ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1644

ตอนที่ 1644 ลงมืออีกครั้งของหลงอ้าวเทียน
เวลานี้ บรรดาผู้ชมที่อยู่ไกลถึงฟากฟ้าต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ มองดูแนวป้องกันของเมืองหมิงจูที่ปรากฏขึ้นมา ทุกคนต่างไม่รู้ว่าเมืองหมิงจูสามารถพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ไปได้หรือไม่

ภานในใจลึกๆ ของกษัตราเจ้าสำนักในมหาสมุทรอุดรแล้ว พวกเขากระหายอยากให้เมืองหมิงจูสามารถพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ไป กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว หากเมืองหมิงจูสามารถพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ได้ล่ะก็ มันจะเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของมหาสมุทรอุดร

เมื่อถึงเวลานั้น กล่าวสำหรับมหาสมุทรอุดรแล้ว อย่างน้อยที่สุดใช่ว่าพรรคเซียนเหินจะแพ้ไม่เป็น ซึ่งส่งผลให้มีสำนักเจ้าลัทธิยินดีลุกขึ้นและก้าวออกมาต่อต้านพรรคเซียนเหินมากขึ้น

แน่นอนที่สุด ถ้าหากเมืองหมิงจูไม่สามารถยืนหยัดเอาไว้ได้ และต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปในการศึกครั้งนี้ล่ะก็ ย่อมส่งผลกระทบอย่างแรงต่อขวัญกำลังใจของผู้บำเพ็ญตนของสำนักทั้งหมดในมหาสมุทรอุดร เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว เกรงว่าคงไม่มีสำนักใดสำนักหนึ่งในมหาสมุทรอุดรกล้าไปต่อต้านพรรคเซียนเหินอีก

หลงอ้าวเทียนยืนอยู่บนสุดยอดทางสายนั้น ก้มมองดูเมืองหมิงจู กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ข่งเชียะหมิงหวาง มอบกำลังส่วนที่เหลือของเผ่าปีศาจ และปีศาจทะเลออกมาตอนนี้ยังทัน มิฉะนั้นล่ะก็เมืองหมิงจูจะต้องรับกรรมนั้นเอง”

“โอรสราชันหลง เมืองหมิงจูจะไม่ประนีประนอมกับสำนักใดๆ ทั้งสิ้น” เวลานี้ ข่งเชียะหมิงหวางปรากฎอยู่บนกำแพงเมือง นางที่มีความงดงามและประทับใจผู้คนเวลานี้กลับดูมีบุคลิกลักษณะที่องอาจผี่งผาย อิสตรีไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ นางก้าวสู่สมรภูมิรบด้วยตนเอง เสมือนหนึ่งเป็นจอมทัพของแคว้นๆ หนึ่ง ด้วยบุคลิกลักษณะที่ห้าวหาญองอาจงดงาม และดึงดูดใจผู้คนเป็นพิเศษ

ข่งเชียะหมิงหวางที่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง กล่าวคำพูดที่หนักแน่นจริงจังว่า “ในมหาสมุทรอุดร ในแดนมนุษย์กษัตรา ขอเพียงไม่ฝ่าฝืนกฎของเมืองหมิงจู ไม่ว่าจะพักอาศัยอยู่ในเมืองหมิงจูนานแค่ไหน เมืองหมิงจูจะไม่มีการขับไล่อย่างเด็ดขาด และจะไม่ส่งมอบแขกของเมืองหมิงจูให้กับสำนักใด หรือกลุ่มอำนาจใด…”

“…ถ้าหากโอรสราชันหลงมีบุญคุณความแค้นกับพวกเขา รอให้พวกเขาไปจากเมืองหมิงจูแล้วค่อยชำระบุญคุณความแค้นกันก็ยังไม่สาย หากโอรสราชันหลงคิดใช้อำนาจบีบบังคับให้เมืองหมิงจูประนีประนอมยอมอ่อนข้อให้ เช่นนั้นแล้วคงต้องสู้กันเท่านั้น!” ครั้นข่งเชียะหมิงหวางเอ่ยมาถึงตรงนี้ บุคลิกลักษณะที่องอาจผึ่งผาย ท่าทีเหมือนเป็นเจ้าถิ่นๆ หนึ่งอย่างนั้น

“พูดได้ดีมาก!” ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยที่ดูอยู่ระยะห่างไกลต่างชมเปาะออกมา

“ดูท่าหมิงหวางไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตาแล้ว” หลงอ้าวเทียนกล่าวเสียงทุ้มต่ำออกมา “อาศัยเมืองหมิงจูพวกเจ้าหาญกล้าขวางพรรคเซียนเหินของพวกเรา เท่ากับเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ไม่เจียมตัวเอาเสียเลย! หากเวลานี้หมิงหวางนำพาเมืองหมิงจูวางอาวุธยอมจำนนเสียตอนนี้ พรรคเซียนเหินของข้าจะเห็นแก่ความเป็นพันธมิตรไม่ถือสาหาความ หาไม่แล้ว วันนี้ข้าจะทำลายเมืองหมิงจูให้กลายเป็นเถ้าธุลี สาบสูญจากมหาสมุทรอุดรนับแต่บัดนี้”

ก่อนหน้านั้น ท่าทีของข่งเชียะหมิงหวางแข็งกร้าว เวลานี้หลงอ้าวเทียนก็ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ท่าทีเปี่ยมด้วยความอหังการ และข่มผู้คนว่าตนนั้นเหนือกว่าด้วยวาจา

คำพูดของหลงอ้าวเทียนพลันทำให้บรรดาศิษย์และยอดฝีมือของเมืองหมิงจูจ้องมองหลงอ้าวเทียนด้วยความโกรธ ความแข็งแกร่งของพรรคเซียนเหินทุกคนย่อมรู้ดี แต่ว่าเมืองหมิงจูของพวกเขาก็ใช่จะให้ใครมารังแกได้ตามอำเภอใจได้ คำพูดของหลงอ้าวเทียนเป็นการไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา แล้วจะให้ศิษย์ของเมืองหมิงจูกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไร

“ในเมื่อโอรสราชันหลงต้องการรบ เมืองหมิงจูของข้าน้อมรับก็แล้วกัน” ท่าทีของข่งเชียะหมิงหวางไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย กล่าวเยือกเย็นออกมาว่า “เป็นหรือตายสวรรค์กำหนด แพ้หรือชนะสวรรค์ลิขิต!”

พลันที่พูดคำพูดนี้ออกมา พลันทำให้ศิษย์ของเมืองหมิงจูต่างมีเลือดในกายที่เดือดพล่าน ศิษย์จำนวนไม่น้อยที่ร้องคำรามออกมาว่า “ถูกต้อง เป็นหรือตายสวรรค์กำหนด แพ้หรือชนะสวรรค์ลิขิต!”

เวลานี้ ศิษย์เมืองหมิงจูต่างมีจิตร่วมที่ฮึกเหิม ศิษย์ทุกคนต่างต้องการต่อสู้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป จะไม่ยอมแพ้ให้กับพรรคเซียนเหินอย่างเด็ดขาด จะไม่ยอมประนีประนอมกับพรรคเซียนเหินเด็ดขาด!

การสู้รบชี้เป็นชี้ตายกำลังจะเกิดขึ้น โดยมีข่งเชียะหมิงหวางที่ยืนดำเนินการแต่เพียงผู้เดียวบนกำแพงเมือง ขณะที่จื่อชุ่ยหนิงไม่ได้ปรากฏตัว

กล่าวสำหรับจื่อชุ่ยหนิงแล้ว นางไม่มีความจำเป็นต้องปรากฏตัวออกมา เนื่องจากข่งเชียะหมิงหวางคือเจ้าเมืองของเมืองหมิงจู นางมีสิทธิ์ขาดในการที่จะจัดการเรื่องราวทุกเรื่องภายในเมืองหมิงจูได้อยู่แล้ว ส่วนนางผู้มีตำแหน่งเจ้าสำนักของเมืองสมุทรสยบฟ้าเพียงทำหน้าที่เป็นกองกำลังเสริมที่แข็งแกร่งที่สุดก็เพียงพอแล้ว

“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นวันนี้ข้าจะลงมือทำลายเมืองหมิงจูพวกเจ้ากับมือ!” หลงอ้าวเทียนกล่าวน่าเกรงขามออกมา

“วาจาโอหังเหลือเกิน หลงอ้าวเทียน เจ้าคิดว่าพรรคเซียนเหินจะทำลายใครในมหาสมุทรอุดรก็ทำได้อย่างนั้นรึ?” เวลานี้ เสียงหนึ่งดังขึ้น “ข้าไห่หลิน คนแรกที่ไม่ยอมเจ้า!”

เสียง “ตูม” ดังขึ้นมาสนั่น เวลานี้ เสียงมังกรคำรามดังขึ้น มังกรทองสึ่เล็บพลันทำลายช่องว่างลุยมาถึงเบื้องบนท้องฟ้าของเมืองหมิงจู

บนหลังของมังกรทองสี่เล็บมีคนยืนอยู่สองคน หนึ่งนั้นคือชายหนุ่มทีดุดัน อีกคนเป็นผู้เฒ่า พวกเขาทั้งสองก็คือไห่หลินและติ้งหย่วนโหวนั่นเอง

“ไห่หลินและติ้งหย่วนโหวก็มาช่วยเหลือเมืองหมิงจูแล้ว” มีผู้ร้องเสียงดังออกมา เมื่อเห็นไห่หลินและติ้งหย่วนโหวนั่งมังกรทองสี่เล็บมาถึง

ทุกคนไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนักกับการปรากฏตัวของไห่หลินและติ้งหย่วนโหว จะอย่างไรเสียไห่หลินคือศัตรูคู่อาฆาตของหลงอ้าวเทียนอยู่แล้ว หลงอ้าวเทียนทำลายเผ่าปีศาจและปีศาจทะเล ทำลายบ้านของพวกเขาจนพังพินาศ เรียกได้ว่าไห่หลินกับหลงอ้าวเทียนไม่อาจอยู่ร่วมโลกได้!

แต่ว่า การที่ติ้งหย่วนโหวให้การสนับสนุนไห่หลินอย่างมั่นคงเช่นนี้ สร้างความแปลกใจกับผู้คนจำนวนไม่น้อยทีเดียว ดูท่าระหว่างติ้งหย่วนโหวและไห่หลิน กระทั่งปีศาจทะเลต่างมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งนัก

การที่ไห่หลินและติ้งหย่วนโหวขี่มังกรทองสี่เล็บมาช่วยเหลือเมืองหมิงจู ทำให้ยอดฝีมือและผู้ยิ่งใหญ่ที่ชมอยู่ถึงกับมีชีวิตชีวาขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดเป็นการบ่งบอกว่าเมืองหมิงจูไม่ได้รับศึกเพียงลำพังคนเดียว ในมหาสมุทรอุดรใช่ว่าจะไม่มีใครกล้าต่อต้านพรรคเซียนเหิน

“ไห่หลินนับเป็นเจ้าตัวเล็กที่แข็งแกร่งฆ่าไม่ตายนะเนี่ย กี่ครั้งแล้วก็ไม่ตาย หากเจ้าหมอนี้สามารถรอดชีวิตได้ นับว่าอนาคตไร้ขีดจำกัดโดยแท้” มียอดฝีมือถึงกับกล่าวพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ

ไห่หลินเป็นศัตรูกับหลงอ้าวเทียนครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกหลงอ้าวเทียนซัดจนพ่ายแพ้ยับเยิน ต้องหนีหัวซุกหัวซุน แต่ว่า ทุกครั้งที่ไห่หลินหนีไปได้ไม่นานนัก ก็กลับมากระโดดโลดเต้นต่อหน้าผู้คนใต้หล้าอีกครั้ง และท้าสู้กับหลงอ้าวเทียนต่อไป ทำตัวเป็นศัตรูกับหลงอ้าวเทียนต่อไป

“แค่คนขี้แพ้เท่านั้น ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง!” หลงอ้าวเทียนเพียงมองหน้าไห่หลินแวบหนึ่งอย่างเย็นชา กล่าวด้วยท่าทีทระนงและน่าเกรงขาม

หลงอ้าวเทียนไม่เคยมองไฟ่หลินอยู่ในสายตา เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ก็คือ ทุกครั้งที่เขาซัดไห่หลินจนเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย ก็จะถูกผู้อาวุโสของปีศาจทะเลเสี่ยงตายช่วยเขาให้รอดไปได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้หลงอ้าวเทียนรู้สึกคลั่งอยู่บ้าง

“ถูกต้อง หากพูดถึงเรื่องทักษะยุทธ ด้านกำลัง หลงอ้าวเทียนข้าไห่หลินสู้เจ้าไม่ได้จริง” ไห่หลินไม่รู้สึกเป็นเรื่องน่าอายกับการพ่ายแพ้ให้กับหลงอ้าวเทียน เขาหัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าเองก็ใช่จะชนะได้โดยตลอด เจ้าเองก็ถูกพี่หลี่ซัดจนเหมือนสุนัขที่ไม่มีเจ้าของมิใช่รึ”

หลงอ้าวเทียนรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก เมื่อถูกไห่หลินหยิบยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมา ส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจ ดวงตาทั้งสองเผยปณิธานการฆ่าออกมา กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “อาศัยตีฝีปากนับว่าเก่งกล้าอย่างนั้นรึ ลงมือเลย ข้าจะสอนให้เจ้าเป็นผู้เป็นคนทุกเวลา!”

คำพูดของหลงอ้าวเทียนเผยความอหังการออกมา แต่ว่า เขาเองนับว่ามีความสามารถเช่นนี้อยู่จริง ต่อให้สุดยอดดาวรุ่งของมหาสมุทรอุดรเช่นไห่หลินก็ไม่อยู่ในสายตาของเขา

“วันนี้พวกเราต้องการสู้กับเจ้าอยู่แล้ว!” ไห่หลินไม่ได้แสดงอาการโกรธออกมา ร้องเสียงดังออกมา และกล่าวว่า “พวกเราลุย!” ขาดคำ ทวนสามง่ามปรากฏในมือ เหินฟ้าขึ้นไปดังมังกรยักษ์ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างนั้น

“โม…” ติ้งหย่วนโหวเผยร่างจริงออกมา กลายเป็นวัวสีดำตัวหนึ่ง ยามที่มันลงเท้าท่าทีเหมือนสามารถจัดการทุกสิ่งเป็นไปตามที่ต้องการในคราเดียว

“กรรร…” มังกรทองสี่เล็บก็คำรามเสียงยาวออกมา ทำให้บังเกิดฟ้าฝนและคลื่นยักษ์ขึ้นมา ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

ในเวลานี้ พวกของไห่หลิน มังกรทองสี่เล็บ และติ้งหย่วนโหวทั้งสามคนต่างคุมเอาไว้สามด้าน กลายเป็นท่าทีที่ทรงพลังที่สุดทั้งรุกและรับ ต้องการอาศัยสามต่อหนึ่งในการต่อสู้ครั้งนี้

“แค่มดปลวกเท่านั้นเอง!” หลงอ้าวเทียนไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวกของไห่หลินทั้งสามคน คำรามเสียงยาวออกมา อาวุธราชันเซียนอยู่ในมือ ก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้าเข้าต่อสู้กับพวกเขาสามคนโดยลำพังผู้เดียว

“ปัง ปัง ปัง…” ในเวลานี้ พวกเขาทั้งสี่คนต่อสู้อยู่บนท้องฟ้าอย่างดุเดือด ทำลายดวงดาว และท้องนภา ต่างฝ่ายต่างลงมือโดยอาศัยชีวิตเป็นเดิมพัน พลังอำนาจที่รุนแรงยิ่งอาละวาดทั่วฟ้าดิน

“ชะตาฟ้าใกล้ปรากฏออกมาแล้ว การสู้รบแต่ละครั้งก็จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น การทำลายท้องฟ้าจับดาวคว้าจันทรากลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปรกติ” ระดับผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสที่มีประสบการณ์ผ่านเหตุการณ์แย่งชิงชะตาฟ้ามาแล้ว เมื่อมองเห็นพวกของไห่หลินทั้งสี่คนที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ถึงกับพึมพำออกมา

จากการต่อสู้ที่เลื่อนชั้นขึ้น และเพิ่มระดับความรุนแรงในการต่อสู้มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทุกคนเริ่มคุ้นชินกับฉากการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น

มาถึงวันนี้ การต่อสู้ของพวกหลงอ้าวเทียนได้ก้าวถึงขั้นทำลายดวงดาวจับดาวคว้าจันทรากันแล้วล่ะ ทุกคนต่างรู้ดีว่า ลักษณะการต่อสู้เช่นนี้จะมีปรากฏให้เห็นเป็นประจำในอนาคตแน่นอน

เนื่องจากทุกครั้งที่ถึงคราวต้องแย่งชิงชะตาฟ้าแล้ว การต่อสู้ระหว่างเหล่ารัชทายาท การต่อสู้ระหว่างผู้ที่คุ้มกันอยู่เบื้องหลัง การต่อสู้ระหว่างสำนักด้วยกัน ล้วนแล้วแต่มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะนาทีสุดท้ายของการแย่งชิงชะตาฟ้ายิ่งเรียกว่าทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง สยบทุกสัจธรรม แม้แต่เก้าแดนยังต้องสั่นเทา!

บนท้องฟ้า พวกของหลงอ้าวเทียนสี่คนต่อสู้พันตูอยู่ตรงนั้น คราวนี้หลงอ้าวเทียนมีอาวุธราชันเซียนอยู่ในมือ แม้ว่าอาวุธที่อยู่ในมือจะไม่ใช่กระบี่เหรินเสียน แต่ว่า ต่อให้อาวุธราชันเซียนเล่มใดก็ตาม เมื่ออยู่ในมือของหลงอ้าวเทียนแล้วก็กลับกลายเป็นพลังอำนาจไม่มีสิ้นสุด เหมือนว่าราชันเซียนเสด็จมาด้วยตนเองอย่างนั้น

แม้ว่าพวกของไห่หลินจะต่อสู้ด้วยสรรพกำลังกับหลงอ้าวเทียนอย่างเต็มที่แล้ว แต่ พวกเขายังคงสู้หลงอ้าวเทียนไม่ได้ ภายใต้ท่วงท่าการสังหารของหลงอ้าวเทียนแล้วต้องตกเป็นรอง และอยู่สถานการณ์ที่ถูกสยบ พวกเขาถูกหลงอ้าวเทียนบีบบังคับจนต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ

หลงอ้าวเทียนเวลานี้ที่มีอาวุธราชันเซียนในมือ ดุจดั่งเทพแท้จริงกวาดไปทั่ว เสมือนราชันเซียนสยบ เขาได้ปะทุพลังที่อหังการปราศจากผู้ต่อกรออกมา ทำให้ผู้ที่ยืนดูอยู่บนขอบฟ้าต้องสั่นเทา ท่าทีหลงอ้าวเทียนเวลานี้ เรียกได้ว่าเปี่ยมด้วยความอหังการ เป็นการทำให้ผู้อื่นต้องสยบโดยง่ายดาย!

“ผู้สืบทอดของพรรคเซียนเหินปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้นะเนี่ย” มีผู้ที่เฝ้าดูชมการต่อสู่ระหว่างหลงอ้าวเทียน และพวกของไห่หลินสามคนพึมพำออกมา

ทั้งมังกรทองสี่เล็บและติ้งหย่วนโหวล้วนแล้วแต่ถูกมองว่าเป็นผู้มีความสามารถอยู่ในระดับจักรพรรดิเทพชั้นมหัศจรรย์ แม้ไห่หลินจะด้อยกว่านิดหนึ่ง แต่เขายังหนุ่มแน่นและเปี่ยมด้วยพละกำลัง พลังลมปราณน่าเกรงขาม พลังการต่อสู้ของเขาฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก การร่วมมือกันของพวกเขาทั้งสามคนยังคงสู้หลงอ้าวเทียนไม่ได้ ย่อมสามารถประเมินได้ว่าหลงอ้าวเทียนนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใดแล้ว

“วู…” ในเวลานี้เอง กองกำลังอาชาของพรรคเซียนเหินได้เป่าเป็นสัญญาณขึ้น จากนั้น ได้ยินเสียงดัง “ตูม” ยอดฝีมือ และศิษย์ของพรรคเซียนเหินต่างเข้าสู่สมรภูมิรบ

“ฆ่า…” นาทีนี้กองทัพอาชาหลายหมื่นคนของพรรคเซียนเหินเสมือนดั่งน้ำที่เชี่ยวกรากพุ่งเข้าหาเมืองหมิงจู ภายในกองทัพอาชานี้เต็มไปด้วยยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วน นำทัพโดยระดับจักรพรรดิเทพ กองทัพที่นำโดยระดับจักรพรรดิเทพย่อมสามารถประเมินได้ว่ามันมีความแข็งแกร่งระดับใดแล้ว

“ตูม…ตูม…ตูม…” ในเวลานี้ เสียงฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลงไปมาดังก้องทั่วฟ้าดิน เสียงร้องตะโกนของกองทัพอาชาพรรคเซียนเหินยิ่งดังสยบเหล่าชั้นฟ้า!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล