ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1647

ตอนที่ 1647 รับมืออาวุธราชันเซียนด้วยมือเปล่า
หลงอ้าวเทียนที่มีกระบี่เหรินเสียนอยู่ในมือพลันมีลมปราณที่รุนแรง ปะทุอานุภาพราชันเซียนออกมา ร่างกายของเขาเหมือนถูกเคลือบด้วยอานุภาพราชันเซียนเอาไว้ชั้นหนึ่ง เหมือนเป็นผู้ที่ได้สวมใส่ชุดออกรบของราชันเซียนเอาไว้ ปณิธานการสู้รบสูงยิ่ง เหมือนว่าในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน มีเพียงเขาเท่านั้นที่ปราศจากผู้ต่อกร

แม้ว่าหลงอ้าวเทียนในเวลานี้จะมีท่าทีที่หมางเมินใต้หล้า ปณิธานการต่อสูงสูงยิ่ง แต่เขายังคงเตรียมพร้อมรับมือเต็มที่ จ้องมองหอกโลหิตเซียนที่อยู่ในมือของจื่อชุ่ยหนิงชนิดไม่กระพริบตา

ก่อนหน้านั้นขณะต่อสู้ชี้ขาดกับพวกของไห่หลินสามคน แม้ว่าในมือของหลงอ้าวเทียนยังคงเป็นอาวุธราชันเซียน แต่ก็เป็นเพียงอาวุธราชันเซียนธรรมดาเท่านั้น

ในเวลานั้น แม้ว่าหลงอ้าวเทียนจะอาศัยลำพังคนเดียวสู้กับสามคน แต่เขาก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขามั่นใจว่าอาศัยอาวุธราชันยังคงสามารถเอาชนะพวกของไห่หลินสามคนได้!

แต่ว่าเวลานี้ทำเช่นนั้นไม่ได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจื่อชุ่ยหนิง เผชิญกับหอกโลหิตเซียน ทำให้หลงอ้าวเทียนไม่อาจไม่หยิบเอากระบี่เหรินเสียนขึ้นมา ถ้าหากเขาประมาทคู่ต่อสู้ล่ะก็ เกรงว่าเขาจะต้องหาเรื่องใส่ตัวแน่นอน!

“เทพธิดาสยบฟ้า เจ้าเมืองเมืองสมุทรสยบฟ้า!” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน จำนวนมากเมื่อได้สติคืนกลับมาแล้ว เมื่อมองเห็นจื่อชุ่ยหนิงแล้วล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าเหนือความคาดคิดยิ่งนัก

ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน ผู้ที่ไม่รู้เบื้องหลังของเรื่องนี้มาก่อนต่างรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก กระทั่งรู้สึกแปลกประหลาด

เรื่องที่พรรคเซียนเหินเป็นพันธมิตรกับเมืองสมุทรสยบฟ้าเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วหล้า เมืองหมิงจูกลับเป็นศัตรูกับพรรคเซียนเหิน ถ้าหากจะกล่าวว่า ฐานะของเมืองหมิงจูมีฐานะความเป็นเอกเทศในเมืองสมุทรสยบฟ้า เช่นนั้นแล้ว เทพธิดาสยบฟ้าในฐานะเจ้าเมืองเมืองสมุทรสยบฟ้าก็เป็นศัตรูกับพรรคเซียนเหินเช่นกัน

ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ ก่อนหน้านั้นหลงอ้าวเทียนกับเทพธิดาสยบฟ้ายังมีการเกี่ยวดองสมรสกันเลย เรื่องการแต่งงานเป็นการตกลงระหว่างผู้อาวุโสระดับสูงของทั้งสองสำนักที่บรรลุข้อตกลงกัน

เมื่อมองเห็นจื่อชุ่ยหนิงจะตัดสินชี้ขาดกับหลงอ้าวเทียน พลันทำให้ผู้คนจำนวนมากนึกถึงเรื่องที่ก่อนหน้านั้นคนโหดอันดับหนึ่งแย่งชิงตัวเจ้าสาวขึ้นมา ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีวิญญาณความเป็นผู้สอดเรื่องของผู้อื่นโหมลุกไหม้ขึ้นมาทันที

“เห็นท่าเทพธิดาสยบฟ้าคงจะติดตามคนโหดอันดับหนึ่งอย่างสุดจิตสุดใจแล้วล่ะ ดังนั้น แม้จะเป็นเรื่องการเกี่ยวดองสมรสของสำนักก็ไม่นำพา สิ่งนี้ไม่โทษที่เทพธิดาสยบฟ้าเป็นศัตรูกับหลงอ้าวเทียน และไม่โทษที่เมืองหมิงจูกล้าท้าสู้กับพรรคเซียนเหิน ที่แท้เบื้องหลังมีคนโหดอันดับหนึ่งคอยหนุนหลังอยู่นะเนี่ย” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่อดที่จะยุ่งกับเรื่องคนอื่นขึ้นมา

“คนโหดอันดับหนึ่งย่อมเป็นคนโหดอันดับหนึ่ง การแย่งชิงเมียชาวบ้านเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ ระดับการเกี่ยวดองสมรสของสำนักเจ้าลัทธิเป็นเรื่องที่สะเทือนฟ้า ใครหาญกล้าแย่งชิงตัวเจ้าสาว แต่คนโหดอันดับหนึ่งกลับทำได้อย่างสมเหตุสมผล ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ แม้แต่เทพธิดาสยบฟ้าก็หลงรักคนโหดอันดับหนึ่งอย่างสุดหัวใจ คนโหดอันดับหนึ่งเสน่ห์แรงไม่มีสิ้นสุดเลยนะ” กระทั่งมีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่มศรัทธาในตัวคนโหดอันดับหนึ่งขึ้นมาแล้ว

มีผู้บำเพ็ญตนที่เคยเดินทางไปเมืองร้อยเมืองบูรพา และดินแดนภาคกลางก็พูดขึ้นมาด้วยความอิจฉาว่า “คนโหดอันดับหนึ่งไม่เพียงโหดเหี้ยมเท่านั้น ขณะเดียวกันก็เสน่ห์ไม่เบาทีเดียว ได้ยินว่าเทพธิดาเหมยแห่งเมืองร้อยเมืองบูรพา ไป๋เจี้ยนเจินแห่งทุ่งรกร้างตะวันตกก็รักเขาอย่างสุดจิตสุดใจ กระทั่งธิดาศักดิ์สิทธิ์ องค์หญิง อื่นๆ ยิ่งพร้อมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนโหดอันดับหนึ่ง

เวลานี้ แม้แต่เทพธิดาสยบฟ้าก็หลงรักจุดสุดจิตสุดใจเช่นนี้ บุรุษที่อยู่บนโลกนี้หากสามารถเสพสุขวาสนาทางความรักเช่นนี้ พอแล้วสำหรับชีวิตนี้!”

คำพูดลักษณะเช่นนี้สร้างความอิจฉากระทั่งริษยาให้กับผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมาก กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว หากสามารถแต่งงานกับสุดยอดผู้หญิงอย่างเทพธิดาเหมย หรือไป๋เจี้ยนเจินแล้ว นับว่าเป็นวาสนาที่สั่งสมกันมาสามชาติเลยทีเดียว เวลานี้คนโหดอันดับหนึ่งกลับได้ครอบครองสาวงามหลายคน แล้วจะไม่ให้ผู้คนอิจฉาริษยาและแค้นเคืองได้อย่างไรหละ!

“น้องหญิงอย่าลืมสิ เจ้ากับข้าทั้งสองสำนักต่างมีข้อตกลงร่วมกัน” หลงอ้าวเทียนเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ขณะจ้องมองดูจื่อชุ่ยหนิง

แม้ว่าครานั้นได้ถูกคนโหดอันดับหนึ่งชิงตัวเจ้าสาวไป แต่หลงอ้าวเทียนไม่ได้ถือเอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องโกรธแค้น และเขาไม่ต้องการเอ่ยถึงเรื่องนี้ให้มากความ เนื่องจากการแต่งงานครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของทั้งสองสำนัก ซึ่งหลงอ้าวเทียนมองว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ และเรื่องนี้กล่าวสำหรับหลงอ้าวเทียนแล้วในนั้นไม่ได้เกี่ยวพันถึงความรักระหว่างชายหญิง

“โอรสราชันหลง นับแต่วินาทีที่บุกโจมตีเมืองหมิงจู ข้อตกลงระหว่างพวกเราก็ไม่มีผลอีกต่อไป อย่างน้อยที่สุดในมุมมองของฝ่ายข้า ข้อตกลงระหว่างเมืองสมุทรสยบฟ้าและพรรคเซียนเหินในวันนั้นก็ไม่มีผลอีกต่อไป!”

“แต่ เมืองสมุทรสยบฟ้ายังคงเป็นพันธมิตรพรรคเซียนเหินของพวกเรา” หลงอ้าวเทียนยังคงพูดจาแข็งกร้าว

“ท่าทีของกู้จุนไม่สามารถแทนท่าทีเมืองสมุทรสยบฟ้าของข้า” จื่อชุ่ยหนิง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สิ่งนี้พูดได้เพียงเป็นการกระทำของกู้จุนเพียงคนเดียวเท่านั้น! ถ้าหากโอรสราชันหลงต้องการให้เมืองสมุทรสยบฟ้าพวกเรามีท่าทีออกมา งั้นโอรสราชันหลงต้องถอนทัพทันที! มิฉะนั้นแล้ว เมืองสมุทรสยบฟ้า และพรรคเซียนเหินเป็นเพียงศัตรู ไม่ใช่พันธมิตรอย่างเด็ดขาด”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” หลงอ้าวเทียนส่ายหน้า กล่าวด้วยท่าทีที่มั่นคงว่า “ในเมื่อเรื่องนี้หาใช่น้องหญิงสามารถตัดสินใจได้ และก็หาใช่สิ่งที่ข้าจะบงการได้ แต่ว่า น้องหญิง เส้นทางที่มุ่งไปยังราชันเซียนนั้นปราศจากเมตตา หากน้องหญิงขวางทางของข้า ยังคงฆ่าไม่มีละเว้น!”

หลงอ้าวเทียนก็ใช่เป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป กล่าวสำหรับเขาแล้วสัจธรรมเป็นอันดับหนึ่ง ความรักระหว่างชายหญิงไม่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นจื่อชุ่ยหนิงที่ตนชอบหรือไม่อย่างไร แต่ว่า ขอเพียงเป็นศัตรูกับเขาบนเส้นทางที่มุ่งไปยังราชันเซียน ไม่ว่าคนนั้นเป็นใคร เขาจะฆ่าไม่มีการละเว้น

สิ่งนี้ถือเป็นสภาพจิตใจที่ต้องมีของผู้ที่จะเป็นราชันเซียนในอนาคต จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรมั่นคง เส้นทางที่มุ่งไปยังราชันเซียนต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว ไม่หันหลังอย่างเด็ดขาด

“ดี งั้นข้าขอคำชี้แนะเคล็ดห้าราชันเซียนของโอรสราชัน และท่าโจมตีเซียนเหิน” กล่าวสำหรับจื่อชุ่ยหนิงแล้ว คำพูดที่มีต่อสุดยอดดาวรุ่งแห่งยุคเช่นหลงอ้าวเทียนก็หนักแน่นจริงจัง เปี่ยมด้วยความมั่นใจ ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ไม่หวั่นที่ต้องต่อสู้!

“ดี…” หลงอ้าวเทียนคำรามเสียงยาวออกมา เปี่ยมด้วยความอหังการและกล่าวว่า “วันนี้ ไม่ว่าใครก็ขวางข้าไม่ได้ ข้าจะทำลายเมืองหมิงจูพวกเจ้าแน่นอน!”

“แคร็งก์…” ทันใดนั้น กระบี่เหรินเสียนในมือของหลงอ้าวเทียนพวยพุ่งประกายกระบี่ที่ดุจดั่งคลื่นยักษ์ออกมา เหมือนว่าต้องการพลิกตลบดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างนั้น

เสียง “ตูม…” ดังสนั่น หลงอ้าวเทียนยังไม่ทันได้ลงมือ ทันใดนั้นปรากฏเท้าข้างหนึ่งที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า เท้านี้ได้หอบเอาพลังของตรีสหัสโลกธาตุมาด้วย ด้วยท่าทีที่สามารถสยบสรรพดินแดนพุ่งลงมาอย่างแรง

เท้าลักษณะเช่นนี้สามารถสยบโลกทั้งใบได้ สีหน้าของหลงอ้าวเทียนดูไม่ดีนัก ไวเท่าความคิด หนึ่งกระบี่ที่ยกขึ้นขวางต้านกับเท้าข้างหนึ่งที่พุ่งมาอย่างรุนแรง

“ปัง” เสียงดังสนั่น ต่อให้หนึ่งกระบี่ของหลงอ้าวเทียนที่ยกขึ้นขวางต้านเอาไว้ ต่อให้หลงอ้าวเทียนที่มีพลังลมปราณที่พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ต่อให้หลงอ้าวเทียนที่มีท่วงท่าปราศจากผู้ต่อกร แต่ว่า ภายใต้เท้าข้างนี้ตัวของเขายังคงถูกยันจนจมลงสู่เบื้องล่าง เหยียบเอากำแพงเมืองจนพังเป็นแถบ และร่างของเขาก็จมลงสู่ใต้ปรักหักพังของก้อนหิน

“รับข้าหนึ่งกระบี่!” แต่ว่า ในเสี้ยววินาทีนั่นเอง ร่างของหลงอ้าวเทียนก็ได้ปรากฏอยู่บนจักรวาลอีกแล้ว เขามีความเร็วที่ไวมาก ไม่มีใครมองเห็นว่าเขาออกจากกองเศษหินขึ้นไปอยู่บนจักรวาลได้อย่างไร และยิ่งไม่มีใครมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาออกกระบี่ได้อย่างไร

“แกร็งค์…” หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงไป คมกระบี่นั้นสุดจะต้านทาน ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ระดับจักรพรรดิเทพศีรษะหลุดจากบ่า เหล่าเทพเทวาหวาดผวา

“ตูม ตูม ตูม” เสียงดังตูมตามดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น สิบสองหมัดผสานเป็นหนึ่ง หนึ่งหมัดที่ซัดออกมา ทำลายสัจธรรม ทำลายสรรพวิชา หนึ่งหมัดที่พุ่งขึ้นไปปะทะกับกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา

“ตูม…” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ภายใต้การปะทะซึ่งหน้าอย่างรุนแรงของทั้งสองสิ่ง ท้องฟ้าพลันถูกทำลายกลายเป็นหลุมดำที่น่ากลัวยิ่ง ทิ้งร่องรอยที่ไม่สามารถลบเลือนได้อยู่บนท้องฟ้า!

ทันใดนั้น บนท้องฟ้าพลันดำมืด และกลับสู่ปรกติหลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ทุกคนเบิกตามองดู เห็นบนท้องฟ้ามีคนยืนอยู่สองคน หนึ่งในนั้นก็คือหลงอ้าวเทียน

“คนโหดอันดับหนึ่ง!” มีคนถึงกับร้องเสียงหลงออกมาเมื่อได้เห็นอีกคนหนึ่ง “คนโหดอันดับหนึ่งมาแล้ว!”

บรรยากาศพลันร้อนระอุขึ้นมาทันที ทุกคนเสมือนดั่งคลั่งไคล้ลิงโลด การต่อสู้ในเมืองหมิงจูไม่สามารถดึงดูดสายตาของบรรดาผู้ชมได้อีกต่อไป ทุกคนต่างมองไปที่คนโหดอันดับหนึ่งและหลงอ้าวเทียน ครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ชี้ขาดเป็นครั้งที่สองระหว่างคนโหดอันดับหนึ่งกับหลงอ้าวเทียนแล้ว

“มือเปล่าปะทะอาวุธราชันเซียน ช่างทรงพลังเหลือเกิน” แม้แต่รุ่นอาวุโสยังรู้สึกใจหายใจคว่ำและสลดจนหน้าถอดสี

เรื่องมือเปล่าปะทะอาวุธราชันเซียนใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น แต่ว่า อาวุธราชันเซียนอยู่ในมือใครมันย่อมแตกต่างกัน การที่ในมือของหลงอ้าวเทียนถือกระบี่เหรินเสียน แม้แต่จักรพรรดิเทพชั้นมหัศจรรย์ยังต้องย่อมอ่อนข้อให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาศัยมือเปล่าต่อสู้ชี้ขาดแล้ว

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ คนโหดอันดับหนึ่งกลับอาศัยหมัดเดียวปะทะซึ่งหน้ากับกระบี่เหรินเสียน อีกทั้งยังรับมือเอาไว้ได้ ความแข็งแกร่งของหมัดนี้ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน!

ขอเพียงคนที่สามารถนึกถึงจุดนี้ได้ก็ต้องรู้สึกขนลุกขนพอง ทุกคนต่างรู้สึกว่าหมัดของคนโหดอันดับหนึ่งถึงขั้นสามารถเทียบเคียงได้กับอาวุธใดๆ ในโลกหล้าได้แล้ว

“หลี่ชิเย่!” ดวงตาทั้งสองของหลงอ้าวเทียนจ้องตรงไปข้างหน้า พลันประกายน่าเกรงขามของดวงตาแวบวับ เผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมา

พวกเขาสองคนไม่สามารถอยู่ร่วมโลกได้อีกแล้ว โดยเฉพาะกล่าวสำหรับหลงอ้าวเทียนแล้ว หากเขาต้องการเป็นราชันเซียนจะต้องสังหารหลี่ชิเย่ให้ได้ มิฉะนั้นแล้ว เขาไม่มีวันจะได้เป็นราชันเซียน ต่อให้ได้เป็นราชันเซียนจริงโดยที่ไม่สามารถสังหารหลี่ชิเย่ได้ เช่นนั้นแล้ว สิ่งนี้จะกลายเป็นความเจ็บปวดชั่วชีวิตของเขา และก็จะเป็นหนามยอกอกในใจของเขา

ดังนั้น กล่าวสำหรับหลงอ้าวเทียนแล้วระหว่างพวกเขาทั้งสอง ไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย!

หลี่ชิเย่ มองดูหลงอ้าวเทียนแวบหนึ่ง ยิ้มกล่าวตามอารมณ์ออกมาว่า “หายได้เร็วดีนี่ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันก็สามารถออกมากระโดดโลดเต้นได้อีกแล้ว ดูท่าโอสถเซียนของพรรคเซียนเหินพวกเจ้านับว่าไม่เลวนัก”

สำหรับคำกล่าวของหลี่ชิเย่นั้น หลงอ้าวเทียนเพียงส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา เขาถูกหลี่ชิเย่ซัดเข้าไปอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ทำให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติของความพ่ายแพ้ครั้งแรกของชีวิต

แต่ว่า หลงอ้าวเทียนย่อมเป็นหลงอ้าวเทียน แม้ว่าเขาพ่ายแพ้ต่อหลี่ชิเย่ แต่เขาไม่ได้พังครืนลงมาเพราะสิ่งนี้และไม่ได้รู้สึกต้อยต่ำ ตรงกันข้าม หลังจากที่หลงอ้าวเทียนประสบความล้มเหลวครั้งนี้แล้ว ทำให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เขายิ่งมีความต้องการท้าสู้กับหลี่ชิเย่ ยิ่งมีความแน่วแน่ว่าขอเพียงให้หลี่ชิเย่กลายเป็นหินที่ใช้ปูรองเท้าของเขาเพื่อก้าวไปสู่ราชันเซียน เส้นทางการก้าวสู่ราชันเซียนของเขาจึงจะยิ่งตื่นเต้น เส้นทางสู่ราชันเซียนของเขาจะได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

“จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่เลวนัก มีจิตใจแห่งการบำเพ็ญเพียรเช่นนี้ และสามารถมีผลงานเช่นนี้นับว่าไม่ได้เหนือความคาดคิด” หลี่ชิเย่มองดูหลงอ้าวเทียนทีหนึ่งและยิ้มกล่าว

คำพูดของหลี่ชิเย่นับว่าเป็นการชื่นชมต่อหลงอ้าวเทียน ผู้คนจำนวนมากหลังจากพ่ายแพ้ให้กับเขามาครั้งหนึ่งแล้วก็จะหวาดกลัว ไม่สามารถก้าวข้ามวิบากเต๋านี้ไปได้ ขณะที่ส่งผลกระทบต่อหลงอ้าวเทียนน้อยมาก ย่อมบ่งบอกได้ว่าจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาแกร่งมาก

อาจกล่าวได้ว่า การที่หลงอ้าวเทียนสามารถกลายเป็นผู้สืบทอดของพรรคเซียนเหิน และมีผลงานในวันนี้ย่อมไม่ใช่เป็นความบังเอิญอย่างเด็ดขาด และไม่เพียงเพราะเขามีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าผู้อื่น ขณะเดียวกัน เขายังมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงดวงหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล