ย่อมไม่ต้องพูดถึงเมืองหมิงจู เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องถูกลูกหลง ประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนถูกอพยพออกไปจากเมืองหมิงจูเป็นลำดับแรก ส่วนบรรดาศิษย์ของเมืองหมิงจูทั้งหมดคงอยู่รักษาเมืองหมิงจู ต่อให้ถูกพรรคเซียนเหินปิดล้อม บรรดายอดฝีมือและศิษย์ของเมืองหมิงจูก็จะไม่ถอนตัวออกไปจากเมืองหมิงจู กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วเมืองหมิงจูก็คือบ้านของพวกเขา
แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากในมหาสมุทรอุดรถึงกับตกใจจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก
“พรรคเซียนเหินเป็นพันธมิตรกับเมืองสมุทรสยบฟ้าไม่ใช่รึ? เพราะอะไรพรรคเซียนเหินจึงได้ปิดล้อมเมืองหมิงจูเอาไว้ล่ะ?” ผู้เยาว์ที่เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกไม่เข้าใจยอ่ง
ผู้อาวุโสได้ไขปริศนาให้พวกเขาว่า “เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงโครงสร้างอำนาจของพรรคเซียนเหิน แม้เมืองหมิงจูจะเป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองสมุทรสยบฟ้า แต่ว่า เมืองสมุทรสยบฟ้าไม่สามารถสั่งการโดยตรงกับเมืองหมิงจู หากต้องการสั่งการหรือโยกย้ายเมืองหมิงจูต้องมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อนมาก เรียกได้ว่าเมืองหมิงจูคือเมืองหลักที่เป็นเอกเทศของเมืองสมุทรสยบฟ้า!”
“แต่ จะอย่างไรเสียมันก็คือส่วนหนึ่งของเมืองสมุทรสยบฟ้านะเนี่ย เมืองสมุทรสยบฟ้าไม่มีความจำเป็นต้องให้พรรคเซียนเหินมาตีคนบ้านเดียวกันกระมัง” ผู้เยาว์กลุ่มคนรุ่นใหม่ยังคงเอ่ยขึ้นมาด้วยยังมีข้อฉงนอยู่ในใจ
“เรื่องนี้มันไม่เหมือนกัน” ผู้อาวุโสส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าเมืองหมิงจูเป็นสายของบรรพบุรุษซาน ข่งเชียะหมิงหวางกับเย่จิ่วโจวไม่สามารถไปด้วยกันได้ เรื่องนี้กล่าวสำหรับเย่จิ่วโจวแล้วนับว่าเป็นโอกาสดี ยืมดาบฆ่าคน เขากำลังยืมมือของพรรคเซียนเหินตีเมืองหมิงจู หากพรรคเซียนเหินตีเมืองหมิงจูแตกแล้ว เขาค่อยเอาคืนเขาก็คือผู้มีผลงานมิใช่รึ? ไม่เพียงสามารถเอาเมืองหมิงจูกลับคืนมาได้ ขณะเดียวกันยังทำให้ฐานะในเมืองสมุทรสยบฟ้าของเขามั่นคงยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก”
ความจริงแล้ว ข้ออ้างที่พรรคเซียนเหินล้อมเมืองหมิงจูนั้นง่ายมาก พรรคเซียนเหินประกาศให้เมืองหมิงจูส่งมอบกองกำลังที่หลงเหลือของเผ่าปีศาจ และปีศาจทะเลออกมา
ไม่นานก่อนหน้านั้น พรรคเซียนเหินล้อมปราบพวกเผ่าปีศาจและปีศาจทะเล ทำการกวาดล้างร่องทะเลน้ำลึกจนราบคาบ เข่นฆ่าสังหารเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลที่หลบซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลลึกจนสิ้น เหลือเพียงกำลังส่วนน้อยของเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลที่หนีรอดมาได้ พวกเขาได้หลบหนีเข้าไปยังเมืองหมิงจูที่อยู่ใกล้ที่สุด
ข่งเชียะหมิงหวางในฐานะเจ้าเมืองหมิงจูปฏิเสธข้อเรียกร้องของพรรคเซียนเหินอย่างทันควัน ข่งเชียะหมิงหวางกล่าวด้วยเหตุผลที่ถูกต้องและเปี่ยมด้วยสัจธรรม “เมืองหมิงจูเป็นเมืองท่าหลักด้านการค้าเสรีของมหาสมุทรอุดร ขอเพียงไม่ฝ่าฝืนกฎของเมืองหมิงจู ไม่ว่าผู้ใดก็มีสิทธิ์อาศัยอยู่ในเมืองหมิงจูได้ เมืองหมิงจูจะไม่ยอมมอบแขกที่พักอยู่ในเมืองหมิงจูให้กับผู้หนึ่งผู้ใด หรือสำนักหนึ่งสำนักใดอย่างเด็ดขาด!”
คำตอบที่มีเหตุผลถูกต้องและเปี่ยมด้วยสัจธรรมของข่งเชียะหมิงหวางสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากในมหาสมุทรอุดรถึงกับเหงื่อตกด้วยความอับอาย
ในมหาสมุทรอุดรจะมีใครรึที่กล้าปกป้องเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลกันเล่า? ยกเว้นชิงเฉินซานที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับไห่หลิน! เวลานี้ได้เพิ่มเมืองหมิงจูขึ้นมาอีกหนึ่ง
ขณะที่เมืองหมิงจูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวพันอะไรกับเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลอะไรมากนัก
การกระทำของข่งเชียะหมิงหวางเป็นเพียงต้องการคุ้มครองความเป็นอิสระด้านการค้าของเมืองหมิงจูเท่านั้นเอง
เผ่าปีศาจ และปีศาจทะเลของมหาสมุทรอุดรเกือบถูกพรรคเซียนเหินล้างเผ่าพันธุ์จนสิ้นแล้ว ในมหาสมุทรอุดรหากเป็นสำนักใดๆ ก็ตาม ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะปกป้องคุ้มครองเผ่าปีศาจ และปีศาจทะเลที่เหลือรอดชีวิตมาได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น แล้วยอมเป็นศัตรูกับพรรคเซียนเหิน กระทั่งยอมทำสงคราม แต่ มาวันนี้เมืองหมิงจูกลับทำสิ่งนี้ได้แล้ว
“อิสตรีไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษ” มีระดับบรรพบุรุษถึงกับกล่าวออกมาเหงื่อตกด้วยความอับอาย “ใช่ว่าทุกคนจะเกรงกลัวต่ออำนาจที่แข็งแกร่ง การที่ข่งเชียะหมิงหวางสามารถทำเช่นนี้ได้ นับเป็นสิ่งที่ทำให้บุรุษไม่รู้จำนวนเท่าไรต้องละอาย”
พรรคเซียนเหินทำการปิดล้อมเมืองหมิงจูเอาไว้ ขณะที่เมืองหมิงจูก็เตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับศัตรู บรรดาศิษย์ของเมืองหมิงจูต่างประจำตำแหน่งของตนอย่างเคร่งครัด อีกทั้งระดับบรรพบุรุษของเมืองหมิงจูก็ก้าวสู่สมรภูมิรบด้วยตนเอง ร่วมปกป้องเมืองหมิงจูพร้อมกับเหล่าศิษย์ของเมืองหมิงจู
ทัพใหญ่ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากัน บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียดยิ่งนัก ทั้งสองฝ่ายต่างพร้อมเข้าห้ำหั่นกัน กลิ่นอายการฆ่าอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณเกาะกลางแม่น้ำหมิงจู
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ในบรรยากาศที่ตึงเครียดพร้อมเข้าห้ำหั่นทันที ปรากฎคนผู้หนึ่งที่ด้านหน้าของทั้งสองฝ่าย
เขาเป็นผู้เฒ่าที่รูปร่างสูงใหญ่กำยำ หนวดที่มีสีเงินดั่งเข็มเงิน คลุมด้วยเสื้อคลุมที่สีแดงฉูดฉาด ยามที่ลมพัดมาแรงดูคล้ายดั่งเมฆาเลือดบนท้องฟ้าอย่างนั้น
“เย่จิ่วโจว” แม้แต่ผู้ที่ยืนดูอยู่บนฟากฟ้ายังต้องตกใจและส่งเสียงร้องออกมาเบาไ เมื่อเห็นผู้เฒ่าคนนี้แล้ว
“หมิงหวาง พรรคเซียนเหินคือพันธมิตรของเมืองสมุทรสยบฟ้าพวกเรา พวกเราควรยืนอยู่ฝ่ายเดียวกัน” เย่จิ่วโจวที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้พูดออกมา “หมิงหวางใยต้องนำเมืองหมิงจูเข้าไปพัวพันกับไฟสงครามเพียงเพราะทหารกบฏไม่กี่คนเท่านั้นเล่า”
“บรรพบุรุษเย่” เวลานี้ ข่งเชียะหมิงหวางปรากฏอยู่บนกำแพงเมือง ท่าทีของนางหนักแน่นจริงจัง กล่าวว่า “เมืองหมิงจูเป็นส่วนหนึ่งของเมืองสมุทรสยบฟ้า แต่ว่าตามกฎของบรรพชน เมืองหมิงจูมีกฎของเมืองหมิงจู ถ้าหากคนที่อยู่ในเมืองหมิงจูมีความผิด เมืองหมิงจูย่อมยินดีมอบออกมา แต่หากไม่มีความผิด เมืองหมิงจูจะไม่อนุญาตให้ผู้ใดใช้กำลังกับเมืองหมิงจู และจะไม่ยอมประนีประนอมกับสำนักใดๆ!”
บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่ให้ความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ครั้งนี้ ต่างรู้สึกละอายเมื่อได้ยินคำพูดของข่งเชียะหมิงหวาง คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้บรรดาเจ้าสำนัก และกษัตริย์ของสำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากถึงกับนิ่งเงียบ แม้ว่าทุกคนจะไม่พอใจในการกระทำของพรรคเซียนเหิน แต่กลับไม่มีใครยินดีลุกขึ้นมาต่อต้านพรรคเซียนเหินเป็นคนแรก!
“หมิงหวาง เปิดประตูเมืองชั่วคราว อนุญาตให้ข้าเข้าไปคุยด้วยเป็นไร?” เย่จิ่วโจวพูดกับข่งเชียะหมิงหวางด้วยเสียงอันดัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...