ตอนที่ 1603 อดีตของกู้จุน
ยวีไท่จวินถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ นางเองต้องการช่วยเหลือพี่ชายของตนมาก นางหวังว่าพี่ชายของตนจะมีเส้นทางชีวิตที่แตกต่าง
แต่ทว่า ในเรื่องนี้นางกลับจนปัญญา นางไร้ซึ่งหนทางที่จะช่วยเหลือพี่ชายของนางได้แม้แต่น้อย เนื่องจากยวีเจิ้งฟงมีทักษะสูงกว่านางเสียอีก เรียกได้ว่าในด้านการบำเพ็ญเพียรนั้น ยวีเจิ้งฟงมีประสบการณ์และความคิดที่ดีกว่านาง
ตัวของยวีเจิ้งฟงเองยังไม่ยอมก้าวออกจากเส้นทางของตน ยวีไท่จวินก็ไร้สิ้นหนทางที่จะช่วยเหลือเขาได้ สิ่งเดียวที่ทำให้สบายใจได้ก็คือ อย่างน้อยที่สุดยวีเจิ้งฟงสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกนานมาก
เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น เวลานี้ยวีเจิ้งฟงได้ฝึกสัจธรรมเบื่อโลกไปถึงขั้นที่สวรรค์ทอดทิ้ง นรกเบื่อหน่ายเสียแล้ว เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วคิดจะตายก็เป็นเรื่องยาก กระทั่งกล่าวได้ว่า ในแง่มุมหนึ่งเขาได้ออกจากขอบเขตความเป็นผู้บำเพ็ญตนไปแล้ว
“สิ่งนี้ได้แต่อาศัยตัวเขาเองแล้ว” ในขณะที่ยวีไท่จวินทอดถอนใจอยู่นั้น หลี่ชิเย่กล่าวว่า “บุคคลภายนอกยากจะช่วยเขาในด้านนี้ได้ ถ้าหากตัวเขาเองอยากจะก้าวเดินออกมายังคงมีโอกาสอยู่ เกรงว่าโอกาสในการเปลี่ยนแปลงแบบหักมุมเป็นอย่างไรนั้น มีเพียงตัวเขาเองที่รู้”
ยวีไท่จวินไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้อีก หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางเอ่ยกับหลี่ชิเย่ว่า “ใต้เท้ากลับมาคราวนี้ต้องการเอาเมืองสมุทรสยบฟ้ากลับคืนรึ?”
“เอาเมืองสมุทรสยบฟ้ากลับคืน?” หลี่ชิเย่หัวเราะพลางส่ายหน้าเบๆ และกล่าวว่า “ความจริงแล้ว ข้าไม่เคยคิดจะนำเอาเมืองสมุทรสยบฟ้ามาเป็นของตนเอง เมืองสมุทรสยบฟ้าคือเมืองสมุทรสยบฟ้า ข้าก็คือข้า เพียงแต่ข้าไม่ต้องการให้กู้จุนมาเป็นผู้นำของเมืองสมุทรสยบฟ้าเท่านั้นเอง ความจริง ใครจะมาเป็นผู้ปกครองยกเว้นกู้จุนแล้วข้าไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก”
ดวงตาทั้งสองของยวีไท่จวินถึงกับเพ่งตรงไปข้างหน้า เมื่อเอ่ยถึงชื่อของ “กู้จุน…” นางกล่าวว่า “กู้จุนจะไม่เลิกล้มความตั้งใจเด็ดขาด ผ่านมาถึงสามยุคแล้ว เขายังคงไม่ยอมละทิ้ง”
“สิ่งนี้ก็คือความยอดเยี่ยมของกู้จุน” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “พูดตามตรงเลยนะ บางครั้งข้ารู้สึกเลื่อมใสไอ้หนูนี้อยู่บ้างเหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าข้าคือใคร รู้ทั้งรู้ว่าการเป็นศัตรูกับข้านั้นเท่ากับเอาไข่ไปกระทบกับหิน แต่ว่า เขาไม่ยอมวางมือเลย เขาดื้อรั้นเช่นนี้แหละ ยังคงต้องการได้ขุมทรัพย์เหล่านั้นไปจากมือของข้า! ความละโมบโลภมากไม่เคยลดน้อยลงแม้แต่น้อย…”
“…โชคชะตาถูกตัดทิ้ง ถูกจับยัดตาน้ำ แต่ กู้จุนยังคงหลงงมงายไม่สำนึก ยังคงก้าวเดินต่อไปให้ถึงที่สุด ยังคงต้องการแย่งชิงชิ้นเนื้อจากปากเสือ จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเช่นนี้จะบอกว่าไม่แกร่งย่อมไม่ได้ เสียดาย จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเช่นนี้ของเขากลับไม่ได้นำมาใช้ไปในทางที่ถูกต้อง มิฉะนั้นล่ะก็อนาคตของเขาจะไร้ขีดจำกัด ต้องได้เป็นสุดยอดราชันเซียนคนหนึ่งแน่นอน”
ยวีไท่จวินพยักหน้ากับคำพูดลักษณะเช่นนี้ พรสวรรค์ของกู้จุนเป็นสิ่งที่ปราศจากข้อสงสัย เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดอัจฉริยะบุคคลนับแต่อดีตถึงปัจจุบันใช่จะเป็นชื่อเสียงจอมปลอม เสียดาย เขากลับทำลายตัวเองไปตลอดชีวิต
“เขารู้ว่าใต้เท้าจะไม่สังหารเขา ถึงได้ทำกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ กล้าหลงงมงายโดยไม่สำนึกเช่นนี้ ไม่มีการร้องขอชีวิตจากราชามังกรดำ เขากลายเป็นกองกระดูกไปนานแล้ว” เบื้องหลังในครั้งครานั้นบุคคลภายนอกไม่รู้ แต่ยวีไท่จวินรู้เรื่องนี้ดี
“ราชามังกรดำสามารถร้องขอชีวิตให้เขาครั้งหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่ฆ่าเขาตลอดไป” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ความอดกลั้นอดทนของข้ามีจำกัด เป็นตัวเขาเองที่ไม่รู้จักทะนุถนอม คราวนี้หากเขายังคงทำผิดภายใต้มือของข้าต้องถูกสังหารโดยไม่มียกเว้น ต่อให้ราชามังกรดำฟื้นคืนชีพมาร้องขอชีวิตให้กับเขาก็ไม่ได้!”
