ปีศาจระกาพลันตกอยู่ท่ามกลางการนิ่งเงียบเป็นเวลานาน แม้ว่ามันไม่อยากจะเชื่อ แต่ว่าความจริงมันอยู่ตรงหน้า ถึงเขาไม่อยากเชื่อก็ยาก”
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ปีศาจระกาจึงได้สติกลับมา และกล่าวว่า “อีกาทมิฬ เจ้าก็สมควรจะรู้ว่า ของสิ่งนี้มีเพียงชิ้นเดียวในโลกเท่านั้น ถ้าหากมันจบสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกก็ไม่เหลืออะไรอีกเลย!”
“ข้ารู้ ต่อให้นำมันไปสังหารเหล่าเทพและราชันเซียนทั้งหลายก็เป็นอะไรที่ฟุ่มเฟือยมากเหลือเกิน มีเพียงการสู้รบครั้งสุดท้ายเท่านั้นถึงจะคุ้มกับการใช้มัน แน่นอน หากไม่ถึงที่สุดแล้วข้าก็จะไม่นำมันออกมาใช้” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ที่ข้าเอามันออกมา ข้าเพียงต้องการบอกข่าวปีศาจระกาเจ้าเรื่องหนึ่ง ข้าเพียงส่งสัญญาณให้กับเหมืองแร่เซียนปีศาจระกาอย่างหนึ่ง!”
“ในเมื่ออีกาทมิฬอย่างข้าสามารถเอาของสิ่งนี้มาอยู่ในมือได้ เจ้าคิดว่ายังจะมีสิ่งใดบนโลกใบนี้ที่อีกาทมิฬอย่างข้าเอามาไม่ได้อย่างนั้นรึ? หลี่ชิเย่ กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เจ้าเข้าใจว่าข้าสร้างสถานการณ์เพื่อข่มขวัญตบตาอย่างนั้นรึ? เจ้าคิดว่าข้ามีวิธีการเพียงแค่นี้เองรึ เจ้าคิดว่าข้าทำได้แค่นำพาราชันเซียนออกรบเท่านั้นเองรึ….”
“…พูดตรงไปตรงมาเลยนะ ต่อให้เวลานี้ไม่มีราชันเซียนคอยให้การสนับสนุนข้าอยู่เบื้องหลัง ถ้าหากข้าตั้งใจแน่วแน่ที่จะกวาดเหมืองแร่เซียนปีศาจระกาให้ราบ เจ้าเชื่อข้าเถอะ ต่อให้ต้องอาศัยทรัพยากรจำนวนเท่าไร ข้าก็จะจัดการกับเหมืองแร่เซียนปีศาจระกาพวกเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลอง! สิ่งที่อีกาทมิฬอย่างข้าตัดสินใจเด็ดขาดไปทำแล้วไม่มีอะไรที่ทำไม่สำเร็จ ข้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้กระทั่งสุดปลายทางของโลกมาแล้ว เจ้าคิดว่าข้ายังจะเกรงกลัวใครอีกรึ? กล่าวสำหรับข้าแล้ว ไม่ว่าบุคคลนั้นจะดำรงอยู่ในสถานะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ขอเพียงข้าต้องการ ข้าก็จะทำลายล้างพวกมันเสีย เพียงแต่ต้องแลกด้วยค่าตอบแทนมากหรือน้อยเท่านั้นเอง”
ปีศาจระกาถึงกับนิ่งเงียบ หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้พูดคำข้างต้นออกมา มันไม่ต้องการส่งเสียงใดๆ ออกมา เป็นความจริงที่อีกาทมิฬใช่ว่าจะมีเพียงชื่อเสียงที่จอมปลอม เขาเป็นคนที่พูดได้ทำได้จริง สิ่งที่เขาตัดสินใจทำย่อมทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน และนี่ก็คือสิ่งหนึ่งที่เพราะอะไรผู้คนจำนวนมากจึงให้ความเกรงกลัวต่อเขาตลอดเวลาที่ผ่านมา!
ในสายตาของพวกที่แก่จนสมควรจะตายได้แล้วมองว่า อีกาทมิฬคือประเภทที่ฆ่าไม่ตาย มีจิตใจที่แน่วแน่มั่นคงไม่ท้อถอย ต่อให้พ่ายแพ้ในเวลานี้ สักวันหนึ่งเขาจะหวนคืนกลับมาอีกครั้ง แล้วกวาดล้างศัตรูจนสิ้นซาก! สิ่งนี้แหละคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของอีกาทมิฬ จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายได้ เขาสามารถยอมรับได้กับทุกความพ่ายแพ้ หลังการพ่ายแพ้แล้วเขายังคงกลับมาเริ่มต้นได้ใหม่
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่จ้องมองไปที่ปีศาจระกา กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ดังนั้น เวลานี้ขอให้เจ้ามองให้ชัดๆ มองให้ละเอียด มองดูสิ่งที่สุดยอดที่สุดในมือของข้า เจ้าคิดว่ามันมีค่าคู่ควรกับผลึกเซียนหนึ่งร้อยชิ้นหรือไม่ล่ะ?”
“ถือว่าเป็นการขู่กรรโชกของเจ้าอย่างนั้นรึ?” ปีศาจระกาจ้องมองดูหลี่ชิเย่ และกล่าวด้วยท่าทีจนด้วยเกล้าอยู่บ้าง
“เจ้าจะคิดแบบนี้ก็ได้ พวกเจ้าคิดว่าใช่ก็ได้” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “แน่นอน ถ้าหากพวกเจ้าคิดว่าข้ายังคงเป็นสหายคนหนึ่ง หรือจะบอกว่าเป็นพรรคพวกที่ร่วมมือกัน เช่นนั้นแล้วจะไม่เรียกว่าเป็นการขู่กรรโชก”
“แบบนี้เรียกว่าเป็นการลงทุน เป็นสิ่งที่น่าลงทุนมากที่สุด” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น และกล่าวว่า “ไม่ว่าจะพูดว่าอย่างไร จะอย่างไรเสีย การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของข้าก็ต้องนำพาโอกาสที่หาได้ยากยิ่งมาให้กับพวกปีศาจระกาเช่นพวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าสามารถหายใจได้”
“ฮึ แต่หากว่าเจ้าสู้แล้วแพ้ นั่นย่อมหมายความว่าความมืดจะครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง! บางที ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกจะไม่หลงเหลืออยู่อีกเลย!” ปีศาจระกาถึงกับกล่าวพร้อมกับส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา
“แล้วมันจะเป็นอย่างไรกันเล่า?” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ นิดหนึ่ง กล่าวว่า “นับตั้งแต่พวกเจ้าหลบซ่อนตัวอยู่ในนี้ก็ไม่เคยได้เห็นเดือนเห็นตะวันแล้วนี่ การที่ความมืดจะปกคลุมอีกครั้งแล้วจะไปทำอะไรพวกเจ้าได้? อย่างมากที่สุดก็อาจจะมีความเป็นอยู่ที่ลำบากมากขึ้นอีกนิดก็เท่านั้นเอง เมื่อความมืดมิดผ่านพ้นไปแล้ว ทุกสิ่งที่ชำรุดทรุดโทรมจะได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง พวกเจ้าจะได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่แน่นักเหมืองแร่เซียนปีศาจระกาพวกเจ้าอาจมีโอกาสได้ต้อนรับฤดูการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ก็เป็นได้! “
“อีกอย่าง สมควรที่พวกเจ้าต้องอวยพรให้กับข้า อวยพรให้ข้ารบชนะ ถ้าหากข้าชนะ เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าก็เท่ากับได้ต้อนรับแสงอรุโณทัย พวกเจ้าสามารถเห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง ช่างเป็นเรื่องที่ดีอะไรปานนั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะพลางและพูดออกมา
“สวรรค์เท่านั้นที่รู้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จ” ปีศาจระกาได้แต่พูดว่า “ทุกๆ ศักราชที่ผ่านมามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน แต่ว่า ผลสุดท้ายที่ออกมาเป็นอย่างไรล่ะ? จุดจบน่าเวทนาแค่ไหนข้าคงไม่ต้องไปพูดถึง!”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้ารอดูก็แล้วกัน ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถมีชีวิตอยู่จนถึงวันนั้นได้แน่นอน” หลี่ชิเย่กล่าวไปตามอารมณ์ว่า “เจ้ามีโอกาสได้เห็นว่าข้าตายหรือยังคงมีชีวิตอยู่ ขอแสดงความยินดีกับเจ้า ไม่แน่นัก เจ้าอาจจะได้เป็นพยานให้กับสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมาก่อนก็เป็นได้!”
ปีศาจระกานิ่งเงียบอยู่นานมาก สุดท้ายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองดูหลี่ชิเย่ กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “อีกาทมิฬ หนึ่งร้อยชิ้น่ข้ารับปากเจ้าได้ แต่เรื่องอย่างนี้ใช่ว่าข้าคนเดียวสามารถตัดสินใจได้ ข้าจำเป็นต้องปรึกษาหารือกับทุกคนก่อน!”
“ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถโน้มน้าวพวกเขาได้ คำพูดของเจ้ามีพลังโน้มน้าวเสมอมา หรือไม่ใช่?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เป็นเจ้าไม่ใช่หรือที่โน้มน้าวให้พวกเขาลงทุนในตัวข้ามาโดยตลอด? ทุกครั้งที่ข้ามาหยิบยืมผลึกเซียนก็เป็นไปอย่างราบรื่นมิใช่รึ? ข้าเชื่อว่า ครั้งนี้ก็จะไม่เป็นปัญหาเหมือนกัน ข้าจะรอฟังข่าวดีจากเจ้า!”
ปีศาจระกาส่งเสียงฮึออกมาแต่ไม่ยอมพูดอะไร หันหลังจากไปทันที หายตัวเข้าไปในถ้ำมืดที่มองไม่เห็นด้านใน
ความจริงแล้ว เฉกเช่นหลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น พวกเขาไม่มีทางเลือก ไม่ก็คือให้ผลึกเซียนจำนวนหนึ่งร้อยชิ้นกับหลี่ชิเย่ ไม่ก็ทำสงครามกัน ก่อนหน้านั้น บางทีพวกเขาอาจยังพอมีความมั่นใจที่จะเปิดศึกกับอีกาทมิฬอยู่บ้าง ต่อให้พวกเขาเอาชนะอีกาทมิฬไม่ได้ แต่ว่า พวกเขามั่นใจว่าสามารถรักษาเหมืองแร่เซียนเอาไว้ได้
แต่ทว่า เวลานี้มันต่างกัน เมื่ออีกาทมิฬได้หยิบเอาสุดยอดของสิ่งนั้นออกมาแล้ว ปีศาจระกาก็เข้าใจได้ว่า สิทธิ์การเป็นฝ่ายกระทำได้ตกไปอยู่ในมือของอีกาทมิฬและไม่ได้อยู่ในมือข้างฝ่ายพวกเขาอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...