ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1604

ตอนที่ 1604 ลูกหลานตระกูลยวี

หลี่ชิเย่ถึงกับนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง นับแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันที่ผ่านมา มีบรรพบุรุษสักกี่คนที่สามารถปล่อยวางเรื่องลูกหลานของตนได้ เนื่องเพราะเหตุนี้เอง ระดับจักรพรรดิเทพที่มีชื่อเสียงโด่งดังจำนวนไม่น้อยจึงเลือกที่จะผนึกร่างของตนแล้วฝังตัวเองเอาไว้ใต้ดิน มีชีวิตอยู่อย่างชนิดที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ที่พวกเขาทำไปก็เพื่อให้ตนเองยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป อาศัยชื่อเสียงและกำลังความสามารถของตนคอยปกป้องทายาทลูกหลานรุ่นหลัง

“ลูกหลานทุกคนล้วนมีบุญตามลิขิต สุดแล้วแต่พวกเขาเถอะ” สุดท้ายหลี่ชิเย่ได้แต่พูดออกมาเช่นนี้

“ก็แค่หนึ่งถึงสองยุคนี้เท่านั้น ต่อไปก็แล้วแต่พวกเขาแล้วล่ะ อนาคตยายเฒ่าอย่างข้าก็สมควรถูกฝังเอาไว้ใต้ดิน กลับกลายเป็นดิน” ยวีไท่จวินก็ได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ

กล่าวสำหรับนางแล้ว ตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่ สิ่งนั้นจึงเป็นที่พักพิงสุดท้ายที่ดีที่สุดของนาง

“กาลเวลาแปรเปลี่ยนอยู่เสมอ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “บนโลกนี้ไม่มีอะไรอยู่ยงคงกระพัน กองทัพมังกรดำสยบถึงสามยุคสมัย สุดท้ายก็ต้องปิดฉากลง” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เขาก็ต้องสะอื้นออกมาเบาๆ

“นั่นสิ นอกจากผู้ที่ติดตามการสู้รบร่วมกับราชามังกรดำแล้ว ขุนพลเฒ่าที่ยังคงเหลืออยู่ก็ได้ละสังขารไปแล้ว ขุนพลเฒ่าที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลกก็มีอยู่ไม่มากแล้ว” ยวีไท่จวินก็อดที่จะสะอื้นออกมาไม่ได้

เมื่อหวนคิดไปถึงครั้งนั้น กองทัพมังกรดำโด่งดังเช่นใด ปราศจากผู้ต่อกรเพียงใด ต่อให้เป็นกองทัพราชันเซียนยังต้องอ่อนข้อให้

เรียกได้ว่า กองทัพมังกรดำติดตามราชามังกรดำสยบทั่วหล้าไปสามยุค ท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนานของสามยุคใช่ว่าทุกคนสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวถึงเพียงนั้น กล่าวได้ว่า กำลังทหารของกองทัพมังกรดำมีการผลัดเปลี่ยนมายุคแล้วยุคเล่า ขณะทีขุนพลของกองทัพมังกรดำก็ผลัดเปลี่ยนมายุคแล้วยุคเล่าเช่นกัน

นับตั้งแต่ยุคราชันเซียนเชียนหลี่ จนถึงยุคราชันเซียนหยินเทียน สุดท้ายยุคของราชันเซียนท่าคง ท่ามกลางยุคสมัยทั้งสามยุคนี้ กองทัพมังกรดำได้ผลัดเปลี่ยนทหารไปเป็นจำนวนเท่าไร อำลาขุนพลไปแล้วจำนวนเท่าไร!

ยวีไท่จวินนั้นคือขุนพลที่อยู่ในยุคของราชันเซียนหยินเทียน และเป็นขุนพลอันดับหนึ่งของยุคนั้น ครั้นถึงช่วงที่กำลังจะสิ้นสุดยุคของราชันเซียนหยินเทียน นางและสามีได้รับอนุญาตจากหลี่ชิเย่ให้ออกจากกองทัพมังกรดำกลับไปยังบ้านเกิดที่ตระกูลยวี

ขุนพลเช่นยวีไท่จวินลักษณะนี้มีอยู่ไม่น้อยในยุคของราชันเซียนเชียนหลี่ ยุคของราชันเซียนหยินเทียน กระทั่งยุคของราชันเซียนท่าคง ตามอายุขัยที่ล่วงเลยของพวกเขาเหล่านั้น พวกเขาทยอยกันลาออกจากกองทัพกลับไปยังภูมิลำเนาและปลีกตัวออกจากสังคม

แต่ทว่า ต่อให้ผู้นั้นแก่กล้าปานใดก็ตาม ก็ไม่อาจทนต่อกาลเวลาที่ล่วงเลยไปได้ หากไม่มีการผนึกร่างเอาไว้ใต้ดิน ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดก็ยากที่จะมีชีวิตอยู่ได้เกินกว่าหนึ่งยุคสมัย ด้วยเพราะเหตุนี้เอง บรรดาขุนพลที่ลาออกจากกองทัพไปจึงทยอยกันละสังขารไปจำนวนไม่น้อย เหลือมีชีวิตอยู่ในโลกเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

“เสียงและหน้าตาของเหล่าขุนพลยังคงอยู่” หลี่ชิเย่ถึงกับทอดถอนใจออกมาด้วยความหดหู่ รู้สึกกลัดกลุ้มอยู่บ้าง กล่าวว่า “เหล่าขุนพลทั้งหลายคงยากจะได้พบหน้ากันอีกแล้วล่ะ”

ยวีไท่จวินก็พยักหน้าเบาๆ และรู้สึกหดหู่เช่นนี้เหมือนกัน หลังจากผ่านไปชั่วครู่ นางได้กล่าวว่า “ครั้งนั้นขณะที่ลาออกจากกองทัพ ภาพร้อยขุนพลที่ใต้เท้าได้วาดมากับมือยังคงเก็บรักษาอยู่ที่บ้านตระกูลยวี รอข้าน้อยไปนำมาให้ใต้เท้าได้ชม”

“ภาพร้อยขุนพลนี่เนี้ยะนะ” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา พยักหน้าและกล่าวว่า “ก็ดี อาศัยสิ่งนี้มาปลอบประโลมใจก็ดีเหมือนกัน”

ยวีไท่จวินรีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปภายในบ้านเพื่อหยิบเอาภาพร้เอยขุนพลออกมา ครั้งนั้นขณะพวกเขาสองสามีภรรยาไปจากกองทัพมังกรดำนั้น หลี่ชิเย่เคยวาดภาพร้อยขุนพลกับมือแล้วมอบให้พวกเขาสองสามีภรรยาไว้เป็นที่ระลึก

หลังจากที่ยวีไท่จวินเข้าไปด้านในแล้ว หลี่ชิเย่ลุกขึ้นยืนมองดูภาพบนฝาผนังที่อยู่บนผนังซ้ายขวาทั้งสองด้าน เป็นภาพสลักแต่ละภาพที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมถอยของตระกูลยวีพวกเขา

แน่นอน ยวีไท่จวินสองสามีภรรยาในฐานะบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลยวี ย่อมถูกบันทึกอยู่ในประวัติของตระกูลยวีอยู่แล้ว พวกเขาสองสามีภรรยาจึงมีภาพและเรื่องราวที่กินพื้นที่ไปมาก ขอเพียงเป็นการศึกที่พวกเขาสองสามีภรรยาเคยร่วมบด้วย ก็จะมีการบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด

หลี่ชิเย่ในเวลานี้ถึงกับมองจนเคลิ้มกับภาพฝาผนังแต่ละภาพที่เกี่ยวกับการศึกสงครามแต่ละสมรภูมิของสองสามีภรรยายวีไท่จวินอย่างเพลิดเพลินด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ทันใดนั้น เหมือนว่าได้หวนกลับไปยังห้วงเวลานั้น ภารกิจด้านการทหารที่เร่งรีบและยุ่งวุ่นวาย ออกศึกเหนือศึกใต้เกรียงไกรทั่วเก้าแดน มันคือยุคสมัยที่เจิดจรัส อย่างน้อยสำหรับกองทัพมังกรดำแล้วเป็นเช่นนั้น

ท่ามกลางกาลเวลาลักษณะเช่นนี้ กองทัพมังกรดำได้ครองความเป็นเจ้ามาถึงสามยุคสามสมัยเต็มๆ กระทั่งอาจกล่าวได้ว่าในบางแง่มุม กองทัพมังกรดำได้กลายเป็นชื่อที่ใช้แทนราชามังกรดำไปแล้ว

น่าเสียดาย หลังจากการศึกที่สะท้านภพของราชามังกรดำไปแล้ว เก้าแดนตกอยู่ในยุควิบากแห่งเต๋า นับจากนั้นเป็นต้นมา กองทัพมังกรดำก็หายไปแบบไร้ร่องรอย ไม่มีใครได้พบเห็นธงมังกรดำอีกเลย!

หลี่ชิเย่ต้องสะอื้นอยู่ไม่น้อย เมื่อมองดูภาพๆ นั้นที่อยู่ตรงหน้า เป็นภาพที่ราชามังกรดำได้ช่วยเหลือเขาให้ออกมา แลกมาด้วยค่าตอบแทนที่สูงมาก แน่นอน เขาเองก็เข้าใจได้ในระดับหนึ่งว่า ราชามังกรดำทำไปก็เพื่อไถ่โทษให้กับกู้จุน!

ขณะที่หลี่ชิเย่กำลังมองดูภาพบนฝาผนังด้วยความสนใจอย่างยิ่งอยู่นั้น ด้านนอกตำหนักปรากฏเสียงความเคลื่อนไหวเป็นระลอก ในเวลานี้เอง ปรากฏกลุ่มคนเดินเรียงหนึ่งเข้ามาภายในตำหนัก กลุ่มคนที่เดินเรียงแถวเข้ามามีทั้งผู้เฒ่าและผู้เยาว์ พวกเขาเดินเรียงแถวเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ เดินเข้ามาด้วยความเคารพนอบน้อม

ผู้ที่เดินนำแถวศิษย์ตระกูลยวีเข้ามาก็คือบรรพบุรุษยวีที่มีผมสีเงินทั้งหัว ตามมาด้วยยวีจู่ นอกจากนี้ยังมีระดับบรรพบุรุษสำคัญๆ หลายคนของตระกูลยวี หลังจากนั้นก็จะเป็นเจ้าบ้านตระกูลยวีและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ค่อนข้างโดดเด่น สำหรับผู้เยาว์ที่อ่อนเยาว์มากที่สุดก็จะมียวียวี่เหลียนและยวีจั่นร่วมอยู่ในขบวนด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล