ภานในใจลึกๆ ของกษัตราเจ้าสำนักในมหาสมุทรอุดรแล้ว พวกเขากระหายอยากให้เมืองหมิงจูสามารถพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ไป กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว หากเมืองหมิงจูสามารถพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ได้ล่ะก็ มันจะเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของมหาสมุทรอุดร
เมื่อถึงเวลานั้น กล่าวสำหรับมหาสมุทรอุดรแล้ว อย่างน้อยที่สุดใช่ว่าพรรคเซียนเหินจะแพ้ไม่เป็น ซึ่งส่งผลให้มีสำนักเจ้าลัทธิยินดีลุกขึ้นและก้าวออกมาต่อต้านพรรคเซียนเหินมากขึ้น
แน่นอนที่สุด ถ้าหากเมืองหมิงจูไม่สามารถยืนหยัดเอาไว้ได้ และต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปในการศึกครั้งนี้ล่ะก็ ย่อมส่งผลกระทบอย่างแรงต่อขวัญกำลังใจของผู้บำเพ็ญตนของสำนักทั้งหมดในมหาสมุทรอุดร เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว เกรงว่าคงไม่มีสำนักใดสำนักหนึ่งในมหาสมุทรอุดรกล้าไปต่อต้านพรรคเซียนเหินอีก
หลงอ้าวเทียนยืนอยู่บนสุดยอดทางสายนั้น ก้มมองดูเมืองหมิงจู กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ข่งเชียะหมิงหวาง มอบกำลังส่วนที่เหลือของเผ่าปีศาจ และปีศาจทะเลออกมาตอนนี้ยังทัน มิฉะนั้นล่ะก็เมืองหมิงจูจะต้องรับกรรมนั้นเอง”
“โอรสราชันหลง เมืองหมิงจูจะไม่ประนีประนอมกับสำนักใดๆ ทั้งสิ้น” เวลานี้ ข่งเชียะหมิงหวางปรากฎอยู่บนกำแพงเมือง นางที่มีความงดงามและประทับใจผู้คนเวลานี้กลับดูมีบุคลิกลักษณะที่องอาจผี่งผาย อิสตรีไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ นางก้าวสู่สมรภูมิรบด้วยตนเอง เสมือนหนึ่งเป็นจอมทัพของแคว้นๆ หนึ่ง ด้วยบุคลิกลักษณะที่ห้าวหาญองอาจงดงาม และดึงดูดใจผู้คนเป็นพิเศษ
ข่งเชียะหมิงหวางที่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง กล่าวคำพูดที่หนักแน่นจริงจังว่า “ในมหาสมุทรอุดร ในแดนมนุษย์กษัตรา ขอเพียงไม่ฝ่าฝืนกฎของเมืองหมิงจู ไม่ว่าจะพักอาศัยอยู่ในเมืองหมิงจูนานแค่ไหน เมืองหมิงจูจะไม่มีการขับไล่อย่างเด็ดขาด และจะไม่ส่งมอบแขกของเมืองหมิงจูให้กับสำนักใด หรือกลุ่มอำนาจใด…”
“…ถ้าหากโอรสราชันหลงมีบุญคุณความแค้นกับพวกเขา รอให้พวกเขาไปจากเมืองหมิงจูแล้วค่อยชำระบุญคุณความแค้นกันก็ยังไม่สาย หากโอรสราชันหลงคิดใช้อำนาจบีบบังคับให้เมืองหมิงจูประนีประนอมยอมอ่อนข้อให้ เช่นนั้นแล้วคงต้องสู้กันเท่านั้น!” ครั้นข่งเชียะหมิงหวางเอ่ยมาถึงตรงนี้ บุคลิกลักษณะที่องอาจผึ่งผาย ท่าทีเหมือนเป็นเจ้าถิ่นๆ หนึ่งอย่างนั้น
“พูดได้ดีมาก!” ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยที่ดูอยู่ระยะห่างไกลต่างชมเปาะออกมา
“ดูท่าหมิงหวางไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตาแล้ว” หลงอ้าวเทียนกล่าวเสียงทุ้มต่ำออกมา “อาศัยเมืองหมิงจูพวกเจ้าหาญกล้าขวางพรรคเซียนเหินของพวกเรา เท่ากับเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ไม่เจียมตัวเอาเสียเลย! หากเวลานี้หมิงหวางนำพาเมืองหมิงจูวางอาวุธยอมจำนนเสียตอนนี้ พรรคเซียนเหินของข้าจะเห็นแก่ความเป็นพันธมิตรไม่ถือสาหาความ หาไม่แล้ว วันนี้ข้าจะทำลายเมืองหมิงจูให้กลายเป็นเถ้าธุลี สาบสูญจากมหาสมุทรอุดรนับแต่บัดนี้”
ก่อนหน้านั้น ท่าทีของข่งเชียะหมิงหวางแข็งกร้าว เวลานี้หลงอ้าวเทียนก็ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ท่าทีเปี่ยมด้วยความอหังการ และข่มผู้คนว่าตนนั้นเหนือกว่าด้วยวาจา
คำพูดของหลงอ้าวเทียนพลันทำให้บรรดาศิษย์และยอดฝีมือของเมืองหมิงจูจ้องมองหลงอ้าวเทียนด้วยความโกรธ ความแข็งแกร่งของพรรคเซียนเหินทุกคนย่อมรู้ดี แต่ว่าเมืองหมิงจูของพวกเขาก็ใช่จะให้ใครมารังแกได้ตามอำเภอใจได้ คำพูดของหลงอ้าวเทียนเป็นการไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา แล้วจะให้ศิษย์ของเมืองหมิงจูกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไร
“ในเมื่อโอรสราชันหลงต้องการรบ เมืองหมิงจูของข้าน้อมรับก็แล้วกัน” ท่าทีของข่งเชียะหมิงหวางไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย กล่าวเยือกเย็นออกมาว่า “เป็นหรือตายสวรรค์กำหนด แพ้หรือชนะสวรรค์ลิขิต!”
พลันที่พูดคำพูดนี้ออกมา พลันทำให้ศิษย์ของเมืองหมิงจูต่างมีเลือดในกายที่เดือดพล่าน ศิษย์จำนวนไม่น้อยที่ร้องคำรามออกมาว่า “ถูกต้อง เป็นหรือตายสวรรค์กำหนด แพ้หรือชนะสวรรค์ลิขิต!”
เวลานี้ ศิษย์เมืองหมิงจูต่างมีจิตร่วมที่ฮึกเหิม ศิษย์ทุกคนต่างต้องการต่อสู้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป จะไม่ยอมแพ้ให้กับพรรคเซียนเหินอย่างเด็ดขาด จะไม่ยอมประนีประนอมกับพรรคเซียนเหินเด็ดขาด!
การสู้รบชี้เป็นชี้ตายกำลังจะเกิดขึ้น โดยมีข่งเชียะหมิงหวางที่ยืนดำเนินการแต่เพียงผู้เดียวบนกำแพงเมือง ขณะที่จื่อชุ่ยหนิงไม่ได้ปรากฏตัว
กล่าวสำหรับจื่อชุ่ยหนิงแล้ว นางไม่มีความจำเป็นต้องปรากฏตัวออกมา เนื่องจากข่งเชียะหมิงหวางคือเจ้าเมืองของเมืองหมิงจู นางมีสิทธิ์ขาดในการที่จะจัดการเรื่องราวทุกเรื่องภายในเมืองหมิงจูได้อยู่แล้ว ส่วนนางผู้มีตำแหน่งเจ้าสำนักของเมืองสมุทรสยบฟ้าเพียงทำหน้าที่เป็นกองกำลังเสริมที่แข็งแกร่งที่สุดก็เพียงพอแล้ว
“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นวันนี้ข้าจะลงมือทำลายเมืองหมิงจูพวกเจ้ากับมือ!” หลงอ้าวเทียนกล่าวน่าเกรงขามออกมา
“วาจาโอหังเหลือเกิน หลงอ้าวเทียน เจ้าคิดว่าพรรคเซียนเหินจะทำลายใครในมหาสมุทรอุดรก็ทำได้อย่างนั้นรึ?” เวลานี้ เสียงหนึ่งดังขึ้น “ข้าไห่หลิน คนแรกที่ไม่ยอมเจ้า!”
เสียง “ตูม” ดังขึ้นมาสนั่น เวลานี้ เสียงมังกรคำรามดังขึ้น มังกรทองสึ่เล็บพลันทำลายช่องว่างลุยมาถึงเบื้องบนท้องฟ้าของเมืองหมิงจู
บนหลังของมังกรทองสี่เล็บมีคนยืนอยู่สองคน หนึ่งนั้นคือชายหนุ่มทีดุดัน อีกคนเป็นผู้เฒ่า พวกเขาทั้งสองก็คือไห่หลินและติ้งหย่วนโหวนั่นเอง
“ไห่หลินและติ้งหย่วนโหวก็มาช่วยเหลือเมืองหมิงจูแล้ว” มีผู้ร้องเสียงดังออกมา เมื่อเห็นไห่หลินและติ้งหย่วนโหวนั่งมังกรทองสี่เล็บมาถึง
ทุกคนไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนักกับการปรากฏตัวของไห่หลินและติ้งหย่วนโหว จะอย่างไรเสียไห่หลินคือศัตรูคู่อาฆาตของหลงอ้าวเทียนอยู่แล้ว หลงอ้าวเทียนทำลายเผ่าปีศาจและปีศาจทะเล ทำลายบ้านของพวกเขาจนพังพินาศ เรียกได้ว่าไห่หลินกับหลงอ้าวเทียนไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้!
แต่ว่า การที่ติ้งหย่วนโหวให้การสนับสนุนไห่หลินอย่างมั่นคงเช่นนี้ สร้างความแปลกใจกับผู้คนจำนวนไม่น้อยทีเดียว ดูท่าระหว่างติ้งหย่วนโหวและไห่หลิน กระทั่งปีศาจทะเลต่างมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งนัก
การที่ไห่หลินและติ้งหย่วนโหวขี่มังกรทองสี่เล็บมาช่วยเหลือเมืองหมิงจู ทำให้ยอดฝีมือและผู้ยิ่งใหญ่ที่ชมอยู่ถึงกับมีชีวิตชีวาขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดเป็นการบ่งบอกว่าเมืองหมิงจูไม่ได้รับศึกเพียงลำพังคนเดียว ในมหาสมุทรอุดรใช่ว่าจะไม่มีใครกล้าต่อต้านพรรคเซียนเหิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...