ยวีไท่จวินเองก็พยักหน้าเงียบๆ กับเรื่องนี้ เรื่องที่กู้จุนถูกจับยัดตาน้ำในครั้งนั้น บุคคลภายนอกที่รับรู้เรื่องนี้มีอยู่ไม่มาก แต่ทว่า นางที่อยู่ในฐานะขุนพลอันดับหนึ่งแห่งกองทัพมังกรดำย่อมรู้เรื่องนี้ดีกว่าบุคคลภายนอก สมควรทราบว่า นางคือหนึ่งในผู้ปฏิบัติการของเรื่องนี้
ยวีไท่จวินกล่าวว่า “เกรงว่ากู้จุนคงไม่ยอมละทิ้งแน่นอน” เรื่องในครั้งนั้นนางรู้อย่างทะลุปรุโปร่ง สุดท้าย อาศัยการร้องขอของราชามังกรดำ จึงทำให้กู้จุนมีโอกาสได้กลับมา แต่ ตามที่นางเข้าใจในตัวของกู้จุน รู้ว่ากู้จุนเป็นคนที่ไม่ยอมละทิ้งอะไรง่ายๆ
“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้กล่าวว่า “มิใช่รึ? เวลานี้ศิษย์ของเขาที่ชื่อเย่จิ่วโจวได้ควบคุมอำนาจทั้งหมดของเมืองสมุทรสยบฟ้าเอาไว้แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ออกหน้า แต่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมด เย่จิ่วโจวก็แค่หมากตัวหนึ่งของกู้จุนเท่านั้นเอง”
“แม้ว่ากู้จุนจะยอดเยี่ยม ขอเพียงใต้เท้ามีคำบัญชา ข้าน้อยยินดีร่วมกับเหล่าขุนพลทั้งหลายจับตัวกู้จุนมาให้ใต้เท้าได้ลงโทษ”
แม้ว่าราชามังกรดำจะคงไว้เพียงชื่อเท่านั้น แต่ว่า ขุนพลเฒ่ายุคของราชันเซียนเชียนหลี่ ราชันเซียนหยินเทียนยังคงมีหลงเหลืออยู่
“ไม่” หลี่ชิเย่ส่ายหัว กล่าวว่า “บุญคุณความแค้นนี้เกิดเพราะข้า ก็ให้มันจบลงที่มือข้าก็แล้วกัน หากว่ากู้จุนยังคงหลงงมงายไม่สำนึกอีก ข้าจะลงมือจัดการด้วยตนเอง ถือว่าเป็นคำอธิบายให้กับราชามังกรดำ! ”
ยวีไท่จวินถึงกับต้องปลงอนิจจังว่า “หนึ่งในสิบสุดยอดอัจฉริยะบุคคลนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ความคิดชั่วแล่นของกู้จุนทำลายชั่วชีวิต การได้รับการชี้แนะจากใต้เท้า มีราชามังกรดำคอยให้ความคุ้มครอง เดิมทีเขาสามารถกลายเป็นราชันเซียนที่ปราดเปรื่องคนหนึ่งนับแต่อดีตถึงปัจจุบันได้ เสียดาย เขากลับต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้”
จะโทษยวีไท่จวินที่ต้องปลงอนิจจังขนาดนี้ก็ไม่ถูก เงื่อนไขของกู้จุนในครั้งนั้นไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ เขาเคยได้รับการชี้แนะจากอีกาทมิฬ แล้วยังมีสุดยอดผู้ยิ่งใหญ่อย่างมังกรดำคอยคุ้มครอง ตัวเขาเองก็มีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดอัจฉริยะบุคคลนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ด้วยเงื่อนไขเช่นนี้คิดจะไม่เป็นราชันเซียนก็คงยาก
เสียดาย กู้จุนกลับทำลายอนาคตที่สดใสไร้ขีดจำกัดของตนเองเพียงเพราะละโมบโลภมาก โชควาสนาถูกตัดทิ้ง และถูกจับไปอุดตาน้ำ สุดท้ายแล้วหากไม่เป็นเพราะราชามังกรดำที่ร้องข้อชีวิตให้ เขาคงศีรษะหลุดออกจากบ่าไปแล้ว!
หากไม่เป็นเพราะความคิดชั่ววูบของกู้จุน เกรงว่าหลังสิ้นสุดยุคของราชันเซียนเชียนหลี่แล้ว ผู้ที่เป็นราชันเซียนต่อมาไม่ใช่ราชันเซียนหยินเทียน หรือราชันเซียนท่าคงในยุคต่อมา หนึ่งในสองสมัยนี้จะต้องมียุคหนึ่งที่เป็นของกู้จุน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...