ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1615

ตอนที่ 1615 ความน่าสงสัยของกู้จุน
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้พาข่งเชียะหมิงหวาง และจื่อชุ่ยหนิงจากไป ท่ามกลางความสงบนิ่งของทุกคน

หลังจากออกจากอาณาจักรทะเลแห่งนี้แล้ว จื่อชุ่ยหนิงได้กล่าวต่อข่งเชียะหมิงหวางว่า “ภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ดีนะที่ได้หมิงหวาง หากไม่เป็นเพราะหมิงหวางยังคงรักษาความหวังของเมืองสมุทรสยบฟ้าเอาไว้ เกรงว่าบรรดาอ๋องต่างๆ คงจะยอมศิโรราบต่อพวกของเย่จิ่วโจวไปหมดแล้ว”

“ท่านเจ้าเมือง นี่เป็นหน้าที่ของข้า และการดำรงอยู่ของเมืองหมิงจู” ข่งเชียะหมิงหวางกล่าวตอบด้วยความเคารพ

หลี่ชิเย่เพียงจ้องมองดูจื่อชุ่ยหนิงทีหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “นังหนู เจ้ามีหอกโลหิตเซียนอยู่ในมือ หากเจ้าต้องการไปจากมันก็ใช่จะเป็นเรื่องยาก การที่เจ้ารั้งอยู่ที่เมืองสมุทรสยบฟ้า เจ้าคิดทำอะไรกันแน่?”

“บรรดาบรรพบุรุษล้วนถูกขังเอาไว้ในหอประชุมมังกรดำ ข้าไม่สามารดนิ่งดูดายได้”

หลี่ชิเย่มองหน้านางทีหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “หอประชุมมังกรดำถูกปิดตาย อาศัยเพียงเจ้ายังไม่อาจคลายออกได้ เกรงว่าแม้แต่กู้จุนก็ต้องศึกษาชาติหนึ่งถึงจะเข้าใจได้ สิ่งนี้หาใช่เจ้าสามารถเปิดมันได้ พวกเขาถูกขังอยู่ในนั้นยังไม่ถึงตายหรอกนะ การรั้งอยู่ที่เมืองสมุทรสยบฟ้าของเจ้าคงไม่เกิดประโยชน์อะไรมากนัก”

จื่อชุ่ยหนิงอ้าปากเหมือนจะพูด แต่ กลับนิ่งเงียบ

“นังหนู ทางที่ดีอย่าได้ปิดบังอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า อีกอย่าง ไม่มีสิ่งใดสามารถรอดไปจากสายตาของข้าได้หรอกนะ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย

“กู้จุนดูแปลกมาก” สุดท้าย จื่อชุ่ยหนิงได้แต่พูดออกมา

“แปลกยังไง?” หลี่ชิเย่หัวเราะและพูดขึ้นมา

“เรื่องนี้ ข้าเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน” จื่อชุ่ยหนิงทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้าเองก็เพิ่งจะสังเกตเห็นเมื่อเร็วๆ นี้เอง บรรพบุรุษซานได้บอกต่อข้าว่า ในยุคก่อนวิบากแห่งเต๋า กู้จุนเคยถูกราชามังกรดำทำลายทักษะยุทธทั้งหมด แล้วนำไปขังเอาไว้ในร่องน้ำลึก สุดท้าย เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนตาย จึงได้รับการปล่อยตัวจากปรมาจารย์หลู่ ให้เขาได้หายใจเฮือกสุดท้าย”

“หลู่ฉางซุนใจอ่อนเกินไป” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “กู้จุนเป็นคนอะไร ต่อให้เขาเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย เขาก็มีโอกาสรุกกลับได้! ทักษะยุทธถูกทำลายแล้วไง เขายังคงมีโอกาสฝึกขึ้นมาได้ใหม่ เขาคือใคร หนึ่งในสิบสุดยอดดาวรุ่งนับจากอดีตถึงปัจจุบัน เขาใช่ว่าเพิ่งเคยถูกทำลายทักษะยุทธเป็นครั้งแรก เขายังคงกลับมายืนอยู่ตรงจุดสูงสุดมิใช่รึ!”

จื่อชุ่ยหนิงได้แต่นิ่งเงียบกับคำพูดลักษณะเช่นนี้ เนื่องจากเป็นความจริงที่หลี่ชิเย่พูดได้ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากที่หลู่ฉางซุนได้ตายไปแล้ว เย่จิ่วโจวที่มีชาติกำเนิดมาจากสายของกู้จุนจึงได้กุมอำนาจในเมืองสมุทรสยบฟ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งสำหรับข่งเชียะหมิงหวางด้วยแล้ว นางรู้สึกตระหนกเป็นอันมาก เรื่องที่กู้จุนถูกทำลายทักษะยุทธทั้งหมดนั้น นางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แม้แต่หลู่ฉางซุน และบรรพบุรุษซานก็ปิดปากเงียบในเรื่องนี้กับนาง ข้างในมันเกี่ยวพันถึงความสับสุดยอดอะไรกันแน่

จื่อชุ่ยหนิงกล่าวว่า “ซานจู่บอกว่า ก่อนที่กู้จุนจะตาย ต้องการขุดหลุมให้กับตัวเอง และฝังกลบตัวเองกับมือ”

“หลังจากนั้น กู้จุนได้หายตัวไป” หลี่ชิเย่ไม่ต้องคิดก็รู้ว่ากู้จุนจะใช้วิธีอะไร เขายิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ต่อให้หลู่ฉางซุนมองเห็นกับตาว่าเขาถูกฝังก็ไม่มีประโยชน์อะไร ต้องสับเขาให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น ทำลายกระทั่งชะตาแท้ของเขา จึงมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เขาตายจริงๆ”

“ปรมาจารย์ท่าน ท่าน ท่าน…” จื่อชุ่ยหนิงไม่สะดวกที่จะไปวิจารณ์ปรมาจารย์ของพวกเขา

“ข้ารู้ หลู่ฉางซุนไม่อาจลงมือได้ กู้จุนคือน้าของราชามังกรดำ” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “หลู่ฉางซุนติดตามราชามังกรดำตั้งแต่เล็ก นับถือราชามังกรดำดุจบิดา เขารู้ว่าราชามังกรดำเคยรับปากผู้อื่นว่าจะไม่สังหารกู้จุน ดังนั้น เจ้าเองก็ไม่อาจลงมือได้ หลู่ฉางซุนดีไปหมดทุกอย่าง เสียอย่างเดียวก็คือมีเมตตาและคุณธรรมมากเกินไป”

เรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง ไม่ต้องเอ่ยก็เดาออกได้ เมื่อกู้จุนกลับมาอีกครั้งทุกอย่างก็แตกต่างโดยสิ้นเชิง เวลานี้ต่อให้หลู่ฉางซุนคิดจะจับเขาไปขังเอาไว้ในร่องน้ำลึกอีกครั้งก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว

จื่อชุ่ยหนิงกล่าวว่า “แต่ว่า หลังจากที่กู้จุนกลับมาแล้ว เขาได้ทำตัวค่อมต่ำมาโดยตลอด เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ค่อยจะได้ปรากฏตัวออกมา และไม่สนใจเรื่องราวของเมืองสมุทรสยบฟ้า เพียงแต่ให้เย่จิ่วโจวมาดำรงตำแหน่งเท่านั้น”

ส่วนเรื่องที่เย่จิ่วโจวขึ้นดำรงตำแหน่งในเมืองสมุทรสยบฟ้า ต้องยอมรับว่าหลู่ฉางซุนไม่สามารถแย้งอะไรได้ เนื่องจากครั้งนั้นเย่จิ่วโจวไม่ได้กระทำความผิด อีกทั้งราชามังกรดำก็ไม่ได้ลงโทษอะไรเขา เขาได้ทุ่มเทเหน็ดเหนื่อยและมีผลงานที่ใหญ่หลวง ดังนั้น ไม่ว่าจะด้านความสัมพันธ์หรือด้านเหตุผล และหรือกฎของสำนัก ก็ไม่สามารถกล่าวว่าเย่จิ่วโจวจะต้องถูกพัวพันเพราะเรื่องของกู้จุน ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขา

กู้จุนไม่ได้เกรงกลัวต่อหลู่ฉางซุน เพียงแต่เขากำลังอยู่ระหว่างซ่องสุมกำลังเท่านั้นเอง หรือจะพูดแบบไม่น่าฟังก็คือ เขาขี้คร้านจะสู้กับหลู่ฉางซุนและบรรพบุรุษซานของพวกเจ้ามิฉะนั้นล่ะก็ คนอย่างกู้จุนคงแย่งชิงเอาเมืองสมุทรสยบฟ้ามานานแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้า

หลี่ชิเย่ย่อมเข้าใจ คนที่กู้จุนต้องการเล่นงานคือเขา ที่กู้จุนเตรียมการคือเล่นงานเขา แน่นอน สิ่งที่กู้จุนยังคงอยากได้มากที่สุดก็คือคลังสมบัติของเมืองสมุทรสยบฟ้านั่น ถ้าหากสามารถเปิดคลังสมบัติแห่งนั้นเข้าไปได้ เขาก็จะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม กระทั่งคิดว่าตัวเองไม่กลัวแม้แต่ราชันเซียน!

“เช่นนั้นแล้ว เจ้าลองพูดถึงสิ่งที่เจ้าพบมาก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่กล่าวต่อจื่อชุ่ยหนิง

จื่อชุ่ยหนิงนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง สุดท้าย นางจ้องมองหลี่ชิเย่แล้วกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “ข้า ข้ารู้สึกว่าคนๆ นี้ไม่ใช่กู้จุน” ขณะที่นางพูดคำๆ นี้ออกมา นางดูไม่ค่อยมั่นใจนัก

“น่าสนใจ ลองว่ามาซิ” หลี่ชิเย่เผยให้เห็นรอยยิ้มเต็มใบหน้า

“ข้าไม่สามารถบอกถึงรายละเอียดได้ สรุปก็คือ ข้ารู้สึกว่ามันแปลกๆ ทุกครั้งที่พบเจอเขาจะมีความรู้สึกว่ามันแตกต่าง อีกทั้งยังมีท่าทีที่อ่อนเปลี้ย ให้ความรู้สึกเหมือนคนเขาดูดจนแห้งอย่างนั้น หรือจะบอกว่า เขามีท่าทีเหมือนถูกใครเขายึดเอาร่างไปแล้ว รายละเอียดข้าเองก็บอกไม่ถูก สรุปก็คือมันแปลกมาก” จื่อชุ่ยหนิงไม่รู้ว่าควรจะนำเสนออย่างไรดี

“นี่ นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้กระมัง หากตัวกู้จุนไม่ใช่กู้จุนตัวจริง เย่จิ่วโจวต้องรู้แน่นอน” ข่งเชียะหมิงหวางรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“นี่แหละคือสิ่งที่เหลือเชื่อจริงๆ เย่จิ่วโจวกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เหมือนว่าสิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วไม่มีปัญหาแต่อย่างใด” จื่อชุ่ยหนิงกล่าว

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าเกรงว่าจะมีผู้ยืมมือกู้จุน ลักลอบเข้ามาในเมืองสมุทรสยบฟ้าของพวกเรา เพื่อชิงอำนาจของเมืองสมุทรสยบฟ้าพวกเรา ที่ข้ากังวลมากที่สุดก็คือสมคบคิดกันระหว่างภายนอกและภายใน”

นี่แหละคือเหตุผลที่จื่อชุ่ยหนิงรั้งอยู่ที่นี่ นางไม่เพียงต้องการช่วยเหลือเหล่าบรรพบุรุษที่ถูกขัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องการสืบให้แน่ชัดว่ามันเรื่องอะไรกันแน่

“นังหนู เจ้าไม่เข้าใจกู้จุน ยิ่งไม่เข้าใจเย่จิ่วโจว เย่จิ่วโจวจะเป็นคนดีก็ช่าง เป็นคนร้ายก็ช่าง แต่ว่ามีเรื่องสองเรื่องเขาจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด หนึ่ง ทรยศกู้จุน สอง ทรยศเมืองสมุทรสยบฟ้า ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่เจ้าไม่เข้าใจแน่ กู้จุนจะไม่ปล่อยให้เมืองสมุทรสยบฟ้าตกไปอยู่ในมือของบุคคลภายนอกอย่างเด็ดขาด เขามองว่า เมืองสมุทรสยบฟ้าเป็นของๆ เขา…”

“…แน่นอน เฉกเช่นเจ้าที่เป็นผู้ถูกต้องตามกฎเขายังยอมรับได้ จะอย่างไรเสียง เจ้าก็ดี หลู่ฉางซุนก็ดี บรรพบุรุษซานก็ช่าง ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีฐานะสูงส่ง มีสิทธิ์ที่จะสืบทอดเมืองสมุทรสยบฟ้า แต่หากว่ามีบุคคลภายนอกคิดจะแย่งชิงเมืองสมุทรสยบฟ้าไป กู้จุนจะเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย!”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา กล่าวว่า “แม่ว่ากู้จุนจะเป็นไอ้สารเลวคนหนึ่ง แต่ว่า เรื่องบางเรื่องเขาก็มีหลักการของเขาเอง! เขาใช่ว่าจะเป็นคนถ่อยที่หาดีอะไรไม่ได้เลยสักนิด!”

“หากว่ากู้จุนถูกเขายึดเอาร่างกายไปจริงๆ ล่ะ?” จื่อชุ่ยหนิงยังคงเป็นกังวลอยู่

หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และกล่าวว่า “เจ้าไม่เข้าใจในตัวของกู้จุน จริงๆ นะ ในโลกนี้ใครกันเล่าสามารถยึดเอาร่างกายของกู้จุนไปได้? เจ้าดูถูกกู้จุนมากเกินไปแล้ว ถ้าหากแม้แต่กู้จุนยังถูกคนอื่นมายึดครองร่างกายได้ก็ไม่ใช่กู้จุนแล้วล่ะ อีกทั้ง ความซื่อสัตย์ของเย่จิ่วโจวที่มีต่อกู้จุนนั้นไม่ต้องสงสัย ถ้าหากมีใครชิงร่างกายของกู้จุนจริง คนแรกที่พร้อมแลกชีวิตก็คือเขา!”

“เช่นนั้นแล้ว เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่?” จื่อชุ่ยหนิงถึงกับกล่าวด้วยความสงสัย กู้จุน แตกต่างกันทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสถานภาพหรือลักษณะท่าทางล้วนมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นจุดที่จื่อชุ่ยหนิงสงสัยมากที่สุด

จะอย่างไรเสีย ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญตน ไม่ควรมีสถานภาพที่ไม่คงที่ โดยเฉพาะระดับอย่างกู้จุน ยิ่งไม่สมควรมีสถานภาพที่แปรเปลี่ยนไม่คงที่ อย่างไรก็ตาม นางสามารถมั่นใจได้ว่าไม่ได้เป็นการเสแสร้งแกล้งทำของกู้จุน

“เจ้าจะค่อยๆ เข้าใจเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าวว่า “เจ้าคอยดูอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว หนังดีกำลังจะฉายแล้ว ปริศนาจะได้รับการเฉลยในเร็ววัน”

จื่อชุ่ยหนิงถึงกับกล่าวด้วยความกังวลว่า “บรรดาเหล่าบรรพบุรุษที่ถูกขังเอาไว้จะทำอย่างไรดี?” แม้ว่าบรรดาบรรพบุรุษที่ถูกขังเอาไว้ในห้องประชุมมังกรดำถูกระบุว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ว่า ภายในใจของนางรู้ดีว่าจะต้องเป็นฝีมือของกู้จุนแน่ เพียงแต่นางไม่มีหลักฐานเท่านั้น

หลี่ชิเย่เปิดลัคนาออกมา หยิบเอาหลักกฎเกณฑ์มาข้อหนึ่ง “แคร้งค์” มันได้ถักทอจนกลายเป็นกุญแจดอกหนึ่ง ยื่นให้กับจื่อชุ่ยหนิงกล่าวเฉยเมยว่า “นำติดตัวไป สามารถเปิดห้องประชุมมังกรดำได้”

“จริงหรือ?”หลังจากที่จื่อชุ่ยหนิงรับเอากุญแจดอกนั้นมาแล้วถึงกับเอ่ยขึ้นด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งห้องประชุมมังกรดำของเมืองสมุทรสยบฟ้า แม้แต่บรรพบุรุษของพวกเขาก็เปิดออกมาไม่ได้ คนนอกอย่างหลี่ชิเย่กลับสามารถเปิดได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อจริงๆ

“ไปเถอะ ข้าเคยหลอกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะ

“ตกลง ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” จื่อชุ่ยหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งกล่าวด้วยความหนักแน่น

“ถ้าหากเย่จิ่วโจวกับกู้จุนลงมือจะทำอย่างไร?” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับกังวลขึ้นมา เมื่อเห็นจื่อชุ่ยหนิงจะกลับไปที่เมืองสมุทรสยบฟ้า

“พวกเจ้าไม่เข้าใจตัวของกู้จุน “ หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ข้อแรก ฐานะของเจ้าถูกต้องตามกฎ กู้จุนจะไม่ฆ่าเจ้า ถ้าหากเขาจะฆ่าคงลงมือนานแล้ว เขาต้องการชิงอำนาจ อย่างมากก็ริดรอนอำนาจของเจ้าเท่านั้น ข้อสอง เวลานี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ก่อนหน้านั้นบางทีกู้จุนอาจะอาศัยพวกเจ้าไว้ซ้อมมือ เวลานี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว พวกเจ้าเป็นเพียงตัวแสดงที่เป็นตัวประกอบตัวเล็กๆ เท่านั้น ไม่คุ้มค่าที่เขาต้องไปเสียเวลา ศัตรูที่แข็งแกร่งและเป็นที่หวาดหวั่นมากที่สุดชั่วชีวิตของเขามาแล้ว!”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ เขาถึงกับเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา

“ไปเถอะ ไม่มีปัญหา” หลี่ชิเย่สั่งการกับจื่อชุ่ยหนิงว่า “ยวีไท่จวินจะคอยดูเจ้าอยู่ ยังมีอีกเรื่อง บอกพวกของบรรพบุรุษซาน ทางที่ดีอย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ เวลาที่ฆ่าคนไม่แน่เสมอไปว่าจะไปคอยระวังว่าใครคือคนของสายไหน”

“ข้าเข้าใจ” จื่อชุ่ยหนิงพยักหน้าหนักแน่นจริงจัง รู้ว่าหลี่ชิเย่พุ่งเป้าไปที่ตัวของกู้จุน

แต่ว่า ที่จื่อชุ่ยหนิงไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดหลี่ชิเย่จึงได้มีความแค้นกับกู้จุนได้ นางไม่เคยได้ยินบรรพบุรุษคนไหนเคยเอ่ยถึงว่ากู้จุนกับหลี่ชิเย่มีความแค้นต่อกันมาก่อน

จื่อชุ่ยหนิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นถึงบุญคุณความแค้นระหว่างหลี่ชิเย่กับกู้จุน นางอยากรู้ว่าในนั้นมันเป็นเพราะอะไรกันแน่

แต่ว่า ไม่มีใครยอมบอกนาง และนางก็ไม่สามารถสืบข่าวได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล