ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1641

ตอนที่ 1641 เมื่อผลสุกงอมย่อมหลุดจากขั้ว
สำหรับคำพูดของหลี่ชิเย่นั้น ผู้หญิงที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองเพียงส่งเสียงฮึออกมาคำหนึ่ง

หลี่ชิเย่ไม่ถือสา หยิบขวดหยกพิสุทธิ์ที่ลอยน้ำอยู่ในแอ่งน้ำ จากนั้นเอาผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองม้วนแล้วค่อยๆ หย่อนลงไปในขวดหยกพิสุทธิ์

ทันทีที่ผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองถูกหย่อนลงไปในขวดหยกพิสุทธิ์ ได้ยินเสียงดัง “จี๊ดจี๊ดจี๊ด” ขึ้นมา เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างกำลังถูกละลาย จากนั้น เห็นปากขวดหยกพิสุทธิ์มีควันลอยม้วนตัวขึ้นมา เหมือนว่าควันที่ลอยขึ้นมาเป็นควันพิษอย่างนั้น

หลี่ชิเย่มองดูควันที่ม้วนตัวลอยขึ้นมา ยิ้มกล่าวว่า “ช่างเป็นคำสาปที่น่ากลัวเหลือเกิน กาลเวลาที่ผ่านไปอย่างยาวนาน เคยผนึกเพื่อชำระล้างมาช้านาน พิษที่หลงเหลืออยู่ยังคงน่ากลัวขนาดนี้”

ครั้งนั้น ผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองนี้ถูกผนึกเอาไว้ในกระปุกดินเผาเคลือบโบบราณ ผ่านการผนึกและชำระล้างมาอย่างยาวนาน แต่ว่า ยังคงมีพลังคำสาปที่น่ากลัวเช่นนี้ ย่อมประเมินได้ว่าคำสาปลักษณะเช่นนี้ในครั้งนั้นมันน่ากลัวและน่าตกใจเพียงใด

หลังจากที่หลี่ชิเย่ผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองถูกใส่เอาไว้ในขวดหยกพิสุทธิ์แล้วได้เก็บมันเอาไว้ จากนั้นมองดูน้ำแก่นผลึกที่สะสมอยู่จนเป็นแอ่งนั่นถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา และกล่าวว่า “แม้ว่าจะเป็นของเสียแต่ก็อย่าให้พลาดโอกาส ควรใช้มันให้เกิดประโยชน์”

แม้ว่าส่วนที่เป็นแก่นทั้งหมดของน้ำแก่นผลึกที่อยู่ในแอ่งน้ำนั้นจะถูกขวดหยกพิสุทธิ์ดูดเอาไปจนหมดสิ้น แต่ว่าผลึกพิสุทธิ์กาลเวลาเป็นของวิเศษเซียนที่พบได้ยากมาก ผู้คนในโลกไม่สามารถได้สิ่งของเช่นนี้อยู่แล้ว ที่ล้ำค่ามากไปกว่านั้นก็คือ ผลึกพิสุทธิ์กาลเวลากว่าจะมีน้ำแก่นผลึกซึมออกมาได้หยดหนึ่งต้องใช้เวลานานถึงหนึ่งหมื่นปี ย่อมประเมินได้ว่าน้ำแก่นผลึกล้ำค่าเพียงใดแล้ว

แอ่งน้ำที่อยู่ตรงหน้าถูกดูดเอาส่วนที่เป็นแก่นไปจนหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ซึ่งหลี่ชิเย่เรียกมันว่าเป็นน้ำเสียนั้น ความจริงแล้ว กล่าวสำหรับ มนุษย์ปุถุชนต่อให้เป็นน้ำเสียยังคงเป็นน้ำทิพย์ที่ล้ำค่ายิ่งนัก!

“ข้ามีของสิ่งหนึ่งต้องการล้างเอาสิ่งเจือปนออกไปอยู่พอดี ต้องการทำให้มันบริสุทธิ์” หลี่ชิเย่ ยิ้มพร้อมกับเปิดลัคนาออก และปล่อยสิ่งหนึ่งออกจากแปลงสมุนไพร

สิ่งที่หลี่ชิเย่ปล่อยออกมาจากแปลงสมุนไพรเซียนในลัคนาก็คือเถาวัลย์สุริยัน มันถึงกับร้องออกมาด้วยความดีใจเมื่อถูกหลี่ชิเย่ปล่อยออกมา

เมื่อเถาวัลย์สุริยันมองเห็นน้ำแก่นผลึกที่สะสมจนกลายเป็นแอ่งน้ำถึงกับตื่นเต้นยิ่งนัก อดที่จะร้องออกมาด้วยความดีใจ จากนั้น “ตูม” กระโดดปักลงไปในแอ่งน้ำนั่น

ความจริงแล้ว สิ่งที่หลี่ชิเย่เรียกว่า “น้ำเสีย” ในแอ่งน้ำนั่น มันคือน้ำทิพย์ที่ล้ำค่ายิ่งนัก โดยเฉพาะในด้านการชำระล้างยากที่จะมีน้ำทิพย์ใดๆ สามารถเทียบเคียงกันมันได้

หลังจากที่เถาวัลย์สุริยันได้หยั่งรากลงในแอ่งน้ำ ได้ทำการดูดซึมน้ำแก่นผลึกอย่างบ้าคลั่ง แทบอยากจะดูดน้ำในแอ่งให้หมดในคำเดียว ดังนั้น เวลานี้จึงได้ยินเสียงดัง “จ๊าบ จ๊าบ จ๊าบ” คล้ายวัวดื่มน้ำ

เวลานี้ เถาวัลย์สุริยันมีสีดั่งทองคำไปทั้งต้น ทั้งกิ่งและใบทั้งหมดล้วนแล้วแต่เหมือนหล่อขึ้นมาจากทองคำ ภายในกายของเถาวัลย์สุริยันมีประกายสีแดงที่ไหลริน เหมือนว่าในกายของเถาวัลย์สุริยันมีไฟที่ร้อนแรงหลั่งไหลอยู่ และดูเหมือนว่าไฟร้อนแรงที่หลั่งไหลอยู่ในกายของเถาวัลย์สุริยันมีความรุนแรงยิ่งนัก สามารถเผาผลาญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างได้

เถาวัลย์สุริยันคือเถาวัลย์เซียนที่พบเห็นได้ยากมากชนิดหนึ่ง ภายในกายของมันได้เก็บเพลิงแก่นที่น่ากลัวเอาไว้ ซึ่งเพลิงแก่นชนิดนี้มีชื่อว่าเพลิงแก่นสุริยันเขียว เพลิงแก่นชนิดนี้มีอานุภาพสูงมาก

เถาวัลย์สุริยันได้ติดผลน้ำเต้ามาลูกหนึ่ง ผลน้ำเต้าลูกนี้นับว่าสุกงอมแล้ว ดูไปแล้วน่าจะได้เวลาที่ต้องร่วงหล่นจากต้น แต่มันกลับห้อยอยู่บนต้นเถาวัลย์สุริยัน ไม่ยอมร่วงหล่นลงมาสักที

ผลน้ำเต้าลูกนี้ของเถาวัลย์สุริยันติดอยู่อย่างนั้นมานานมากแล้ว มันได้ผ่านการล้างกายาด้วยกาลเวลาที่ยาวนาน ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้สามารถได้ยินเสียงฟ้าร้องดังเป็นระลอกจากผลน้ำเต้าลูกนี้ เนื่องจากผลน้ำเต้าลูกนี้มีพลังที่ดึกดำบรรพ์แฝงอยู่ภายใน

ถ้าหากนับตามระยะเวลา มันสมควรหลุดออกจากขั้วของมันนานแล้ว แต่ มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากมันยังไม่สมบูรณ์แบบ

ความจริงแล้ว หลี่ชิเย่ได้ทุ่มเทพลังกายใจเพื่อผลน้ำเต้าลูกนี้ไปไม่น้อย เคยรดด้วยน้ำอมฤทธิ์และน้ำทิพย์จำนวนไม่น้อย แต่ว่า จะเป็นหลี่ชิเย่ก็ดี หรือเถาวัลย์สุริยันก็ช่าง ต่างก็ฝากความหวังกับผลน้ำเต้านี้มากทีเดียว แต่จนแล้วจนรอดผลน้ำเต้าลูกนี้ยังคงขาดอยู่แค่นั้น ดังนั้น มันจึงไม่ยอมหลุดออกจากขั้วเสียที

“จ๊าบ จ๊าบ จ๊าบ…” เถาวัลย์สุริยันดูดเอาน้ำแก่นผลึกเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง จนน้ำแก่นผลึกหมดเกลี้ยงภายในระยะเวลาอันสั้น เวลานี้ เถาวัลย์สุริยันทำท่าเหมือนเรอออกมาอย่างนั้น

เวลานี้ เสียง “ปัง” ดังขึ้น ทุกๆ กิ่งก้านและใบของเถาวัลย์สุริยันล้วนแล้วแต่ปรากฎเป็นควันและไอน้ำออกมา เวลานี้ปรากฏไอน้ำที่ปกคลุมหนาทึบ

บนกิ่งไม้ทุกกิ่ง ใบไม้ทุกใบของเถาวัลย์สุริยันปรากฎเชื้อไฟที่มีสีเขียวอ่อนๆ วิ่งไปมา ที่แท้เถาวัลย์สุริยันอาศัยเพลิงเขียวสุริยันที่อยู่ภายในกายของตนมากลั่นน้ำแก่นผลึกที่ดูดซึมเข้าไป มันจะรีดกลั่นเอาแก่นที่อยู่ในน้ำแก่นผลึกออกมา

สุดท้าย ได้ยินเสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้นมาแผ่วเบา เวลานี้สามารถมองเห็นทางน้ำเล็กๆ ที่ไหลไปยังผลน้ำเต้า ในเวลานี้เองผลน้ำเต้าเหมือนถูกหุ้มด้วยฟิล์มบางๆ และฟิล์มบางๆ ดังกล่าวค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในผลน้ำเต้า

จากเวลาที่เคลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก ได้ยินเสียงหนึ่งดังขี้น ผลน้ำเต้ากลับมีบางสิ่งที่ซึมออกมาเป็นหยด

สิ่งที่ซึมออกมาแต่ละหยดนั้นดูเป็นสีแดงชาด แต่มองดูให้ละเอียดมันเหมือนเป็นเศษทองมากกว่า เหมือนเป็นเศษทองที่เหลือจากการกลั่นทองคำ

สิ่งนี้ก็คือสาเหตุที่ผลน้ำเต้าลูกนี้ไม่สุกจนหลุดออกจากขั้วเสียที เนื่องจากน้ำเต้านี้ยังไม่บริสุทธิ์พอ ภายในผลน้ำเต้ายังมีสิ่งเจือปนอยู่ และส่งผลต่อคุณภาพโดยรวมของผลน้ำเต้าผลนี้

แม้ว่าสิ่งเจือปนที่มีอยู่ภายในผลน้ำเต้าเล็กน้อยมาก แต่ว่า มันส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อผลน้ำเต้าทั้งลูก หากแม้มีสิ่งเจือปนเพียงน้อยนิดก็จะส่งผลให้คุณภาพผลน้ำเต้าลดลงหนึ่งระดับ ลดลงไปหนึ่งชั้น!

สุดท้าย ภายใต้การทำให้บริสุทธิ์โดยน้ำแก่นผลึก ในที่สุด ผลน้ำเต้าลูกนี้จึงได้ขจัดเอาสิ่งเจือปนออกไปได้ทั้งหมด จากนั้น ได้ยินเสียง “ตูม” เบาๆ และเสียงดัง “เปรียะเปรียะ” ในเวลานี้ เถาวัลย์สุริยันปรากฏมีฟ้าแลบขึ้นเป็นสายๆ วิ่งพรวดออกมาขณะที่สายฟ้าวิ่งพรวดออกมาผลน้ำเต้าทำท่าเหมือนจะบินอย่างนั้น ฟ้าแลบนั้นเหมือนกลับกลายเป็นปีกคู่

“ตุ้บ” เสมือนหนึ่งเป็นเสียงหัวใจเต้นที่ส่งมาจากใต้พื้นดิน นาทีนี้ ผลน้ำเต้าลูกนี้ก็ได้เวลาที่สุกงอมและหลุดจากขั้วแล้ว มันร่วงหล่นจากขั้วต้นเถาวัลย์ลงมา จากนั้นค่อยๆ ลอยตัวขึ้นทำท่าจะบินหนีไป

แต่ว่า เมื่อมีหลี่ชิเย่อยู่ไหนเลยจะปล่อยให้ผลน้ำเต้าบินหนีไปได้กันเล่า ในเสี้ยววินาทีหลี่ชิเย่พลันคว้าผลน้ำเต้าเอาไว้อยู่ในมือ

ผลน้ำเต้าเปล่งประกายระยิบระยับในมือของหลี่ชิเย่ ดูไปแล้วคล้ายดั่งเป็นน้ำเต้าทองอย่างนั้น อีกทั้งยังได้ส่งเสียงฟ้าร้องดัง “เปรียะ เปรียะ เปรียะ” เป็นเสียงที่ดังยาวและใสกังวานมาก และดูมีพลังยิ่ง เหมือนว่าภายในผลน้ำเต้านี้แฝงไว้ซึ่งฟ้าดินที่ขมุกขมัวเอาไว้ภายใน เหมือนว่าข้างในมีฟ้าดินแห่งใหม่และคนถือกำเนิดขึ้นอย่างนั้น

เมื่อน้ำเต้าทองลูกนี้อยู่ในมือ ต่อให้ผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยก็ดูออกว่ามันต้องเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากชิ้นหนึ่ง

“ของยอดเยี่ยม” หลี่ชิเย่มองดูผลน้ำเต้าทองที่ส่งประกายระยิบระยับในมือแล้วถึงกับกล่าวว่า “นับว่าเป็นหยกที่ยังไม่ได้ผ่านการเจียระไน ข้าจะทำการเจียระไนอย่างดีที่สุด อนาคตจะต้องเป็นที่จับตามองอย่างแน่นอน

ผลน้ำเต้านี้นับเป็นสิ่งเดียวในโลก หากผ่านการหลอมกลั่นล่ะก็ มันจะต้องกลายเป็นของวิเศษที่ทรงพลังและน่ากลัวยิ่งชิ้นหนึ่ง!

บริเวณมหาสมุทรอุดรเงียบสงบยิ่ง แต่ว่า มันเป็นความเงียบสงบก่อนพายุฝนจะเกิด เป็นบรรยากาศความเงียบที่กดดันจนผู้คนจำนวนมากรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก โดยเฉพาะบรรดาผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโส พวกเขาไวต่อความรู้สึกเหมือนได้กลิ่นของพายุฝนฟ้าคะนองกำลังมาเยือนแล้ว

หลังจากที่หลี่ชิเย่จัดการซัดหลงอ้าวเทียนจนกระเด็นไปแล้ว น้อยคนนักในมหาสมุทรอุดรกล้าพูดถึงเรื่องนี้ อย่างน้อยที่สุดน้อยคนนักที่จะพูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย ส่วนมากได้แต่พูดถึงบ้างเป็นการส่วนตัว

แม้ว่าหลงอ้าวเทียนจะถูกคนโหดอันดับหนึ่งซัดจนกระเด็นกระดอนไป แต่ว่า ทุกคนต่างรู้ดีว่า ขอเพียงพรรคเซียนเหินยังคงอยู่ มันก็เหมือนดั่งก้อนหินขนาดยักษ์ที่กดทับอยู่บนอกของคนทุกคน

โดยเฉพาะหลายวันมานี้ มีศิษย์ และยอดฝีมือของพรรคเซียนเหินจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกส่งมายังมหาสมุทรอุดร มองเห็นเรือขนาดยักษ์แต่ละลำที่ร่อนลงมาจากท้องฟ้า เห็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูก ตำหนักวิหารโบราณที่ปรากฏเหนือท้องฟ้า ทำให้บรรยากาศทั่วทั้งมหาสมุทรอุดรดูตึงเครียดขึ้นมา

เวลานี้ ดูเหมือนพรรคเซียนเหินได้โยกกำลังจำนวนหมื่นแสนจากพื้นที่บรรพชนของตนเองมา ส่งกองทัพแล้วกองทัพเล่าเข้ามา เหมือนต้องการเตรียมการทำการใหญ่

เมื่อยอดฝีมือจำนวนมากมายเช่นนี้ของพรรคเซียนเหินปรากฎตัวขึ้นที่มหาสมุทรอุดร ทุกคนต่างเข้าใจได้ว่า พายุฝนฟ้าคะนองที่แท้จริงกำลังจะมาถึงแล้ว

เมื่อนึกถึงหนึ่งสำนักห้าราชันเซียนเช่นพรรคเซียนเหินที่จะประกาศศึกกับมหาสมุทรอุดรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักเช่นใดก็ตาม ภายในใจของพวกเขาถึงกับต้องสั่นเทา ถ้าหากไฟแห่งสงครามเกิดขึ้นที่มหาสมุทรอุดร ผลที่จะตามมาย่อมสุดจะคาดคิด ไม่แน่นักอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นที่มหาสมุทรอุดร เป็นไปได้ว่าอาจมีสำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากต้องกลายเป็นเถ้าธุลีจากศึกสงครามในครั้งนี้

“หวังว่าคนโหดอันดับหนึ่งสามารถปราศจากผู้ต่อกร หวังว่าเขาสามารถกระทำให้ถึงที่สุด ให้ศัตรูไม่สามารถฟื้นคืนได้อีกในคราเดียว”บรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยบรรดาสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ ล้วนแล้วแต่ แอบอธิฐานอยู่ภายในใจ

แม้ว่าคนโหดอันดับหนึ่งก็ไม่ใช่คนดีอะไรหนักหนา แต่ว่า ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจได้ว่า คนโหดอันดับหนึ่งไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับพื้นที่ของมหาสมุทรอุดรสักเท่าไร

แต่แตกต่างกับพรรคเซียนเหินโดยสิ้นเชิง พรรคเซียนเหินลงมาที่มหาสมุทรอุดร พวกเขาต้องการสร้างฐานที่มั่นที่เป็นของตนเอง ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาพร้อมส่งกองทัพเข้าสยบมหาสมุทรอุดรทุกเมื่อ ขณะที่เผ่าปีศาจ และปีศาจทะเลก็คือตัวอย่างให้ได้เห็นกัน!

แน่นอน แม้จะรู้ว่าพรรคเซียนเหินพร้อมเปิดศึกสงครามขึ้นที่มหาสมุทรอุดร แต่ว่า ไม่มีสำนักใด หรือแคว้นใดๆ ลุกขึ้นคิดค้านพรรคเซียนเหิน ลุกขึ้นต่อต้านพรรคเซียนเหิน

ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการลุกขึ้นมาเป็นคนแรก เนื่องจากคนแรกที่ลุกขึ้นมาต้องถูกพรรคเซียนเหินทำลายอย่างแน่นอน ดังนั้น แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากในมหาสมุทรอุดรจึงทยอยกันอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว

ระดับบรรพบุรุษจำนวนมากที่คาดหวังให้คนโหดอันดับหนึ่งสามารถกวาดล้างพรรคเซียนเหินอย่างต่อเนื่อง แต่ว่า ภายในใจของพวกเขาก็ไม่มีความมั่นใจ และรู้สึกว่าความน่าจะเป็นข้อนี่น่าจะต่ำมาก

แม้จะเป็นความจริงที่ว่า คนโหดอันดับหนึ่งนั้นมีความแข็งแกร่งที่สุดจะบรรยาย แต่ว่า การจะกวาดล้างพรรคเซียนเหินให้ถึงที่สุดใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย ความเป็นหนึ่งสำนักห้าราชันเซียนนั้นมีธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งยิ่งนัก การที่มันสามารถยืนหยัดมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นอกจากราชันเซียนแล้ว เกรงว่าในโลกนี้คงไม่มีใครสามารถสั่นคลอนพวกมันได้อีกแล้ว

ในขณะที่พรรคเซียนเหินได้ยกกำลังหมื่นแสนลงมายังมหาสมุทรอุดรอยู่นั้น ยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยของพรรคเซียนเหินเริ่มมีการรวมพลที่บริเวณเกาะกลางแม่น้ำขนาดเล็กของหมิงจู ลักษณะเป็นการปีดล้อมเมืองหมิงจูเอาไว้!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล