หลังจากออกจากอาณาจักรทะเลแห่งนี้แล้ว จื่อชุ่ยหนิงได้กล่าวต่อข่งเชียะหมิงหวางว่า “ภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ดีนะที่ได้หมิงหวาง หากไม่เป็นเพราะหมิงหวางยังคงรักษาความหวังของเมืองสมุทรสยบฟ้าเอาไว้ เกรงว่าบรรดาอ๋องต่างๆ คงจะยอมศิโรราบต่อพวกของเย่จิ่วโจวไปหมดแล้ว”
“ท่านเจ้าเมือง นี่เป็นหน้าที่ของข้า และการดำรงอยู่ของเมืองหมิงจู” ข่งเชียะหมิงหวางกล่าวตอบด้วยความเคารพ
หลี่ชิเย่เพียงจ้องมองดูจื่อชุ่ยหนิงทีหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “นังหนู เจ้ามีหอกโลหิตเซียนอยู่ในมือ หากเจ้าต้องการไปจากมันก็ใช่จะเป็นเรื่องยาก การที่เจ้ารั้งอยู่ที่เมืองสมุทรสยบฟ้า เจ้าคิดทำอะไรกันแน่?”
“บรรดาบรรพบุรุษล้วนถูกขังเอาไว้ในหอประชุมมังกรดำ ข้าไม่สามารดนิ่งดูดายได้”
หลี่ชิเย่มองหน้านางทีหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “หอประชุมมังกรดำถูกปิดตาย อาศัยเพียงเจ้ายังไม่อาจคลายออกได้ เกรงว่าแม้แต่กู้จุนก็ต้องศึกษาชาติหนึ่งถึงจะเข้าใจได้ สิ่งนี้หาใช่เจ้าสามารถเปิดมันได้ พวกเขาถูกขังอยู่ในนั้นยังไม่ถึงตายหรอกนะ การรั้งอยู่ที่เมืองสมุทรสยบฟ้าของเจ้าคงไม่เกิดประโยชน์อะไรมากนัก”
จื่อชุ่ยหนิงอ้าปากเหมือนจะพูด แต่ กลับนิ่งเงียบ
“นังหนู ทางที่ดีอย่าได้ปิดบังอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า อีกอย่าง ไม่มีสิ่งใดสามารถรอดไปจากสายตาของข้าได้หรอกนะ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย
“กู้จุนดูแปลกมาก” สุดท้าย จื่อชุ่ยหนิงได้แต่พูดออกมา
“แปลกยังไง?” หลี่ชิเย่หัวเราะและพูดขึ้นมา
“เรื่องนี้ ข้าเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน” จื่อชุ่ยหนิงทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าเองก็เพิ่งจะสังเกตเห็นเมื่อเร็วๆ นี้เอง บรรพบุรุษซานได้บอกต่อข้าว่า ในยุคก่อนวิบากแห่งเต๋า กู้จุนเคยถูกราชามังกรดำทำลายทักษะยุทธทั้งหมด แล้วนำไปขังเอาไว้ในร่องน้ำลึก สุดท้าย เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนตาย จึงได้รับการปล่อยตัวจากปรมาจารย์หลู่ ให้เขาได้หายใจเฮือกสุดท้าย”
“หลู่ฉางซุนใจอ่อนเกินไป” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “กู้จุนเป็นคนอะไร ต่อให้เขาเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย เขาก็มีโอกาสรุกกลับได้! ทักษะยุทธถูกทำลายแล้วไง เขายังคงมีโอกาสฝึกขึ้นมาได้ใหม่ เขาคือใคร หนึ่งในสิบสุดยอดดาวรุ่งนับจากอดีตถึงปัจจุบัน เขาใช่ว่าเพิ่งเคยถูกทำลายทักษะยุทธเป็นครั้งแรก เขายังคงกลับมายืนอยู่ตรงจุดสูงสุดมิใช่รึ!”
จื่อชุ่ยหนิงได้แต่นิ่งเงียบกับคำพูดลักษณะเช่นนี้ เนื่องจากเป็นความจริงที่หลี่ชิเย่พูดได้ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากที่หลู่ฉางซุนได้ตายไปแล้ว เย่จิ่วโจวที่มีชาติกำเนิดมาจากสายของกู้จุนจึงได้กุมอำนาจในเมืองสมุทรสยบฟ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งสำหรับข่งเชียะหมิงหวางด้วยแล้ว นางรู้สึกตระหนกเป็นอันมาก เรื่องที่กู้จุนถูกทำลายทักษะยุทธทั้งหมดนั้น นางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แม้แต่หลู่ฉางซุน และบรรพบุรุษซานก็ปิดปากเงียบในเรื่องนี้กับนาง ข้างในมันเกี่ยวพันถึงความสับสุดยอดอะไรกันแน่
จื่อชุ่ยหนิงกล่าวว่า “ซานจู่บอกว่า ก่อนที่กู้จุนจะตาย ต้องการขุดหลุมให้กับตัวเอง และฝังกลบตัวเองกับมือ”
“หลังจากนั้น กู้จุนได้หายตัวไป” หลี่ชิเย่ไม่ต้องคิดก็รู้ว่ากู้จุนจะใช้วิธีอะไร เขายิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ต่อให้หลู่ฉางซุนมองเห็นกับตาว่าเขาถูกฝังก็ไม่มีประโยชน์อะไร ต้องสับเขาให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น ทำลายกระทั่งชะตาแท้ของเขา จึงมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เขาตายจริงๆ”
“ปรมาจารย์ท่าน ท่าน ท่าน…” จื่อชุ่ยหนิงไม่สะดวกที่จะไปวิจารณ์ปรมาจารย์ของพวกเขา
“ข้ารู้ หลู่ฉางซุนไม่อาจลงมือได้ กู้จุนคือน้าของราชามังกรดำ” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “หลู่ฉางซุนติดตามราชามังกรดำตั้งแต่เล็ก นับถือราชามังกรดำดุจบิดา เขารู้ว่าราชามังกรดำเคยรับปากผู้อื่นว่าจะไม่สังหารกู้จุน ดังนั้น เจ้าเองก็ไม่อาจลงมือได้ หลู่ฉางซุนดีไปหมดทุกอย่าง เสียอย่างเดียวก็คือมีเมตตาและคุณธรรมมากเกินไป”
เรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง ไม่ต้องเอ่ยก็เดาออกได้ เมื่อกู้จุนกลับมาอีกครั้งทุกอย่างก็แตกต่างโดยสิ้นเชิง เวลานี้ต่อให้หลู่ฉางซุนคิดจะจับเขาไปขังเอาไว้ในร่องน้ำลึกอีกครั้งก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
จื่อชุ่ยหนิงกล่าวว่า “แต่ว่า หลังจากที่กู้จุนกลับมาแล้ว เขาได้ทำตัวค่อมต่ำมาโดยตลอด เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ค่อยจะได้ปรากฏตัวออกมา และไม่สนใจเรื่องราวของเมืองสมุทรสยบฟ้า เพียงแต่ให้เย่จิ่วโจวมาดำรงตำแหน่งเท่านั้น”
ส่วนเรื่องที่เย่จิ่วโจวขึ้นดำรงตำแหน่งในเมืองสมุทรสยบฟ้า ต้องยอมรับว่าหลู่ฉางซุนไม่สามารถแย้งอะไรได้ เนื่องจากครั้งนั้นเย่จิ่วโจวไม่ได้กระทำความผิด อีกทั้งราชามังกรดำก็ไม่ได้ลงโทษอะไรเขา เขาได้ทุ่มเทเหน็ดเหนื่อยและมีผลงานที่ใหญ่หลวง ดังนั้น ไม่ว่าจะด้านความสัมพันธ์หรือด้านเหตุผล และหรือกฎของสำนัก ก็ไม่สามารถกล่าวว่าเย่จิ่วโจวจะต้องถูกพัวพันเพราะเรื่องของกู้จุน ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขา
กู้จุนไม่ได้เกรงกลัวต่อหลู่ฉางซุน เพียงแต่เขากำลังอยู่ระหว่างซ่องสุมกำลังเท่านั้นเอง หรือจะพูดแบบไม่น่าฟังก็คือ เขาขี้คร้านจะสู้กับหลู่ฉางซุนและบรรพบุรุษซานของพวกเจ้ามิฉะนั้นล่ะก็ คนอย่างกู้จุนคงแย่งชิงเอาเมืองสมุทรสยบฟ้ามานานแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า
หลี่ชิเย่ย่อมเข้าใจ คนที่กู้จุนต้องการเล่นงานคือเขา ที่กู้จุนเตรียมการคือเล่นงานเขา แน่นอน สิ่งที่กู้จุนยังคงอยากได้มากที่สุดก็คือคลังสมบัติของเมืองสมุทรสยบฟ้านั่น ถ้าหากสามารถเปิดคลังสมบัติแห่งนั้นเข้าไปได้ เขาก็จะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม กระทั่งคิดว่าตัวเองไม่กลัวแม้แต่ราชันเซียน!
“เช่นนั้นแล้ว เจ้าลองพูดถึงสิ่งที่เจ้าพบมาก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่กล่าวต่อจื่อชุ่ยหนิง
จื่อชุ่ยหนิงนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง สุดท้าย นางจ้องมองหลี่ชิเย่แล้วกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “ข้า ข้ารู้สึกว่าคนๆ นี้ไม่ใช่กู้จุน” ขณะที่นางพูดคำๆ นี้ออกมา นางดูไม่ค่อยมั่นใจนัก
“น่าสนใจ ลองว่ามาซิ” หลี่ชิเย่เผยให้เห็นรอยยิ้มเต็มใบหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...