเซียนของตน ถึงกับก้าวไปบนสัจธรรมเบื่อโลกที่ตนเองคิดค้นเอาไว้ก่อนหน้า เป็นเรื่องที่ผู้คนสุดจะจินตนาการได้

“ไม่รู้เหมือนกัน เกรงว่าเหตุผลที่แท้จริงคงไม่มีใครรู้ มีแต่การคาดเดาเท่านั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “บางคนเข้าใจว่า การที่ราชันเซียนมู่จั๋วทำเช่นนี้คงต้องการมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวขึ้น และก็มีคนคิดว่า การที่ราชันเซียนมู่จั๋วทำเช่นนี้เป็นวิธีการหลบเลี่ยงอย่างหนึ่ง แต่ว่า ข้ากลับไม่คิดอย่างนั้น เกรงว่าการที่ราชันเซียนมู่จั๋วทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะต้องการมีชีวิตอยู่ให้ยืนยาวมากขึ้น และไม่ได้ต้องการหลบเลี่ยง”

“แล้วเพื่ออะไร? ” ยวีไท่จวินเอ่ยถามขึ้นมา

หลี่ชิเย่ถึงกับนิ่งเงียบพักหนึ่ง สุดท้าย ส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า “ข้าก็ไม่รู้ บางที คำตอบสุดท้ายยังคงต้องถามตัวของราชันเซียนมู่จั๋วเอง เขาจะบอกกับผู้อื่นหรือไม่คงไม่อาจรู้ได้แล้วล่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล