ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1646

ตอนที่ 1646 หอกโลหิตเซียน
หลังจากที่หลงอ้าวเทียนอาศัยกระบวนท่าเดียวซัดจนพวกของไห่หลินทั้งสามคนกระเด็นไปแล้ว ร่างกายของเขาพลันสว่างไสวขึ้นมา กลายเป็นเจิดจรัสยิ่งนัก เสมือนหนึ่งเป็นดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าจนแสบตาอย่างนั้น

ทันใดนั้นเอง หลงอ้าวเทียนได้สำแดงกายเซียนเหินของตนจนถึงขีดสูงสุด พลันพุ่งตัวเข้าหาเมืองหมิงจูในทันที หวังอาศัยความเร็วที่ปราศจากผู้เทียบเทียมฝ่าแนวป้องกันของเจดีย์หมิงจู เข้าไปยังเมืองหมิงจู

“ปัง…” ความเร็วของหลงอ้าวเทียนนั้นรวดเร็วเหลือเกิน ผู้คนจำนวนมากยังมองเห็นไม่ชัดเจน แต่นาทีนี้เขาได้พุ่งเขาชนกับม่านแสงของเจดีย์หมิงจูเข้าให้แล้ว ม่านแสงถูกเขาพุ่งชนจนบุ๋มลงไปลึกมาก กลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่มาก แต่ว่า เขายังคงไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันนี้ไปได้ ม่านแสงของเจดีย์หมิงจูยังคงขวางเขาเอาไว้ได้

เสียงดัง “ปัง” นาทีต่อมาร่างของหลงอ้าวเทียนถูกแนวป้องกันของเจดีย์หมิงจูดีดจนปลิวออกไป

แนวป้องกันนี้แข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว ขนาดหลงอ้าวเทียนที่มีความเร็วถึงเพียงนี้ยังฝ่าผ่านแนวป้องกันของเจดีย์หมิงจูเข้าไปไม่ได้ สร้างความตระหนกให้กับผู้คนจำนวนมาก

หลงอ้าวเทียนมองดูแนวป้องกันของเจดีย์หมิงจูนิดหนึ่ง หันหลังจากไปทันที เพียงชั่วพริบตาเดียวก็หายตัวไปในส่วนที่ไกลที่สุดของจักรวาล ไม่สามารถมองเห็นเขาได้อีกต่อไป

“นี่เขาจะทำอะไร?” มีผู้บำเพ็ญตนแทบไม่อยากเชื่อ เมื่อเห็นหลงอ้าวเทียนหันหลังไปจากทันที และหายไปในส่วนที่ไกลที่สุดของจักรวาลเพียงชั่วพริบตาเดียว กล่าวว่า “หรือว่าหลงอ้าวเทียนยอมละทิ้งแล้ว?” หลังจากพูดคำๆ นี้ออกมาพลันรู้สึกว่าไม่ถูก หลงอ้าวเทียนไม่ใช่คนที่ยอมละทิ้งอะไรง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นพรรคเซียนเหินก็ใช่จะยอมแพ้ใครง่ายๆ

“เพิ่มระยะทางวิ่ง” ระดับจักรพรรดิเทพเฒ่าอาศัยเนตรสวรรค์ส่องตรงไปยังจักรวาล มีเพียงผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้จึงสามารถมองออกถึงเส้นสนกลในบางอย่าง

“เริ่มต้นแล้ว…” ระดับจักรพรรดิเทพเฒ่ามองดูที่ๆ ห่างไกลมากที่สุดได้พึมพำออกมา ระดับเช่นพวกเขามองออกแล้วว่าหลงอ้าวเทียนต้องการทำอะไร

สำหรับคนอื่นๆ นั้นมองไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่านาทีนี้ได้เกิดอะไรขึ้น

เฉกเช่นจักรพรรดิเทพเฒ่าพูดเอาไว้อย่างนั้น หลงอ้าวเทียนกำลังเพิ่ม เขาต้องการเพิ่มระยะทางที่ยาวมากๆ กล่าวสำหรับกายเซียนขั้นสมบูรณ์อย่างเขาแล้ว ระยะทางไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ขอเพียงให้ระยะทางเขาอย่างเพียงพอ เขาสามารถเพิ่มความเร็วของตนจนถึงขีดสูงสุด เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว อาศัยความเร็วนี้สามารถก้าวข้ามทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถก้าวข้ามช่องว่าง ก้าวข้ามแนวกั้นทางธรรมชาติ กระทั่งข้ามกาลเวลาได้

นอกจากจักรพรรดิเทพเฒ่าแล้ว ผู้บำเพ็ญตนคนอื่นๆ ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ เนื่องจากขณะที่หลงอ้าวเทียนตั้งต้นอยู่ในระยะห่างไกลมากแล้วเพิ่มความเร็วนั้น เมื่อเขาปรากฏแก่สายตาอีกครั้งความเร็วของเขาถึงขั้นที่ไม่มีใครเทียบได้ สายตาของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้อยู่แล้ว

แม้ว่าผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากไม่อาจรู้ได้ว่าหลงอ้าวเทียนต้องการทำอะไร แต่ว่า ทันใดนั้นเองผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากสามารถรับรู้ได้แล้ว เนื่องจากฉับพลันนั้นเอง ทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าเหมือนเวลาจะช้ากว่าปรกติหนึ่งจังหวะ

ในเวลานี้เองทุกสิ่งทุกอย่างบนฟ้าดินแห่งนี้เหมือนเป็นภาพเคลื่อนไหวช้า มีผู้คนจำนวนมากมองเห็นร่างเงาสายหนึ่ง แม้ว่าไม่สามารถมองเห็นร่างเงานี้ได้อย่างชัดเจน แต่ว่าทุกคนต่างก็รู้ว่านี่คือหลงอ้าวเทียน

ฉับพลันต่อจากนั้น การเคลื่อนไหวช้าได้หายไปโดยพลัน เวลากลับมาเดินเหมือนเดิม ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม แต่ว่าแค่ฉับพลันนั้นเองทุกอย่างล้วนแปรเปลี่ยนไป

เมื่อภาพกลับสู่สภาพเดิม ทุกคนเห็นมือข้างหนึ่งของหลงอ้าวเทียนบีบคอข่งเชียะหมิงหวางไว้ นิ้วทั้งห้าพลันล็อคคอหอยของข่งเชียะหมิงหวางเอาไว้

ย่อมไม่ต้องสงสัย ในฐานะที่หลงอ้าวเทียนเป็นสุดยอดดาวรุ่งได้มองออกถึงเส้นสนกลในว่า ระบบป้องกันของเจดีย์หมิงจูสัมพันธ์กับข่งเชียะหมิงหวางเป็นอันมาก ขอเพียงจับตัวข่งเชียะหมิงหวางเอาไว้ก็สามารถทำลายระบบป้องกันของเจดีย์หมิงจูได้

“จี๊ด…ปัง…” เวลานี้เอง เสียงที่หลงอ้าวเทียนก้าวข้ามช่องว่างจึงดังขึ้น ปรากฏเห็นเป็นเงาสายหนึ่งขึ้นมา ในเวลานี้ผู้คนจำนวนมากจึงได้มองเห็นภาพของหลงอ้าวเทียนที่วิ่งทะลุผ่านม่านแสงของเจดีย์หมิงจู แต่ว่า มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว

หลงอ้าวเทียนพลันก้าวข้ามแนวป้องกันของเจดีย์หมิงจู แต่เนื่องจากความเร็วของเขาสูงมาก สูงจนสุดที่จะเปรียบเปรย แม้ว่าข่งเชียะหมิงหวางจะมีทักษะยุทธที่สูงมาก แต่ยังคงหลบไม่พ้น พลันถูกหลงอ้าวเทียนบีบคอเอาไว้ได้ และนิ้วทั้งห้าของเขาก็ได้ล็อคคอหอยไว้จนหายใจไม่ออก พลังลมปราณพลุ่งพล่านปั่นป่วน

จังหวะที่นิ้วของหลงอ้าวเทียนล็อคคอหอยของข่งเชียะหมิงหวางเอาไว้นั้น เจดีย์หมิงจูพลันอับแสงลง จากได้ได้ยินเสียงดัง “ปัง” นาทีนี้ มนุษย์เหล็กยักษ์ทั้งแปดของพรรคเซียนเหินสามารถทำลายม่านแสงที่เป็นแนวป้องกันของเจดีย์หมิงจูได้สำเร็จ ม่านแสงพลันถูกทำลายจนละเอียด เศษของม่านแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อน

“ฆ่า…” เมื่อพรรคเซียนเหินมองเห็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง จึงร้องคำรามออกมา กองทัพจำนวนมหาศาลจึงบุกเข้าไปยังเมืองหมิงจูในทันที

“ฆ่า…” ยอดฝีมือ และศิษย์ทั้งหมดของเมืองหมิงจูก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ ร้องเสียงดังออกมา พวกเขาตั้งมั่นในตำแหน่งของตนต้านศัตรูเอาไว้ด้านนอก

“จบสิ้นแล้วเมืองหมิงจู” หลงอ้าวเทียนที่ล็อคคอหอยของข่งเชียะหมิงหวางเอาไว้พลันยิ้มเยาะทีหนึ่ง

แต่ว่า ในเสี้ยววินาทีนี้เอง จี้ที่ห้อยอยู่บนอกของข่งเชียะหมิงหวางพลันพวยพุ่งเป็นประกายไม่สิ้นสุดออกมา เป็นประกายที่สว่างไสวจนแสบตา ทำให้ผู้คนยากจะลืมตาขึ้นมาได้

เสียง “ปัง” ดังขึ้น บริเวณหน้าผากของข่งเชียะหมิงหวางพลันส่งแสงเจิดจ้า ปรากฏรูปเจดีย์ขนาดเล็กออกมา มันปะทุเป็นพายุร้ายที่น่ากลัวขึ้นมาทันที ต่อให้เป็นระดับอย่างหลงอ้าวเทียนก็ไม่สามารถล็อคข่งเชียะหมิงหวางเอาไว้ได้ นิ้วทั้งห้าของเขาถูกพลังกระแทกเข้าจนเจ็บและต้องคลายออกจากคอหอยของข่งเชียะหมิงหวาง ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ข่งเชียะหมิงหวางอาศัยความเร็วถอยฉากไปอย่างรวดเร็ว

หลงอ้าวเทียนยิ้มเยาะทีหนึ่ง สำแดงกายเซียนเหินออกมาและพุ่งตัวเข้าหาข่งเชียะหมิงหวางทันที กล่าวสำหรับเขาแล้ว ต่อให้ข่งเชียะหมิงหวางมีความเร็วมากกว่านี้ก็ไม่มีทางรวดเร็วเกินไปกว่าเขาได้

แต่ว่า หลงอ้าวเทียนเพิ่งจะก้าวเท้าออกไปก็ต้องถอยฉากกลับมาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเวลานี้สัญญาณเตือนภายในใจเกิดขึ้น ทำให้เขารับรู้ได้ว่ามีอันตรายยิ่งนัก ขณะที่เขาถอยหลังไปโดยฉับพลันทันทีนั้น บังเกิดเสียงดัง “ปัง” เท้าของเขาเหยียบพื้นแผ่นดินจนแหลกลาญ

หลงอ้าวเทียนจ้องเขม็งไปข้างหน้า เวลานี้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนขวางอยู่หน้าข่งเชียะหมิงหวาง นางมีบุคลิกและความสามารถที่ยอดเยี่ยม งดงามดั่งเทพธิดา เหมือนหนึ่งเป็นเทพธิดาแห่งทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล!

นางก็คือจื่อชุ่ยหนิงนั่นเอง เวลานี้ในมือของจื่อชุ่ยหนิงถือหอกยาวเอาไว้ เป็นหอกยาวที่สีแดงหม่นๆ ปลายแหลมของหอกปรากฏประกายแวบวับเป็นสีเลือด ด้วยประกายสีเลือดที่แวบวับนี่แหละ ทำให้ผู้ดำรงอยู่เช่นหลงอ้าวเทียนต้องรู้สึกหวาดกลัวด้วยความระแวง เหมือนว่าปลายแหลมของหอกพร้อมจะทิ่มแทงทะลุคอหอยของเขาได้ทุกกเมื่ออย่างนั้น ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นภายในใจ

ควรจะรู้ว่า ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นหลงอ้าวเทียนนั้น ยากนักที่จะมีเรื่องใดสามารถทำให้เขาบังเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นได้ แต่ หอกยาวที่อยู่ตรงหน้าเล่มนี้กลับทำให้บังเกิดอาการหนาวเหน็บขึ้นภายในใจ เสมือนหนึ่งไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งปานใดก็ตาม ปลายแหลมของหอกที่แวบวับด้วยประกายสีเลือดนี้ก็สามารถแทงทะลุคอหอยของเขาได้อย่างง่ายดายอย่างนั้น

ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ภายในใจของหลงอ้าวเทียนปรากฏเป็นมโนภาพขึ้นมา เหมือนว่าหอกยาวเล่มนี้ไม่เพียงสามารถแทงทะลุคอหอยของเขาเท่านั้น แม้แต่คอหอยของราชันเซียนก็แทงทะลุได้เช่นกัน

ไม่เพียงแต่หลงอ้าวเทียนเท่านั้นที่เกิดความหวาดหวั่นขึ้นภายในใจ แม้แต่ยอดฝีมือจำนวนมากที่ดูชมอยู่ในระยะห่างไกลก็บังเกิดความหนาวเหน็บขึ้นมาโดยพลัน รู้สึกเหมือนเย็นยะเยือกที่คอ แม้ว่าจะยืนอยู่ห่างไกลกันมากก็ตาม เมื่อพวกเขามองเห็นปลายแหลมของหอกซึ่งแวบวับด้วยประกายโลหิตแล้วยังคงอึดอัดจนหายใจไม่ออก ยังคงรู้สึกเข่าอ่อนทั้งสองข้าง

กล่าวสำหรับทุกคนแล้ว หอกยาวเล่มนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน โดยเฉพาะเวลานี้เมื่อจื่อชุ่ยหนิงกำมันไว้ในมือนั้น เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดสามรถขวางมันเอาไว้ได้ มันเป็นการสังหารอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ชนิดที่ไม่ว่าใคร ไม่ว่าผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดต้องถูกแทงทะลุคอหอยในฉับพลันทันที!

“นี่มันคืออาวุธอะไร” แม้แต่จักรพรรดิเทพเฒ่ามองเห็นหอกยาวลักษณะเช่นนี้แล้วยังต้องงงงัน บังเกิดความหนาวสะท้านขึ้นภายในใจและพึมพำออกมา

มันคือหอกโลหิตเซียน หอกเล่มยาวที่อยู่ในมือของจื่อชุ่ยหนิงคือหอกโลหิตเซียนนั่นเอง หรือก็คือทวนมังกรดำในอดีต

จะไปโทษผู้ใดก็ตามที่เห็นหอกเล่มนี้แล้วบังเกิดความหนาวสะท้านในใจก็ไม่ถูก เพราะหอกโลหิตเซียนเคยแทงทะลุคอหอยของราชันเซียนมาแล้ว ปลายแหลมของหอกเคยอาบด้วยเลือดของราชันเซียนจนแดงฉานมาแล้ว ย่อมสามารถจินตนาการได้ถึงความน่ากลัวของมัน

หลังจากที่จื่อชุ่ยหนิงได้ขวางหลงอ้าวเทียนเอาไว้แล้ว จึงกล่าวกับข่งเชียะหมิงหวางว่า “เจ้าไปรักษาเมือง ที่นี่มอบเป็นหน้าที่ของข้า”

ข่งเชียะหมิงหวางรับคำแล้วหันหลังจากไป เวลานี้ เสียง “แว้งค์” ดังขึ้น เจดีย์หมิงจูได้สว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง และเปล่งประกายที่ละลานตาขึ้นมาอีกครั้ง

“อ๊ากก…” เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นลงสลับ ศิษย์ของพรรคเซียนเหินและศิษย์ของเมืองหมิงจูต่อสู้พันตูด้วยกัน จะอย่างไรเสียพรรคเซียนเหินย่อมเป็นพรรคเซียนเหิน ต่อให้ยอดฝีมือของเมืองหมิงจูทีจำนวนมากเท่าไรก็ต้านพรรคเซียนเหินเอาไว้ไม่ได้ ในเวลานี้ ศิษย์ของเมืองหมิงจูต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ หลายๆ พื้นที่ของเมืองหมิงจูถูกข้าศึกตีแตก

เลือดสดๆ ไหลย้อมพื้นดินจนกลายเป็นสีแดง ภายในเมืองหมิงจูไม่รู้ว่ามีหอและวิหารจำนวนเท่าไรที่พังยับเยิน แม้แต่กำแพงเมืองก็ถูกทำลายเป็นรูโหว่ กลายเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่หลายแห่ง

“ฆ่า…” ในเวลานี้ พวกของไห่หลินสามคนที่ได้รับบาดเจ็บก็ได้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย ไห่หลินนั้นอาศัยทวนสามง่ามในมือเข้าต่อสู้กับจักรพรรดิเทพโดยลำพัง ขณะที่มังกรทองสี่เล็บร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราดเข้าฉีกร่างศัตรู ติ้งหย่วนโหวที่กลับกลายร่างเป็นวัวดำวิ่งตำซ้ายชนขวาขวิดอุตลุดจนล้มระเนระนาดเป็นขบวน

จากการที่พวกของไห่หลินสามคนเข้าร่วมการศึกนี้เอง จึงทำให้พลิกสถานการณ์ของเมืองหมิงจูให้ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ทั้งไห่หลินและเผ่าปีศาจและปีศาจทะเลที่หนีรอดมาด้วยความโชคดีก็ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับศิษย์ของเมืองหมิงจู กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว เมืองหมิงจูก็คือที่หลบภัยสุดท้ายของพวกเขา ถ้าหากแม้กระทั่งเมืองหมิงจูมีอันต้องล่มสลาย จากนี้ไป ก็จะไม่มีที่ให้พวกเขาได้ยืนในมหาสมุทรอุดรได้อีกแล้ว

“แว้งค์…” ในเวลานี้เสียหนึ่งได้ดังขึ้น ข่งเชียะหมิงหวางได้ทำการควบคุมเจดีย์หมิงจูอีกครั้ง เจดีย์หมิงจูได้เปล่งประกายไม่มีสิ้นสุดออกมา ประกายแต่ละสายได้สาดส่องลงบนตัวของศิษย์เมืองหมิงจูทุกคน เวลานี้ ศิษย์เมืองหมิงจูทุกคนที่อยู่ในสมรภูมิรบเหมือนสวมใส่ชุดเกราะที่สว่างไสวบนตัวเอาไว้ ได้รับการปกป้องคุ้มรครองจากเจดีย์หมิงจู

“ฆ่า…” ความฮึกเหิมของศิษย์เมืองหมิงจูกลับมาอีกครั้งเมื่อได้สวมชุดเกราะลักษณะเช่นนี้อยู่บนตัว ปณิธานการต่อสู้ฮึกเหิม ร้องเสียงดังออกมา ต่อให้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์พรรคเซียนเหินยังคงร้องเสียงดังและพุ่งเข้าหาศัตรู ต้องการตายพร้อมกับศัตรูด้วยกัน

ในขณะที่บนกำแพงเมืองนั้น จื่อชุ่ยหนิงได้ขวางหลงอ้าวเทียนเอาไว้ นางกับหอกโลหิตเซียนที่อยู่ในมือ ปณิธานการฆ่าน่าเกรงขาม นางยืนตัวตรงเหมือนหนึ่งเป็นขุนพลหญิงที่สังหารศัตรูในสมรภูมิรบมาแล้วนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะปณิธานการฆ่าที่แวบวับออกมาจากหอกโลหิตเซียนนั้น ทำให้ผู้คนต้องหนาวสะท้านขึ้นมา

“ตึง” เวลานี้บุรุษผู้สูงศักดิ์อย่างหลงอ้าวเทียนก็ไม่กล้าประมาทต่อศัตรู กระบี่ที่คำรามฟ้าดิน เขาชักกระบี่เหรินเสียนออกจากฝักช้าๆ ท่าทางหนักแน่นจริงจัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล