ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1660

ตอนที่ 1660 คำร้องขอของไห่หลิน
พายุเทอนาโดทั้งสิบสายก็คล้ายดั่งเป็นโซ่สีดำขนาดเขื่องที่ลากเอาพรรคเซียนเหินเข้ามา เป็นการลากเอาพรรคเซียนเหินทั้งพรรคเข้ามายังมหาสมุทรอุดร

หลังจากที่พรรคเซียนเหินถูกลากมาถึงแล้ว มหาสมุทรอุดรกลับแลดูอลังการมาก เหมือนว่ามหาสมุทรอุดรมีโลกสองใบอย่างนั้น โลกหนึ่งอยู่ในทะเล อีกโลกหนึ่งอยู่บนท้องฟ้า

หลังจากที่พรรคเซียนเหินได้ลงมาแล้ว พายุเทอนาโดสีดำทั้งสิบสายก็ถักทอเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นกฎเกณฑ์ขนาดใหญ่ ขณะเดียวกัน ภายในพรรคเซียนเหินบังเกิดเสียงดัง “ปัง ปัง ปัง” ปรากฏเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์เวทีแล้วเวทีเล่าที่ลอยลงมา แต่ละเวทีล้วนแล้วแต่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายที่ขมุกขมัว เปี่ยมด้วยพลังที่ปราศจากผู้ต่อกร

หลังจากที่เวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์แต่ละแห่งได้ลอยลงมาเรียบร้อยแล้ว พลันได้เชื่อมต่อเข้าด้วยกับหลักกฎเกณฑ์พายุเทอนาโดสีดำ และกลายเป็นเวทีต่อสู้ขนาดมหึมาขึ้นมา เวทีดังกล่าวคล้ายดั่งเป็นผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง โดยที่เวทีต่อสู้นี้เหมือนว่าสามารถเคลื่อนกองทัพที่มีกำลังพลจำนวนนับหนึ่งล้านล้านคนไปยังทุกที่ในเก้าแดนได้!

ด้วยเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ สายสำนักราชันเซียนจำนวนไม่น้อยก็ยากจะมีครอบครองสักเวทีหนึ่ง เวลานี้ พรรคเซียนเหินกลับมีเวทีต่อสู้ดึกดำบรรพ์ที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ในครอบครองมากมายถึงเพียงนี้ ธาตุแท้ภายในของหนึ่งสำนักห้าราชันเซียนย่อมไม่ใช้คำกล่าวที่เลื่อนลอย

“พรรคเซียนเหินเข้าคิดจะทำอะไรของเขา?” มีผู้ที่รู้สึกสงสัยขึ้นมา เมื่อเห็นพรรคเซียนเหินต้องการนำเวทีต่อสู้แต่ละแห่งมาเรียงเข้าด้วยกัน

“เกรงว่านี่เป็นการเลียนแบบราชันเซียน เล่าลือกันว่าราชันเซียนเคยสร้างเวทีแต่งตั้งแม่ทัพขึ้นมา และราชันเซียนเคยอาศัยเวทีดังกล่าวทำการแต่งตั้งแม่ทัพและส่งทัพออกปราบเก้าแดน สู้รบไปแปดทิศ!” มีระดับผู้ยิ่งใหญ่กล่าวคาดเดาขึ้นมา

“พรรคเซียนเหินใช่เพียงสร้างเวทีแต่งตั้งแม่ทัพขึ้นมาแห่งหนึ่งเท่านั้น” จักรพรรดิเทพรุ่นอาวุโสมองรู้ถึงเส้นสนกลในที่แฝงอยู่ พึมพำออกมาว่า “พวกเขายังต้องการสร้างสุดยอดค่ายกลแห่งยุคที่แข็งแกร่งจนไม่สามารถตีแตกได้ขึ้นมา ด้วยสุดยอดค่ายกลลักษณะเช่นนี้ที่สร้างเป็นเวทีแต่งตั้งแม่ทัพไม่เพียงสามารถส่งกองทัพออกปราบไปเก้าแดนเท่านั้น ยังสามารถโจมตีทุกหนทุกแห่ง ขณะเดียวกันก็ยังจะเป็นเสมือนโล่กำบังที่ใหญ่ที่สุดให้กับพรรคเซียนเหิน ไม่ว่าใครก็ตามหากคิดจะบุกโจมตีพรรคเซียนเหินก็ต้องตีแนวป้องกันนี้ให้แตกก่อนจึงจะทำได้ เกรงว่าต่อให้กองทัพที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ตีค่ายกลนี้ให้แตกไม่ได้กระมัง”

เมื่อเห็นเวทีแต่งตั้งแม่ทัพลักษณะเช่นนี้กำลังจะสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เวลานี้ สำนักต่างๆ ต่างตกอยู่ในห้วงของความหวาดกลัว ทุกคนต่างรู้ดีว่า เมื่อไหร่ที่พรรคเซียนเหินสร้างเวทีแต่งตั้งแม่ทัพเสร็จสมบูรณ์แล้ว พรรคเซียนเหินก็จะสามารถโจมตีสำนักใดสำนักหนึ่งได้ตลอดเวลา ขณะที่คนอื่นคิดจะโจมตีพรรคเซียนเหินจะต้องตีเวทีแต่งตั้งแม่ทัพให้แตกก่อน

การคาดเดาของจักรพรรดิเทพเฒ่าผู้นี้นับว่าไม่ผิด พรรคเซียนเหินกำลังสร้างเวทีแต่งตั้งแม่ทัพอยู่จริงๆ อีกทั้งยังเป็นการสร้างอยู่บนสุดยอดค่ายกลแห่งยุค และสุดยอดค่ายกลแห่งยุคดังกล่าวก็คือ “ค่ายกลเซียนทำลายสิบทิศ” ที่หลี่ชิเย่พูดถึงนั่นเอง!

จังหวะที่ผู้คนในมหาสมุทรอุดร กระทั่งทั่วแดนมนุษย์กษัตรากำลังมีจิตใจที่หวาดผวาอย่างหนักนั้น ในมหาสมุทรอุดรได้มีข่าวๆ หนึ่งปรากฏขึ้นมา ไห่หลินได้รวบรวมกองทัพต่อต้านขึ้นมาอีกครั้งเพื่อโจมตีกลับพรรคเซียนเหิน อีกทั้งมาคราวนี้มีสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ ในมหาสมุทรอุดรจำนวนสามสิบกว่าสำนักเข้าร่วมในกองทัพของไห่หลินในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากข่าวได้แพร่ออกไปแล้ว ผู้คนที่เข้าร่วมกับกองทัพของไห่หลินมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และสำนักที่เข้าร่วมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ท้ายสุดได้มีสายสำนักราชันเซียนหลายแห่งที่ได้เข้าร่วมกับกองทัพของไห่หลิน อีกทั้งผู้ที่เข้าร่วมกองทัพของไห่หลินไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่มหาสมุทรอุดรเท่านั้น กระทั่งมียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยรวมถึงสำนักต่างๆ ในแดนมนุษย์กษัตรา และที่อื่นๆ ที่เข้าร่วมในกองทัพของไห่หลิน

สืบเนื่องจากการลงมาที่มหาสมุทรอุดรของพรรคเซียนเหิน ได้สร้างความกดดันให้กับสำนักต่างๆ ทั้งหมดในแดนมนุษย์กษัตราเป็นอันมาก แม้ว่าจะไม่ใช่สำนักที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอุดร แต่บรรดาสำนักต่างๆ ล้วนแล้วแต่รู้ว่า เมื่อใดที่พรรคเซียนเหินยึดครองมหาสมุทรอุดรได้แล้ว ก็ต้องส่งกองทัพไปยังที่ต่างๆ ในแดนมนุษย์กษัตราแน่นอน

เนื่องเพราะมีความห่วงใยเช่นนี้นี่เอง ทำให้สำนักเจ้าลัทธิจำนวนไม่น้อยแอบส่งยอดฝีมือของตนเข้าร่วมกองทัพของไห่หลิน มีระดับบรรพบุรุษที่แอบกลับเข้าสู่ยุทธภพและเข้าร่วมในกองทัพของไห่หลิน คนเหล่านี้จะซ่อนเร้นฐานะของตนเอง ไม่ให้ใครรู้ประวัติความเป็นมาของพวกเขา

ภายในระยะเวลาอันสั้น กองทัพของไห่หลินมีความแข็งแกร่งเป็นประวัติการ กลายเป็นกองทัพพันธมิตรต่อต้านพรรคเซียนเหินที่แข็งแกร่งมากที่สุดในแดนมนุษย์กษัตรา ขณะที่ไห่หลินเป็นผู้ที่อยู่แถวหน้าสุดในการต่อต้านพรรคเซียนเหินตลอดมา จึงถูกเลือกให้เป็นแม่ทัพในครั้งนี้

ถึงแม้ว่ากองทัพของไห่หลินจะมีความแข็งแกร่งเป็นประวัติการ มียอดฝีมือเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก และประกอบด้วยแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมาก แต่ว่า ยังคงไม่ได้รับความไว้วางใจ ยังคงทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีจิตใจที่ร้อนรุ่มกระสับกระส่าย

“แม้ว่ากองทัพพันธมิตรของไห่หลินจะแข็งแกร่ง แต่ จะอย่างไรเสียก็เป็นกองทัพที่จัดตั้งขึ้นชั่วคราว แล้วจะไปต่อกรกับกองทัพพรรคเซียนเหินที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีได้อย่างไรเล่า?” สงครามครั้งยิ่งใหญ่ยังไม่ทันเกิดขึ้น ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มีใจร้อนรุ่มกระสับกระส่ายให้แล้ว

มีระดับจักรพรรดิเทพที่ไวและเฉียบคมมาก กล่าวว่า “เวลานี้ หนึ่งเดียวที่สามารถต่อต้านพรรคเซียนเหินได้คงมีแต่คนโหดอันดับหนึ่งแล้วหละ ดั่งเช่นกองทัพมังกรเขียวของคนโหดอันดับหนึ่งคือกองทัพที่ดุดันมาก บางทีอาจมีเพียงกองทัพที่ดุดันเช่นนี้ของคนโหดอันดับหนึ่งเท่านั้น ที่สามารถชี้ขาดแพ้ชนะกับกองทัพของพรรคเซียนเหินแล้ว”

เมื่อจักรพรรดิเทพเอ่ยถึงคนโหดอันดับหนึ่งและกองทัพมังกรเขียวนั้น ทุกคนต่างมองไปที่เมืองหมิงจู แต่ว่า กองทัพมังกรเขียวของเมืองหมิงจู และคนโหดอันดับหนึ่งกลับเหมือนรอจังหวะไม่มีการเคลื่อนไหว และไม่มีข่าวคราวใดๆ ไม่มีใครรู้ว่าคนโหดอันดับหนึ่งและกองทัพมังกรเขียวมีแนวความคิดเช่นใด

“กองทัพของไห่หลินสมควรร่วมมือกับคนโหดอันดับหนึ่งจึงจะถูก มีเพียงร่วมมือกับคนโหดอันดับหนึ่งจึงมีโอกาสชนะได้” มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองเช่นนี้ ความจริงแล้ว ภายในกองทัพของไห่หลินเองก็มีผู้ที่เสนอแนวคิดเช่นนี้กับไห่หลิน เสนอให้ไห่หลินร่วมมือกับคนโหดอันดับหนึ่ง

ทุกคนต่างรู้ว่าผู้ที่สามารถพูดคุยกับคนโหดอันดับหนึ่งในมหาสมุทรอุดรเวลานี้มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ดังนั้น จึงมีผู้คนจำนวนมากแนะให้ไห่หลินไปขอเข้าพบกับคนโหดอันดับหนึ่ง เมื่อพูดคุยเรื่องร่วมมือกับคนโหดอันดับหนึ่ง

การที่ทุกคนแนะให้ไห่หลินเป็นผู้ที่ไปพบเจรจากับคนโหดอันดับหนึ่งใช่จะไม่มีเหตุผล จะอย่างไรเสียไห่หลินก็ยังนับว่ารู้จักกับคนโหดอันดับหนึ่งผิวเผิน ยิ่งไปกว่านั้นไห่หลินเคยได้รับความช่วยเหลือจากคนโหดอันดับหนึ่งจากการประสบอันตรายในหลายครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น ภายในกองทัพหากจะมีใครสามารถพูดคุยกับคนโหดอันดับหนึ่งได้ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไห่หลินแล้ว

สุดท้าย ภายใต้การเสนอและแนะนำของทุกคน ไห่หลินจึงเดินทางไปเมืองหมิงจูด้วยตนเอง เพื่อขอคารวะต่อหลี่ชิเย่

สำหรับการขอเข้าพบของไห่หลินนั้น หลี่ชิเย่ก็ได้ให้เกียรติพบกับเขาด้วยตนเอง หลี่ชิเย่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงเด่น มองดูไห่หลินแล้วเพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง

“ไห่หลินเข้าคารวะบุ่มบ่าม หวังว่าพี่หลี่จะให้อภัย” หลังจากพบกับหลี่ชิเย่แล้ว ไห่หลินเองก็ไม่กล้าประมาท แสดงความเคารพต่อหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีที่ถ่อมตนยิ่ง พยายามวางตัวให้ค่อมต่ำเข้าไว้

ไห่หลินในเวลานี้นับว่ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า กระทั่งได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าที่ต่อต้านกับพรรคเซียนเหิน เขามีบารมีที่สูงมากในมหาสมุทรอุดร ได้รับการยอมรับจากบรรดาแคว้นเจ้าลัทธิเป็นอันมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ไห่หลินในเวลานี้ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพพันธมิตร เรียกได้ว่ามีอำนาจและตำแหน่งสูง ชื่อเสียงโด่งดังแค่ด้อยไปกว่าคนโหดอันดับหนึ่งและหลงอ้าวเทียนเท่านั้น

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น บางทีอาจมีความรู้สึกว่าตัวเองนั้นเก่งเหนือกว่าผู้อื่นและพึงพอใจในผลสำเร็จของตน มีความเชื่อมั่นที่สูงมาก แต่ว่า ตัวไห่หลินเองก็เป็นคนที่ผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาแล้ว ผ่านอุปสรรคมามากมาย ภายในใจของเขารู้ดีว่าหากเปรียบเทียบกับผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นคนโหดอันดับหนึ่งแล้ว สองฝ่ายห่างชั้นกันมากเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้น คนโหดอันดับหนึ่งเคยยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขา นับว่ามีบุญคุณต่อเขา!

“นั่งเถอะ” หลี่ชิเย่เพียงพยักหน้าเบาