ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1642

ตอนที่ 1642 เย่จิ่วโจวที่สับสนในตัวเอง
ขณะที่พรรคเซียนเหินทำการระดมกำลังพลด้วยท่าทีต้องการปิดล้อมเมืองหมิงจูเอาไว้นั้น ทำให้บรรยากาศทั่วทั้งมหาสมุทรอุดรพลันตึงเครียดขึ้นมา

ย่อมไม่ต้องพูดถึงเมืองหมิงจู เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องถูกลูกหลง ประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนถูกอพยพออกไปจากเมืองหมิงจูเป็นลำดับแรก ส่วนบรรดาศิษย์ของเมืองหมิงจูทั้งหมดคงอยู่รักษาเมืองหมิงจู ต่อให้ถูกพรรคเซียนเหินปิดล้อม บรรดายอดฝีมือและศิษย์ของเมืองหมิงจูก็จะไม่ถอนตัวออกไปจากเมืองหมิงจู กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วเมืองหมิงจูก็คือบ้านของพวกเขา

แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากในมหาสมุทรอุดรถึงกับตกใจจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก

“พรรคเซียนเหินเป็นพันธมิตรกับเมืองสมุทรสยบฟ้าไม่ใช่รึ? เพราะอะไรพรรคเซียนเหินจึงได้ปิดล้อมเมืองหมิงจูเอาไว้ล่ะ?” ผู้เยาว์ที่เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกไม่เข้าใจยอ่ง

ผู้อาวุโสได้ไขปริศนาให้พวกเขาว่า “เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงโครงสร้างอำนาจของพรรคเซียนเหิน แม้เมืองหมิงจูจะเป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองสมุทรสยบฟ้า แต่ว่า เมืองสมุทรสยบฟ้าไม่สามารถสั่งการโดยตรงกับเมืองหมิงจู หากต้องการสั่งการหรือโยกย้ายเมืองหมิงจูต้องมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อนมาก เรียกได้ว่าเมืองหมิงจูคือเมืองหลักที่เป็นเอกเทศของเมืองสมุทรสยบฟ้า!”

“แต่ จะอย่างไรเสียมันก็คือส่วนหนึ่งของเมืองสมุทรสยบฟ้านะเนี่ย เมืองสมุทรสยบฟ้าไม่มีความจำเป็นต้องให้พรรคเซียนเหินมาตีคนบ้านเดียวกันกระมัง” ผู้เยาว์กลุ่มคนรุ่นใหม่ยังคงเอ่ยขึ้นมาด้วยยังมีข้อฉงนอยู่ในใจ

“เรื่องนี้มันไม่เหมือนกัน” ผู้อาวุโสส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าเมืองหมิงจูเป็นสายของบรรพบุรุษซาน ข่งเชียะหมิงหวางกับเย่จิ่วโจวไม่สามารถไปด้วยกันได้ เรื่องนี้กล่าวสำหรับเย่จิ่วโจวแล้วนับว่าเป็นโอกาสดี ยืมดาบฆ่าคน เขากำลังยืมมือของพรรคเซียนเหินตีเมืองหมิงจู หากพรรคเซียนเหินตีเมืองหมิงจูแตกแล้ว เขาค่อยเอาคืนเขาก็คือผู้มีผลงานมิใช่รึ? ไม่เพียงสามารถเอาเมืองหมิงจูกลับคืนมาได้ ขณะเดียวกันยังทำให้ฐานะในเมืองสมุทรสยบฟ้าของเขามั่นคงยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก”

ความจริงแล้ว ข้ออ้างที่พรรคเซียนเหินล้อมเมืองหมิงจูนั้นง่ายมาก พรรคเซียนเหินประกาศให้เมืองหมิงจูส่งมอบกองกำลังที่หลงเหลือของเผ่าปีศาจ และปีศาจทะเลออกมา

ไม่นานก่อนหน้านั้น พรรคเซียนเหินล้อมปราบพวกเผ่าปีศาจและปีศาจทะเล ทำการกวาดล้างร่องทะเลน้ำลึกจนราบคาบ เข่นฆ่าสังหารเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลที่หลบซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลลึกจนสิ้น เหลือเพียงกำลังส่วนน้อยของเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลที่หนีรอดมาได้ พวกเขาได้หลบหนีเข้าไปยังเมืองหมิงจูที่อยู่ใกล้ที่สุด

ข่งเชียะหมิงหวางในฐานะเจ้าเมืองหมิงจูปฏิเสธข้อเรียกร้องของพรรคเซียนเหินอย่างทันควัน ข่งเชียะหมิงหวางกล่าวด้วยเหตุผลที่ถูกต้องและเปี่ยมด้วยสัจธรรม “เมืองหมิงจูเป็นเมืองท่าหลักด้านการค้าเสรีของมหาสมุทรอุดร ขอเพียงไม่ฝ่าฝืนกฎของเมืองหมิงจู ไม่ว่าผู้ใดก็มีสิทธิ์อาศัยอยู่ในเมืองหมิงจูได้ เมืองหมิงจูจะไม่ยอมมอบแขกที่พักอยู่ในเมืองหมิงจูให้กับผู้หนึ่งผู้ใด หรือสำนักหนึ่งสำนักใดอย่างเด็ดขาด!”

คำตอบที่มีเหตุผลถูกต้องและเปี่ยมด้วยสัจธรรมของข่งเชียะหมิงหวางสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากในมหาสมุทรอุดรถึงกับเหงื่อตกด้วยความอับอาย

ในมหาสมุทรอุดรจะมีใครรึที่กล้าปกป้องเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลกันเล่า? ยกเว้นชิงเฉินซานที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับไห่หลิน! เวลานี้ได้เพิ่มเมืองหมิงจูขึ้นมาอีกหนึ่ง

ขณะที่เมืองหมิงจูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวพันอะไรกับเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลอะไรมากนัก

การกระทำของข่งเชียะหมิงหวางเป็นเพียงต้องการคุ้มครองความเป็นอิสระด้านการค้าของเมืองหมิงจูเท่านั้นเอง

เผ่าปีศาจ และปีศาจทะเลของมหาสมุทรอุดรเกือบถูกพรรคเซียนเหินล้างเผ่าพันธุ์จนสิ้นแล้ว ในมหาสมุทรอุดรหากเป็นสำนักใดๆ ก็ตาม ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะปกป้องคุ้มครองเผ่าปีศาจ และปีศาจทะเลที่เหลือรอดชีวิตมาได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น แล้วยอมเป็นศัตรูกับพรรคเซียนเหิน กระทั่งยอมทำสงคราม แต่ มาวันนี้เมืองหมิงจูกลับทำสิ่งนี้ได้แล้ว

“อิสตรีไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษ” มีระดับบรรพบุรุษถึงกับกล่าวออกมาเหงื่อตกด้วยความอับอาย “ใช่ว่าทุกคนจะเกรงกลัวต่ออำนาจที่แข็งแกร่ง การที่ข่งเชียะหมิงหวางสามารถทำเช่นนี้ได้ นับเป็นสิ่งที่ทำให้บุรุษไม่รู้จำนวนเท่าไรต้องละอาย”

พรรคเซียนเหินทำการปิดล้อมเมืองหมิงจูเอาไว้ ขณะที่เมืองหมิงจูก็เตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับศัตรู บรรดาศิษย์ของเมืองหมิงจูต่างประจำตำแหน่งของตนอย่างเคร่งครัด อีกทั้งระดับบรรพบุรุษของเมืองหมิงจูก็ก้าวสู่สมรภูมิรบด้วยตนเอง ร่วมปกป้องเมืองหมิงจูพร้อมกับเหล่าศิษย์ของเมืองหมิงจู

ทัพใหญ่ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากัน บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียดยิ่งนัก ทั้งสองฝ่ายต่างพร้อมเข้าห้ำหั่นกัน กลิ่นอายการฆ่าอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณเกาะกลางแม่น้ำหมิงจู

ขณะที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ในบรรยากาศที่ตึงเครียดพร้อมเข้าห้ำหั่นทันที ปรากฎคนผู้หนึ่งที่ด้านหน้าของทั้งสองฝ่าย

เขาเป็นผู้เฒ่าที่รูปร่างสูงใหญ่กำยำ หนวดที่มีสีเงินดั่งเข็มเงิน คลุมด้วยเสื้อคลุมที่สีแดงฉูดฉาด ยามที่ลมพัดมาแรงดูคล้ายดั่งเมฆาเลือดบนท้องฟ้าอย่างนั้น

“เย่จิ่วโจว” แม้แต่ผู้ที่ยืนดูอยู่บนฟากฟ้ายังต้องตกใจและส่งเสียงร้องออกมาเบาไ เมื่อเห็นผู้เฒ่าคนนี้แล้ว

“หมิงหวาง พรรคเซียนเหินคือพันธมิตรของเมืองสมุทรสยบฟ้าพวกเรา พวกเราควรยืนอยู่ฝ่ายเดียวกัน” เย่จิ่วโจวที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้พูดออกมา “หมิงหวางใยต้องนำเมืองหมิงจูเข้าไปพัวพันกับไฟสงครามเพียงเพราะทหารกบฏไม่กี่คนเท่านั้นเล่า”

“บรรพบุรุษเย่” เวลานี้ ข่งเชียะหมิงหวางปรากฏอยู่บนกำแพงเมือง ท่าทีของนางหนักแน่นจริงจัง กล่าวว่า “เมืองหมิงจูเป็นส่วนหนึ่งของเมืองสมุทรสยบฟ้า แต่ว่าตามกฎของบรรพชน เมืองหมิงจูมีกฎของเมืองหมิงจู ถ้าหากคนที่อยู่ในเมืองหมิงจูมีความผิด เมืองหมิงจูย่อมยินดีมอบออกมา แต่หากไม่มีความผิด เมืองหมิงจูจะไม่อนุญาตให้ผู้ใดใช้กำลังกับเมืองหมิงจู และจะไม่ยอมประนีประนอมกับสำนักใดๆ!”

บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่ให้ความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ครั้งนี้ ต่างรู้สึกละอายเมื่อได้ยินคำพูดของข่งเชียะหมิงหวาง คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้บรรดาเจ้าสำนัก และกษัตริย์ของสำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากถึงกับนิ่งเงียบ แม้ว่าทุกคนจะไม่พอใจในการกระทำของพรรคเซียนเหิน แต่กลับไม่มีใครยินดีลุกขึ้นมาต่อต้านพรรคเซียนเหินเป็นคนแรก!

“หมิงหวาง เปิดประตูเมืองชั่วคราว อนุญาตให้ข้าเข้าไปคุยด้วยเป็นไร?” เย่จิ่วโจวพูดกับข่งเชียะหมิงหวางด้วยเสียงอันดัง

“เย่จิ่วโจว เจ้ายินดีเป็นสุนัขรับใช้ของพรรคเซียนเหิน มันไม่ได้หมายความว่าเมืองหมิงจูก็ยินดีเป็นสุนัขรับใช้ของพรรคเซียนเหิน!” เวลานี้ มีระดับบรรพบุรุษของเมืองหมิงจูที่ไม่พอใจ กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “สุนัขรับใช้อย่างเจ้าคิดจะเข้าเมืองหมิงจูพวกเรา ไม่มีทาง!”

ระดับบรรพบุรุษของเมืองหมิงจูไม่พอใจในสายของเย่จิ่วโจวมานานแล้ว สายของเย่จิ่วโจวช่วงชิงอำนาจครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งสองฝ่ายเรียกได้ว่าเข้ากันไม่ได้ดั่งน้ำกับไฟ!

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ล่วงเกินแล้ว” เย่จิ่วโจวก็ไม่โกรธ ก้าวเท้าขึ้นไปและเข้าใกล้ประตูเมืองในบัดดล

“อย่าได้ทำกำเริบเสิบสาน” บรรดาระดับบรรพบุรุษของเมืองหมิงจูร้องเสียงดังออกมาและทยอยกันลงมือ แต่ว่า “ตูม” เสียงดังสนั่น เย่จิ่วโจวตวัดทีหนึ่งกลายเป็นเสมือนพายุที่น่ากลัว พลันพัดเอาพวกบรรพบุรุษปลิวออกไป

“ปัง” เย่จิ่วโจวยืดอกเชิดหน้าอาศัยท่วงท่าที่พาลยิ่งนักเข้าสู่เมืองหมิงจู ฉับพลันก็ก้าวมาถึงจวนหลักของเมืองหมิงจู

ตัวของเย่จิ่วโจวอยู่ในระดับจักรพรรดิเทพชั้นมหัศจรรย์อยู่แล้ว ความสามารถของเขาหาใช่ระดับบรรพบุรุษทั่วไปสามารถเทียบเคียงกับเขาได้

“บรรพบุรุษเย่ หยุดอยู่ตรงนั้น” ขณะที่เย่จิ่วโจวกำลังจะก้าวเข้าไปภายในจวนหลัก ข่งเชียะหมิงหวางพลันปรากฎตัวขึ้นที่ด้านนอกของจวนหลัก ท่าทีของเขาหนักแน่น เอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“หมิงหวาง ข้ามาด้วยความจริงใจ ต้องการร่วมหารือเรื่องนี้กับหมิงหวาง” เย่จิ่วโจวไม่ได้ลงมือ กล่าวด้วยท่าทีจริงใจว่า “ข้าหวังว่าจะมีหนทางอื่นที่จะคลี่คลาย เมืองหมิงจูไม่มีความจำเป็นต้องแข็งกร้าวกับพรรคเซียนเหิน! ข้าไม่ต้องการให้ไฟสงครามลามมาถึงเมืองหมิงจู”

“บรรพบุรุษเย่คิดจะแก้ไขสถานการณ์ก็ไม่ยาก” ข่งเชียะหมิงหวางกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ให้พรรคเซียนเหินถอนทัพไปเดี๋ยวนี้ เมื่อเผ่าปีศาจ และปีศาจทะเลไปจากเมืองหมิงจูแล้ว พรรคเซียนเหินคิดจะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้ แต่ว่า ขอเพียงพวกเขายังอยู่ในเมืองหมิงจู ใครก็ไม่สามารถบังคับให้เมืองหมิงจูต้องประนีประนอม!”

เย่จิ่วโจวกล่าวจริงใจว่า “หมิงหวาง ท่านเอาสมควรรู้ว่าเรื่องของพรรคเซียนเหิน ข้าตัดสินคนเดียวไม่ได้”

“เช่นนั้นข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว” ข่งเชียะหมิงหวางส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่ก็พรรคเซียนเหินถอนทัพ ไม่ก็ทำสงคราม ไม่มีอะไรต้องกล่าวมากความ”

เย่จิ่วโจวสูดลมหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง กล่าวอย่างหนักแน่นจริงจังว่า “หมิงหวาง หากจำเป็น ข้าคงต้องเข้าควบคุมเมืองหมิงจูเสียแล้ว กล่าวโทษหมิงหวางและยุติอำนาจในฐานะเจ้าเมืองของหมิงหวางชั่วคราว”

“บรรพบุรุษเย่คิดจะชิงอำนาจดื้อๆ อย่างนั้นรึ?” นัยน์ตาของของข่งเชียะหมิงหวางพลันดูน่ากลัว กล่าวน่าเกรงขามออกมา

“หากหมิงหวางจะเข้าใจเช่นนี้ข้าก็ช่วยไม่ได้ หากล่วงเกินขอหมิงหวางโปรดอภัย” ท่าทางเย่จิ่วโจวหนักแน่นจริงจัง ก้าวเท้าเข้าไปในจวน

แต่ทว่า เมื่อเย่จิ่วโจวก้าวเข้าไปยังจวนหลักแล้วก็ต้องถอยออกมาอย่างช้าๆ ในเวลานี้เองภายในโถงของจวนหลักปรากฎผู้หญิงคนหนึ่งที่ก้าวเดินออกมา ผู้หญิงคนนี้มีท่วงท่าที่ยอดเยี่ยมมาก นางคือเจ้าเมืองเมืองสมุทรสยบฟ้าจื่อชุ่ยหนิงนั่นเอง!

“ท่านเจ้าเมือง” เมื่อเย่จิ่วโจวเห็นจื่อชุ่ยหนิงแล้วได้โค้งคำนับให้อย่างงามท่าทีให้ความเคารพยิ่ง

“บรรพบุรุษเย่ ระเบียบคือระเบียบ กฏคืกกฎ” จื่อชุ่ยหนิงกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “บรรพบุรุษเย่ควรเข้าใจ อำนาจของเมืองหมิงจูใช่ว่าขึ้นอยู่กับบรรพบุรุษเย่คนเดียว”

“ท่านเจ้าเมือง ข้าหวังดีต่อเมืองหมิงจู” เย่จิ่วโจวโค้งคำนับ ท่าทางไม่ได้หยิ่งยโส

จื่อชุ่ยหนิงส่ายหน้า และกล่าวว่า “ บรรพบุรุษเย่ เวลานี้ท่านควบคุมอำนาจของเมืองสมุทรสยบฟ้าเอาไว้ สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย แต่ว่า อย่าลืมคำสอนบรรพชน เมืองหมิงจูกคือเมืองหมิงจู เมืองสมุทรสยบฟ้าคือเมืองสมุทรสยบฟ้า! บรรพบุรุษเย่คิดจะแย่งชิงอำนาจของเมืองหมิงจู งั้นเอาโองการมา มีทุกฝ่ายที่ให้การเห็นชอบโดยมีข้าลงนาม หากบรรพบุรุษเย่ต้องการเปลี่ยนคน ให้เปลี่ยนเอากฎระเบียบมา!”

“ท่านเจ้าเมือง ท่านสมควรเข้าใจข้าใช่ต้องการชิงอำนาจเมืองหมิงจูให้ได้ แต่ เรื่องนี้พรรคเซียนเหินต้องไม่ยอมเลิกราแน่นอน” เย่จิ่วโจวทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ที่ข้าทำไปก็เพื่อเป็นการถ่วงเวลา ข้าหวังให้เมืองหมิงจูปลอดภัย”

“การเปิดศึกสงครามกับพรรคเซียนเหินเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาด” สุดท้าย เย่จิ่วโจวได้กล่าวเสริมคำหนึ่ง

จื่อชุ่ยหนิงจ้องมองดูเย่จิ่วโจว กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “งั้นบรรพบุรุษเย่คิดว่าต้องทำอย่างไรถึงเป็นการฉลาด? ชักศึกเข้าบ้านรึ? ในใจของบรรพบุรุษเย่มีความเข้าใจยิ่งกว่า การนำเอาพรรคเซียนเหินมาที่มหาสมุทรอุดร มันคือจุดเริ่มต้นของภัยพิบัติ เมื่อไหร่ที่พรรคเซียนเหินลงหลักปักฐานในมหาสมุทรอุดรพวกเราแล้ว ก็ต้องสั่นคลอนต่อเมืองสมุทรสยบฟ้าพวกเรา!”

“เย่จิ่วโจวทำท่าจะพูด แต่ สุดท้ายได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ

“ถ้าหากบรรพบุรุษเย่มีความจริงใจจะพูดคุย งั้นก็ได้ ให้กู้จุนมาด้วยตนเอง” สุดท้าย จื่อชุ่ยหนิง กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “บรรพบุรุษเย่รู้อยู่แก่ใจ เรื่องนี้เกิดจากกู้จุน ก็สมควรให้กู้จุน เป็นผู้มาจัดการให้เรื่องสงบ! ข้าไม่สนว่าข้างในมีเรื่องบุญคุณความแค้นอะไร แต่ว่า กู้จุนชักนำให้พรรคเซียนเหินมา กู้จุนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล