ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1631

ตอนที่ 1631 ติ้งหย่วนโหว
หลงอ้าวเทียนหัวเราะทีหนึ่ง เมื่อมองเห็นค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์ที่สูงตระหง่าน ก้าวเท้าเข้าไปในค่ายกลค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์ด้วยท่าทีอวดดีกำแหงและทะนงตน ทั้งยังไม่มีการป้องกันแม้แต่น้อย เหมือนหนึ่งกำลังเดินเล่นอยู่ในสนหลังบ้านของตนอย่างนั้น ไม่ได้มองค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์อยู่ในสายตาเลย!

“จี๊ด…” ขณะที่หลงอ้าวเทียนก้าวเท้าเข้าไปภายในค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์นั้น บนท้องฟ้าประกฎแสงจากดวงดาวที่ยิงลงมา ยามที่แสงดวงดาวยิงลงมานั้น แม้แต่ท้องฟ้ายังเหมือนสั่นเทาทีหนึ่ง เหมือนว่าแสงดวงดาวสายนี้สามารถยิงทะลุผืนแผ่นดินได้อย่างนั้น

หลงอ้าวเทียนเพียงมองแวบหนึ่ง เมื่อต้องเผชิญกับแสงดวงดาวที่แหลมคมและอหังการยิ่ง ทันใดนั้น แสงจากดวงดาวดังกล่าวได้พุ่งตรงไปยังศีรษะของหลงอ้าวเทียน หวังยิงทะลุศีรษะของเขาไป!

ต่อให้แสงจากดวงดาวยิงเข้ามาจนใกล้จะถึงศีรษะของหลงอ้าวเทียนแล้ว หลงอ้าวเทียนยังคงไม่ได้ขยับตัว เหมือนว่าเขาไม่ทันได้เห็นแสงดวงดาวที่ยิงมาอย่างนั้น

ยอดฝีมือที่ยืนดูอยู่ในระยะห่างไกลถึงกับต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ เมื่อมองเห็นแสงของดวงดาวเข้าใกล้หลงอ้าวเทียนแค่เอื้อมแล้ว แต่หลงอ้าวเทียนยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว หลงอ้าวเทียนนับว่าอวดดีเหลือเกิน แสงดวงดาวที่ยิงเข้ามามีความเร็วที่สูงมาก แม้แต่ระดับจักรพรรดิเทพก็ไม่กล้าประมาท

ดูท่าแสงจากดวงดาวกำลังจะยิงทะลุศีรษะของหลงอ้าวเทียนอยู่แล้ว หลงอ้าวเทียนยังคงไม่ขยับตัว ในเสี้ยววินาทีที่แสงจากดวงดาวกำลังจะสัมผัสกับเส้นผมของเขาอยู่แล้ว หลงอ้าวเทียนจึงได้ขยับตัว

“ปุ…” แสงจากดวงดาวพลาดเป้าไปทันที ต่อให้มันมีความเร็วที่สูงมากและอยู่ใกล้หลงอ้าวเทียนเพียงแค่เอื้อม หลงอ้าวเทียนยังคงหลบพ้นไปได้

อย่างไรก็ตาม ยอดฝีมือจำนวนมากที่ยืนดูอยู่ในระยะห่างไกลต่างมองเห็นไม่ชัดเจนว่าหลงอ้าวเทียนหลบพ้นแสงจากดวงดาวไปได้อย่างไร เหมือนว่าหลงอ้าวเทียนยืนอยู่ตรงนั้นตลอดเวลาและไม่เคยขยับตัวเลย!

“ฟิววว…” เมื่อแสงดวงดาวนี้ยิงพลาดเป้าไปแล้ว มันได้กลับลำในฉับพลันและพุ่งเข้าตำแหน่งหน้าอกของหลงอ้าวเทียนด้วยความเร็วสูงอีกครั้ง

หลงอ้าวเทียนยังคงยืนนิ่งไม่มีการขยับตัวเมื่อเผชิญกับแสงจากดวงดาวที่ยิงเข้ามา จากนั้น “ปุ” แสงดวงดาวยิงพลาดเป้า หลงอ้าวเทียนยังคงหลบแสงจากดวงดาวที่ยิงเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

“จี๊ด จี๊ด จี๊ด…” ในที้สุด ค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์ได้สำแดงเดชออกมาอย่างบ้าคลั่งพลันยิงแสงดวงดาวออกมาเป็นร้อยเป็นพันสายในเสี้ยววินาทีนี้เอง โดยที่แสงดวงดาวเป็นร้อยเป็นพันสายสลับสวนกันไปมาอย่างสับสนวุ่นวาย ดุจดั่งม่านฟ้าแหดินอย่างนั้น ไม่ว่าใครก็ตามหากยืนอยู่ท่ามกลางค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์จะต้องร่างพรุนเหมือนตะแกรงอย่างแน่นอน

แต่ทว่า ต่อให้ค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์ได้สำแดงเดชออกมาอย่างบ้าคลั่งเพียงใดก็ตาม แสงจากดวงดาวนับไม่ถ้วนที่ยิงกราดไปครั้งแล้วครั้งเล่า หลงอ้าวเทียนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ดูไปแล้วเหมือนว่าเขาไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย แสงจากดวงดาวนับร้อยนับพันสายที่กราดยิงเข้าหาตัวเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างบ้าคลั่ง กลับไม่สามารถแตะต้องแม้เพียงชายเสื้อของหลงอ้าวเทียน

สิ่งที่เห็นนี้ใช่ว่าเป็นเพราะค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์ไม่แข็งแกร่งพอ และหาใช่แสงจากดวงดาวนับร้อยนับพันสายมีความเร็วที่ต่ำเกินไป แต่เป็นเพราะความเร็วของหลงอ้าวเทียนนั้นสูงเกินไป สูงจนแซงล้ำหน้าทุกสิ่งทุกอย่าง!

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นล่ะก็ ท่ามกลางค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์เช่นนี้ เกรงว่าคงร่างพรุนจนกลายเป็นตะแกรงไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หลงอ้าวเทียนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับเหมือนไม่มีการเคลื่อนไหวขยับตัวใดๆ ปล่อยให้แสงจากดวงดาวยิงเข้ามาอย่างรุนแรง แต่ไม่สามารถยิงถูกตัวของเขาได้แม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับทุกความเคลื่อนไหวของหลงอ้าวเทียนแล้ว ความเร็วของแสงจากดวงดาวก็คล้ายดั่งเป็นหอยทากอย่างนั้น!

ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ความเร็วของหลงอ้าวเทียนทำให้พวกเขาถึงกับต้องหวาดกลัวยิ่งนัก หลายคนกำลังคิดว่า หากตัวเองต้องเผชิญกับหลงอ้าวเทียนล่ะก็ เกรงว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสกระทั่งได้ลงมือก็ถูกเขาเด็ดเอาศีรษะออกไปแล้ว

“ช้าเหลือเกิน รับการโจมตีไม่ได้แม้เพียงครั้งเดียว” หลังจากที่หลงอ้าวเทียนปล่อยให้แสงดวงดาวยิงอย่างบ้าคลั่งไปตามอำเภอใจแล้ว ส่ายหน้าและกล่าวด้วยความอวดดีว่า “ความเร็วเช่นนี้ตามไม่ทันกระทั่งหอยทาก”

สีหน้าของพวกเจ้าสำนักชิงเฉินซานดูไม่จืดยิ่ง เมื่อถูกหลงอ้าวเทียนวิจารณ์เช่นนี้ แต่ว่าก็จนด้วยเกล้า พวกเขาได้สำแดงพลังของค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์จนถึงขีดสูงสุดแล้ว ยังคงทำอะไรหลงอ้าวเทียนไม่ได้แม้แต่น้อย กระทั่งชายเสื้อยังไม่มีโอกาสสัมผัสด้วยซ้ำ จะโทษหลงอ้าวเทียนที่เยาะเย้ยพวกเขาเช่นนี้ก็ไม่ถูก

“ทำลายค่ายกล…” ทันใดนั้น หลงอ้าวเทียนพลันลงมือแล้ว โดยบุกทะลวงเข้าไปยังจุดที่อันตรายมากที่สุดของค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์

“ปัง…” ฉับพลันนั้น เหมือนเป็นช่องว่าง กาลเวลาถูกทำลายจนแหลกละเอียด ทุกสิ่งเหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้อย่างนั้น ทำให้สามารถมองเห็นทุกอย่างทุกขั้นตอนอย่างละเอียด

หลงอ้าวเทียนพลันลงมือทำลายค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์ ทุกๆ กระบวนท่าที่สำแดงออกไปพร้อมกับสิบแปดขุนพลสวรรค์ที่ถูกซัดจนกระเด็นออกไป

ทันใดนั้น ค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์ถูกทำลายลง เห็นเศษที่แตกละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อน ฉับพลันนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่มองเห็นพวกของเจ้าสำนักชิงเฉินซานพยายามหลบอย่างเต็มที่ แต่ ความเร็วของพวกเขาเมื่อเทียบกับหลงอ้าวเทียนแล้วเรียกว่าช้ายิ่งกว่าหอยทากเสียอีก ไม่สามารถหลบเลี่ยงแต่ละกระบวนท่าของหลงอ้าวเทียนได้เลย

หลังจากที่ค่ายกลสิบแปดขุนพลสวรรค์ถูกทำลายแล้ว นิ้วของหลงอ้าวเทียนที่แหวกอากาศจิ้มเข้าหาพวกเจ้าสำนักชิงเฉินซาน ดูไปแล้วความเร็วของนิ้วนี้ช้ามาก มากจนผู้คนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ความจริงแล้ว นิ้วที่จิ้มออกไปนี้ได้แซงหน้ากาลเวลาไปแล้ว ดังนั้น จึงทำให้ดูเชื่องช้าเป็นพิเศษ!

ยอดฝีมือจำนวนมากที่ยืนดูในระยะห่างไกลต่างดวงตาเบิกกว้าง มองดูว่าพวกเจ้าสำนักชิงเฉินซานที่เป็นสิบแปดขุนพลสวรรค์จะต้องเสียชีวิตภายใต้นิ้วนี้ของหลงอ้าวเทียนหรือไม่ ขณะที่สิบแปดขุนพลสวรรค์เอง ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างมองดูภัยที่กำลังเข้าหาพวกเขา พวกเขาสามารถมองเห็นนิ้วนี้ที่จะเอาชีวิตพวกเขาด้วยการจิ้มแทงทะลุหน้าผากของพวกเขาไป

ต่อให้พวกของสิบแปดขุนพลสวรรค์ที่ได้แต่เบิ่งตามองแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถรับมือกับนิ้วนี้ของหลงอ้าวเทียนได้อยู่แล้ว

เสียงดัง “ปัง…” ทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งชิงเฉินซานสั่นไหวขึ้นมาทีหนึ่ง เหมือนว่าชิงเฉินซานถูกอะไรกระแทกเข้าให้อย่างหนัก แต่ว่า ชิงเฉินซานยังคงสามารถรองรับเอาไว้ได้โดยไม่แตกสลาย

ทันใดนั้นเอง กาลเวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว พลันกลับไปยังสภาพเช่นเดิม และกาลเวลาก็กลับมาเริ่มต้นเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ เฉกเช่นปรกติอย่างนั้น

ในเวลานี้ทุกคนเบิกตามอง และเห็นชัดเจนว่า สิบแปดขุนพลสวรรค์ยังคงมีชีวิตอยู่ พวกเขาถูกคนผู้หนึ่งช่วยเอาไว้ คนผู้นี้ได้ขวางนิ้วที่แหวกอากาศมาของหลงอ้าวเทียนเอาไว้

ผู้ที่ช่วยชีวิตสิบแปดขุนพลสวรรค์เอาไว้เป็นผู้เฒ่าผู้หนึ่ง ผู้เฒ่าผู้นี้แลดูเป็นผู้มีความรู้ลุ่มลึกและมีบุคลิกลักษณะที่สง่างาม สวมชุดสีดำ ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายทมิฬที่เข้ามาปะทะ

สิบแปดขุนพลสวรรค์ที่รอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิด และยังไม่หายจากอาการตื่นตระหนก เมื่อได้สติกลับมามองเห็นผู้เฒ่าผู้นั้นแล้ว พวกเขาต่างทยอยลุกขึ้นยืนคำนับและเรียก “อาจารย์…”

“ติ้งหย่วนโหว สุดยอดจักรพรรดิเทพปราศจากผู้เทียบเทียมแห่งมหาสมุทรอุดร!”ระดับปราชญ์รุ่นอาวุโสถึงกับร้องเสียงดังออกมา เมื่อเห็นผู้เฒ่าผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้า

ติ้งหย่วนโหวคือดาวรุ่งเผ่าปีศาจที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมหาสมุทรอุดร ในยุควิบากแห่งเต๋า ต่อให้ผู้ที่ไม่เคยพบเห็นติ้งหย่วนโหวมาก่อน เมื่อได้ยินชื่อของติ้งหย่วนโหวแล้วก็เหมือนดั่งชื่อนั้นดังก้องอยู่ในรูหู

ติ้งหย่วนโหวเป็นหนึ่งในอัจฉริยะบุคคลของมหาสมุทรอุดรในยุควิบากแห่งเต๋า เขาบรรลุสัจธรรมตั้งแต่วัยหนุ่ม มีความสามารถในการเข้าใจที่สูงมาก เคยขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่สิบของบันไดเสียงสิบสองขั้นแห่งเมืองฟงเหวิน และเสมอด้วยเย่จิ่วโจว!

“โอรสราชันหลงโปรดระงับโทสะ” หลังจากที่ติ้งหย่วนโหวปรากฏออกมาแล้วได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ

ติ้งหย่วนโหวไม่ได้มีกลิ่นอายที่สยบเก้าชั้นฟ้า และไม่มีพลังอำนาจที่ข่มและอหังการทั่วหล้า เวลานี้ เขาเก็บงำพลังลมปราณเอาไว้ ด้วยท่าทีที่แลดูเป็นผู้มีความรู้ลุ่มลึกและมีบุคลิกลักษณะที่สง่างามอย่างบอกไม่ถูก เหมือนว่าเขาคือบัณฑิตผู้หนึ่งอย่างนั้น

แม้ว่าติ้งหย่วนโหวจะดูเหมือนเป็นบัณฑิต ไม่มีกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกหวาดกลัว แต่ว่า ยามที่เขาก้าวเดินออกมากลับทำให้ผู้คนรู้สึกถึงจิตใจที่สงบและปลอดภัย เหมือนว่าขอเพียงมีตัวเขาอยู่ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ไม่หวั่น

“ระงับความโกรธ?” หลงอ้าวเทียนยิ้มกล่าวว่า “ติ้งหย่วนโหว จะให้ข้าหลงอ้าวเทียนหายโกรธก็ไม่ยาก มอบไห่หลินและมังกรทองสี่เล็บออกมา ข้าสามารถละเว้นชิงเฉินซานของพวกเจ้า ไม่ถือโทษที่ชิงเฉินซานล่วงเกินข้า!”

คำพูดลักษณะเช่นนี้นับว่าประมาทและอหังการยิ่ง ใช่เพียงแค่ข่มผู้อื่นว่าตนเองเหนือกว่า แต่เป็นการมองว่าผู้กล้าใต้หล้าไม่มีตัวตน!

ผู้คนจำนวนมากรู้สึกอึดอัดจนบอกไม่ถูก เมื่อได้ยินคำพูดของหลงอ้าวเทียนแล้ว แต่ว่า ทุกคนสามารถเข้าใจได้ว่าหลงอ้าวเทียนมีสิทธิ์พูดเช่นนี้ได้แน่นอน

ติ้งหย่วนโหวส่ายหัวเบาๆ กล่าวว่า “โอรสราชันหลง เด็กคนนี้มีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับชิงเฉินซานของพวกเรา หวังว่าโอรสราชันหลงจะยั้งมืออภัยให้เขาสักครั้งได้ไหม?”

แม้แต่ติ้งหย่วนโหวก็พูดเช่นนี้ ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องตกใจยิ่ง ไห่หลินกับชิงเฉินซานเกี่ยวข้องอะไรกันแน่? กระทั่งติ้งหย่วนโหวยังต้องปกป้องเขา ดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างไห่หลินกับชิงเฉินซานไม่ธรรมดาจริงๆ มิฉะนั้นแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ชิงเฉินซานจะพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพียงเพื่อไห่หลินคนเดียวเท่านั้น!

“ติ้งหย่วนโหว เรื่องนี้เกรงว่าข้าคงให้เกียรติท่านไม่ได้” หลงอ้าวเทียนส่ายหน้าและกล่าวว่า “หากเป็นคนอื่น เพื่อเห็นแก่ติ้งหย่วนโหวท่านร้องขอ ข้าพอจะปล่อยเขาได้ แต่ไห่หลินข้าละเว้นไม่ได้ เขาเป็นศัตรูกับข้าครั้งแล้วครั้งเล่า หากไว้ชีวิตเขาดูจะมีเมตตาเกินไปเสียแล้ว

ติ้งหย่วนโหวไม่ได้แสดงความโกรธออกมา ยังคงแลดูเป็นผู้มีความรู้ลุ่มลึกและมีบุคลิกลักษณะที่สง่างาม กล่าวว่า “ในเมื่อโอรสราชันหลงหลงไม่ยอมอ่อนข้อให้ เช่นนั้นแล้ว ชิงเฉินซานได้แต่ล่วงเกินแล้ว หากมีสิ่งใดไม่เหมาะสมหวังว่าโอรสราชันหลงหลงจะให้อภัย”

ตั้งแต่ต้นจนจบ ท่าทีของติ้งหย่วนโหวก็จะเนิบๆ แบบนี้ และแลดูเป็นผู้มีความรู้ลุ่มลึกและมีบุคลิกลักษณะที่สง่างามยิ่งนัก เหมือนไม่มีอารมณ์โกรธเลยแม้แต่น้อย

“ติ้งหย่วนโหว นับว่าท่านมีฝีมืออยู่บ้าง” หลงอ้าวเทียนหัวเราะก๊ากออกมา และกล่าวว่า “แต่ว่า อาศัยท่านที่เพิ่งจะก้าวขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิเทพมหัศจรรย์ ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”

ทุกคนต่างรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของหลงอ้าวเทียน ผู้ที่มีทักษะอ่อนไม่รู้ว่าจักรพรรดิเทพชั้นมหัศจรรย์คืออะไร มีเพียงผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสจึงรู้ว่าจักรพรรดิเทพชั้นมหัศจรรย์คืออะไร

“ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเหลือเกิน ติ้งหย่วนโหวถึงกับได้เป็นจักรพรรดิเทพชั้นมหัศจรรย์แล้ว!” จักรพรรดิเทพรุ่นอาวุโสถึงกับตระหนก พึมพำออกมาว่า “ไม่เสียทีที่เป็นสุดยอดดาวรุ่งอันดับหนึ่งเผ่าปีศาจของมหาสมุทรอุดรนะเนี่ย”

“โอรสราชันหลงหลงกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าพื้นฐานอ่อนด้อย สัจธรรมเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง แค่ฝืนแตะขอบประตูได้นิดหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ถึงขั้นจักรพรรดิเทพชั้นมหัศจรรย์อะไรนั่น!” ติ้งหย่วนโหวไม่ได้ยโส ยังคงกล่าวด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติว่า “เทียบกับพี่เย่ที่เป็นจักรพรรดิเทพชั้นมหัศจรรย์จริงๆ แล้ว ข้ายังห่างชั้นอีกมาก!”

คำพูดของติ้งหย่วนโหวก็ใช่ว่าจะถ่อมตน เขาเองก็เพิ่งจะได้เข้าถึงความลึกซึ้งพิสดารของจักรพรรดิเทพชั้นมหัศจรรย์ไม่กี่ปีมานี้เอง เหมือนดั่งที่เขาได้พูดเอาไว้ว่า เขาแค่คลำแตะแค่ขอบประตูเท่านั้น

ความจริงแล้ว สิ่งนี้กล่าวสำหรับติ้งหย่วนโหวนับว่าไม่ง่ายเลย ชิงเฉินซานที่เป็นชาติกำเนิดของเขาไม่ใช่สายสำนักราชันเซียน หลักสัจธรรมของเขาไม่ดีพอ ดังนั้น เขาจึงให้ความหมายตนเองว่าไม่ใช่จักรพรรดิเทพชั้นมหัศจรรย์ที่แท้จริง

แม้ติ้งหย่วนโหวจะพูดเช่นนี้ก็ตาม แต่ว่า ได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกใจหายใจคว่ำ เนื่องจากติ้งหย่วนโหวนั้นกำเนิดในยุควิบากแห่งเต๋า อีกทั้งยังมีชาติกำเนิดเช่นชิงเฉินซาน แต่กลับประสบความสำเร็จได้ถึงเพียงนี้ นับว่าเยี่ยมยอดมากแล้ว ถ้าหากเขาเกิดในยุคที่เจริญรุ่งเรืองล่ะก็ ไม่แน่นักอาจดำรงอยู่นฐานะสามารถต่อกรกับราชันเซียนซึ่งหน้าได้มานานแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล