ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1616

ตอนที่ 1616 เหมืองแร่เซียนปีศาจระกา
หลังจากที่จื่อชุ่ยหนิงกลับไปที่เมืองสมุทรสยบฟ้าแล้ว หลี่ชิเย่ไม่ได้กลับไปที่ตระกูลยวี เขาพาข่งเชียะหมิงหวางไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง สถานที่ที่น้อยคนที่รู้จัก

หลี่ชิเย่พาข่งเชียะหมิงหวางขึ้นเขาลงห้วย ทะลุผ่านทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ก้าวข้ามดินแดนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ พวกเขาก้าวไปไกลมากๆ พวกเขาดำดิ่งลงบริเวณส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรอุดร ก้าวข้ามบริเวณที่เป็นเขตขั้วโลกของมหาสมุทรอุดร และปีนขึ้นไปบนยอดเขาที่สูงที่สุด

สรุปก็คือ หลี่ชิเย่ได้พาข่งเชียะหมิงหวางก้าวเดินไปเป็นระยะทางที่ยาวเหยียดมาก

“พวกเราจะไปที่ไหนกันหละ?” ข่งเชียะหมิงหวางที่ติดตามหลี่ชิเย่ขึ้นเขาลงห้วย ทะลุผ่านเขตขั้วโลก ก้าวข้ามธารน้ำแข็ง อดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้

“เป็นสถานที่ที่ไกลโพ้นยิ่งนัก ในเมื่อเจ้าสามารถเฝ้ารักษาเมืองหมิงจู ก็สามารถรับรู้ถึงสถานที่แห่งนี้ได้ แน่นอน ในอนาคตเจ้าสามารถหาพบหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับฝีมือของเจ้าเองแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว

ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับยืนเซ่อ ตลอดทางได้ผ่านสถานที่มากมาย ถ้าหากให้นางเดินใหม่อีกรอบหนึ่ง เกรงว่านางคงไม่แน่ว่าจะสามารถจดจำเส้นทางได้

“ทำไมพวกเราไม่ก้าวข้ามทางอากาศล่ะ?” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย นางเชื่อว่าด้วยกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่ต้องสามารถก้าวข้ามทางอากาศได้ และสามารถไปยังเป้าหมายทุกแห่งในเก้าแดนได้

“ถ้าหากก้าวข้ามโดยตรงจะไม่สามารถไปถึงสถานที่แห่งนั้นได้ นี่คือวิธีการหลบเลี่ยงอย่างชาญฉลาดล้ำเลิศทางช่องว่างอากาศอย่างหนึ่ง เจ้าต้องอาศัยวิธีเลี้ยวลดคดเคี้ยวอ้อมผ่านวิธีการหลบเลี่ยงอย่างชาญฉลาดล้ำเลิศทางช่องว่างอากาศนี้ไป จึงสามารถไปถึงสถานที่ที่ต้องการได้” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเรียบเฉย

เมื่อข่งเชียะหมิงหวางได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว พลันเข้าใจทันทีว่า สถานที่ที่พวกเขาต้องการไปจะต้องเป็นสถานที่ที่สำคัญและลึกลับมาก มิฉะนั้นคงไม่น่าเป็นไปได้ที่จะต้องมีการวางวิธีการหลบเลี่ยงทางช่องว่างอากาศให้ล้ำเลิศถึงเพียงนี้

หลี่ชิเย่ พาข่งเชียะหมิงหวางก้าวข้ามภูเขาแม่น้ำจำนวนนับไม่ถ้วน หลังจากทะลุผ่านธารน้ำแข็งทะเลลึกแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงยังสถานที่แห่งหนึ่ง

แม้ว่าข่งเชียะหมิงหวางตั้งใจจะจดจำเส้นทางเอาไว้เงียบๆ แต่ ก้าวเดินด้วยระยะทางที่ยาวเหยียดถึงเพียงนี้ นางก็ไม่แน่ใจแล้วหละ หากจะให้นางเดินด้วยตัวเองอีกรอบหนึ่ง ก็ไม่แน่ว่าจะหาพบ

มันเป็นสถานที่ที่รกร้าง เป็นผืนป่าที่ต่อเนื่องไร้ขอบเขต ภูเขาประหลาดที่สูงตะหง่าน ยามที่ก้าวย่างเข้ามาบริเวณพื้นดินแห่งนี้แล้ว ปรากฏกลิ่นอายที่รกร้างเก่าแก่โบราณโชยเข้ามาปะทะใบหน้า เหมือนว่าป่าที่รกร้างผืนนี้ไม่เคยมีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างนั้น

ท่ามกลางพื้นที่ที่มีความรกร้างและดึกดำบรรพ์ แม้ว่าจะปราศจากผู้คน แต่มีเสียงร้องยาวของวานรดึกดำบรรพ์ เถาวัลย์เก่าแก่ที่ปกคลุมแผ่นฟ้าเอาไว้ เป็นสภาพที่มีชีวิตชีวาและคึกคักยิ่งนัก

เมื่อเหยียบเข้าไปในดินแดนแห่งนี้ และสูดลมหายใจลึกๆ เอาพลังแก่นฟ้าดินที่เข้มข้นมากเข้าไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พื้นที่บริเวณนี้ไม่มีใครได้เข้ามาก่อน อย่างน้อยที่ไม่เคยมีผู้บำเพ็ญตนมาฝึกบำเพ็ญเพียรที่นี่

“เพราะอะไรสถานที่แห่งนี้จึงไม่มีใครมาก่อตั้งสำนักขึ้นที่นี่ล่ะ?” ต่อให้ข่งเชียะหมิงหวาง ไม่รู้เรื่องชีพจรมังกรหรือสภาพที่ตั้ง แต่ว่า เมื่อยืนอยู่ในที่ที่พลังแก่นฟ้าดินเข้มข้นเช่นนี้แล้ว ต่อให้คนที่โง่เขลากว่านี้ก็รู้ว่า หากจะก่อตั้งสำนักขึ้นที่นี่ล่ะก็ ไม่มีที่ไหนเหมาะสมกว่านี้อีกแล้ว

“เนื่องจากที่นี่ไม่อนุญาตให้มีการก่อตั้งสำนักได้ พื้นที่แห่งนี้มีเจ้าของอยู่แล้ว”

“ที่ ที่นี่เป็นสถานที่อะไรกันแน่?” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับกล่าวด้วยความตกใจ

“เหมืองแร่เซียนปีศาจระกา!” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าที่เฉยเมยว่า “โดยปรกติแล้ว สถานที่แห่งนี้อนุญาตให้เฉพาะราชันเซียนเท่านั้น ห้ามบุคคลอื่นนอกเหนือจากนี้กล้ำกรายเข้าไป”

“เหมืองแร่เซียนปีศาจระกา?” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับงงงัน นางไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่แห่งนี้มาก่อน หากสถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือล่ะก็ น่าจะมีการเล่าลือกันจึงจะถูก

“หนึ่งในหกสถานที่ที่เซียนเคยอยู่” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉย

“หนึ่งในหกสถานที่ที่เซียนเคยอยู่!” ข่งเชียะหมิงหวางถึงกับตกใจยิ่งนัก นางเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับหกสถานที่ที่เซียนเคยอยู่มาบ้าง แต่ ไม่คิดว่าหนึ่งในนั้นจะมีชื่อว่าเหมืองแร่เซียนปีศาจระกา

“โลกนี้มีเซียนอยู่จริงรึ?” ข่งเชียะหมิงหวาง ถึงกับกล่าวว่า “หรือบางที ในยุคดึกดำยบรรพ์เคยมีเซียนมาก่อน?”

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ในโลกมีเซียนหรือไม่นั้น ข้ากลับไม่ชัดเจนนัก แต่ทว่า เป็นความจริงที่มีสถานที่บางแห่งยังมีเจ้าแก่ที่เจ้านึกไม่ถึงและยังคงมีชีวิตอยู่ เรียกได้ว่าเจ้าคิดไปได้ไกลแค่ไหน พวกเขาก็ดำรงอยู่ในสถานะไกลเท่านั้น

ข่งเชียะหมิงหวางแทบ หายใจไม่ออก คำพูดของหลี่ชิเย่คลอบคลุมความข้อมูลมากมายเหลือเกิน ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า โลกนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาเข้าใจอย่างนั้น อย่างน้อยก็ไม่เหมือนกับยุคที่พวกเขารู้จัก

ยุคที่เป็นที่รู้จักกันในปัจจุบันยากที่จะศึกษาค้นคว้าถึงยุคของไร้ซึ่งอารยะธรรม ยุคที่แต่ละเผ่าพันธุ์บุกเบิกอารยะธรรม ยุคมืดของเผ่าอเวจี ยังมียุคที่น่าตื่นเต้นและเจิดจรัสในยุคเหล่าราชัน

คำพูดที่หลี่ชิเย่พูดออกมาเป็นการบ่งบอกว่า ก่อนยุคไร้ซึ่งอารยะธรรมยังมียุคอื่นๆ อีก กระทั่งอาจเป็นไปได้ว่า ในยุคที่ดึกดำบรรพ์มากกว่านั้น เคยมีผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะที่น่ากลัวยิ่งยังคงมีชีวิตอยู่ต่อมา

เมื่อข่งเชียะหมิงหวางนึกถึงความน่าจะเป็นเช่นนี้แล้ว ถึงกับตกใจหวาดหวั่นพรั่นพรึง อึดอัดจนหายใจไม่ออก ลองคิดดู มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใดหากสามารถมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ หากผู้ดำรงอยู่ในสถานดึกดำบรรพ์เช่นนี้ปรากฏตัวบนโลกล่ะก็ เกรงว่าคงทำให้เกิดเหตุการณ์ที่น่ากลัวขึ้นมาได้

ขณะที่ข่งเชียะหมิงหวางกำลังอยู่ระหว่างอึดอัดจนหายใจไม่ค่อยจะออก หลี่ชิเย่ได้เดินไปที่ตีนเขาลูกหนึ่ง มองแวบหนึ่งแล้วเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา

“จัดการเก็บกวาดที่นี่สักหน่อย เคลื่อนย้ายกองหินระเกะระกะเหล่านี้ออกไปให้หมด” หลี่ชิเย่สั่งการออกไป “ในเมื่อข้ามาเยี่ยมเยียนคนอื่นเขา ก็สมควรจะมีความเป็นแขกผู้มาเยือนสักหน่อย”

เมื่อข่งเชียะหมิงหวางได้สติกลับมา มองดูสถานที่ที่อยู่ตรงหน้า เห็นเถาวัลย์แก่ขึ้นเต็มไปหมด ทุกทีมีแต่ก้อนหินและหญ้าที่ขึ้นอยู่ทั่วไป

ข่งเชียะหมิงหวางถือว่าเป็นบุคคลระดับแนวหน้าในมหาสมุทรอุดริยู่เหมือนกัน ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่นับว่ามีชื่อเสียงโด่งดังมีฐานะสูงส่ง หากนางจะต้องมาทำงานใช้แรงงานให้กับผู้อื่น มันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในสายตาของผู้อื่น

แต่ว่า ข่งเชียะหมิงหวางในเวลานี้กลับไม่มีการบ่นออกมาแม้แต่คำเดียว พับแขนเสื้อขึ้นลงมือทำงานทันที ฟันเถาวัลย์แก่ ยกก้อนหิน ทำงานอย่างขะมักเขม้นยิ่งนัก เพียงชั่วพริบตาเดียว มือขาวๆ ของนางก็กลับกลายเป็นสกปรกเต็มไปด้วยดินโคลน

กล่าวสำหรับยอดฝีมือดั่งข่งเชียะหมิงหวางแล้ว การเคลื่อนภูเขาย้ายแม่น้ำไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด เพียงแต่ ในเมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ข่งเชียะหมิงหวางไม่กล้า ทำอะไรเร่งร้อนนัก ไม่รู้ว่าที่ตนกำลังเผชิญอยู่คือผู้ดำรงอยู่ในสถานะอย่างไร ดังนั้น นางจึงได้แต่ยกหินวางไปทีละก้อนๆ

สาวงามลักษณะเช่นนี้กลับต้องมาทำงานที่อาศัยแรงงานท่ามกลางป่าเขาที่ปลอดผู้คน เกรงว่าหากเป็นผู้อื่นคงต้องทะนุถนอมและอ่อนโยนต่อสตรี จะยอมปล่อยให้สาวงามเช่นนี้ต้องลำบากเช่นนี้ได้อย่างไร

กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว มันเป็นเรื่องที่อย่างไรก็ได้ไม่มีปัญหา เขาเพียงนั่งยู่ตรงนั้นมองดูข่งเชียะหมิงหวางที่ทำงานใช้แรงงานด้วยท่าทีเฉยเมย

หลังจากความพยายามของข่งเชียะหมิงหวางผ่านไป ในที่สุดก็สามารถจัดการเก็บกวาดพื้นที่บริเวณนี้จนสะอาดเรียบร้อย เวลานี้ ปรากฏถ้ำแห่งหนึ่งขึ้นมา ถ้ำแห่งนี้ลึกจนมองไม่เห็นที่สุดของมัน

หลังจากที่ถ้ำแห่งนี้ได้ปรากฏออกมาแล้ว หลี่ชิเย่จึงได้ลุกขึ้นยืน หัวเราะและใช้มือเคาะที่ปากถ้ำ กล่าวเอ้อระเหยออกมาว่า “เอาล่ะ ท้องฟ้าสว่างแล้ว สมควรตื่นได้แล้ว”

การเคาะปากถ้ำของหลี่ชิเย่หาใช่เป็นการเคาะเพียงเบาๆ เท่านั้น แต่เป็นการเคาะทุบอย่างแรง ทำเอาปากถ้ำสั่นสะเทือนหวั่นไหว ได้ยินเสียงดังปังปังปัง

“ไอ้เวรตัวไหนกล้ามารบกวนการนอนของข้า” ขณะที่หลี่ชิเย่เคาะทุบปากถ้ำอยู่นั้น ภายในถ้ำมืดปรากฎเสียงบ่นดังออกมา

เวลานี้หลี่ชิเย่โบกมือต่อข่งเชียะหมิงหวาง ในใจของข่งเชียะหมิงหวางพลันสะดุ้ง นางรู้ว่าสิ่งดำรงอยู่บางอย่างนางไม่ควรจะได้เห็น และนางก็ไม่กล้ารีบร้อน ค่อยๆ หลบออกไปอย่างช้าๆ

เมื่อข่งเชียะหมิงหวางได้หลบฉากออกไปแล้ว ปากถ้ำที่ดำมืดปรากฎร่างเงาออกมา ท่าทางการเดินของร่างเงานี้เหมือนโซซัดโซเซ คล้ายกระทั่งยืนยังไม่มั่นคง ดูจากท่าทางการเดินของมันแล้ว คล้ายอดอาหารจนจะเป็นลมอยู่แล้ว

เมื่อร่างเงานี้ก้าวเดินออกมาอยู่ท่ามกลางแสงสว่างแล้ว ทำให้สามารถเห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของมันได้อย่างชัดเจน มันกลับเป็นไก่ป่าตัวหนึ่ง เป็นไก่ป่าที่หิวโซจนเหลือแต่กระดูกตัวหนึ่งเท่านั้น

สภาพของไก่ป่าตัวนี้มีขนหลงเหลือติดร่างอยู่หร็อมแหร็มเป็นกระหย่อมเท่านั้น เหมือนว่าอดอาหารมานานเท่าไรไม่รู้กระทั่งขนไก่บนตัวหลุดร่วงจนเกือบจะหมดแล้ว

“ไอ้เวรตัวไหนนะเนี่ยะ ถึงกับกล้าปลุกให้ข้าตื่น ถ้าหากเจ้าไม่ใช่ราชันเซียน ข้าจะบีบเจ้าให้ตายคามือ ถึงกับบังอาจมารบกวนการนอนของข้า!” แม้ว่าเจ้าไก่ป่าตัวนี้หิวโซจนเกือบจะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ทว่า ปีกทั้งสองทำท่าเท้าสะเอวอยู่ กล่าวด้วยท่าทางที่อันธพาลยิ่งนัก

“เจ้าปีศาจไก่ เจ้าเฝ้าประตูมานานเท่าไรแล้ว ถึงกับอดจนมีลักษณะเช่นนี้” หลี่ชิเย่มองดูเจ้าไก่ป่าที่เปี่ยมด้วยอหังการตรงหน้าตัวนี้ กล่าวด้วยท่าทียิ้มแต้ว่า “นี่เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณของพรรคพวกที่ทำกับเจ้านะเนี่ย พวกเขาหลบอยู่ในเหมืองแร่เซียนเสพไอเซียนอย่างสบายใจ แต่กลับปล่อยให้เจ้าต้องหิวโซเกือบตาย”

“เจ้าเป็นใคร…” ดวงตาทั้งสองของไก่ป่าตัวนี้ส่งประกายน่าเกรงขามทันที พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา เดิมดวงตาทั้งสองที่ยังไม่ตื่นนอนดีนักพลันดูน่าเกรงขามในทันใด ประกายตาสามารถทิ่มแทงใครให้ตายก็ได้

“เอาหละ เจ้าปีศาจไก่ ที่ข้ามาก็เพื่อต้องการทวงหนี้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้มาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ คงไม่ถึงกับไม่รู้จักข้าแล้วกระมัง” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทียิ้มแต้

“โอ้แม่เจ้า…” เมื่อเจ้าไก่ป่าได้ยินคำพูดนี้แล้วถึงกับกระโดดเหยงขึ้นมาหลายครั้งและหายง่วงโดยปลิดทิ้งทันที ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ตาไก่คู่นั้นของมันเบิกกว้างและจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่

“ต้องแสดงอะไรขนาดนี้ด้วยรึ? ใช่ว่าข้าเพิ่งจะเคยมาเป็นครั้งแรกเสียเมื่อไหร่” หลี่ชิเย่เกือบจะคุ้นเคยเสียแล้วสำหรับปฏิกิริยาของเจ้าไก่ป่านั่น กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยขึ้นมา

“เจ้าคือไอ้อีกาตัวนั้น…” เจ้าไก่ป่าตัวนี้ก็คือปีศาจระกานั่นเอง มันร้องเสียงดังพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่

“ถูกต้องแล้ว เสียดายไม่มีรางวัลให้” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับท่าทางที่ยิ้มแต้

เป็นคำตอบที่ปีศาจระกาไม่อยากได้ยินมากที่สุด แต่ทว่า ความจริงเป็นเช่นนี้ มันมีลักษณะเหมือนไก่ชนที่พ่ายแพ้การต่อสู้ในทันที ทำคอตกและกล่าวว่า “เจ้าอีกาเจ้ามาที่นี่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนเลย”

“ไม่ใช่…” เวลานี้ ปีศาจระกาทำสูดลมหายใจทีหนึ่ง พลันชูคอขึ้นทันทีและจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ กล่าวว่า “เจ้าไม่เพียงแค่พานังหนูมาคนหนึ่งเท่านั้น เจ้า เจ้ายังชิงเอาร่างจริงกลับมาได้ด้วย!”

“อืมม เจ้าทายได้ถูกต้อง เสียดาย ยังคงไม่มีรางวัลให้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว “อย่างน้อยนังหนูนั่นรึ พานางมาเที่ยวเล่น ภายภาคหน้าจะมีวาสนาหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของนางแล้ว”

“ฮึ ไอ้อีกา เหมืองแร่เซียนปีศาจระกาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเจ้า” ปีศาจระกากล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “เจ้ามาที่ตรงนี้ของพวกเราให้น้อยๆ หน่อย มาเที่ยวนี้ เหมืองแร่เซียนปีศาจระกาพวกเราอะไรก็ไม่มีให้!”

“อาศัยข้ากับเหมืองแร่เซียนปีศาจระการู้จักกันมานานขนาดนี้ จำเป็นด้วยหรือที่ยังไม่ทันพูดอะไรก็ขับไล่ไสส่งกันอย่างนี้เลยรึ?” หลี่ชิเย่ไม่รู้สึกร้อนรนอะไรแม้แต่น้อย และกล่าวว่า “บางที ฝูงปีศาจระกาเช่นพวกเจ้าน่าจะเชิญข้าเข้าไปนั่งเล่น ดื่มน้ำชา คุยสัพเพเหระกันบ้างนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล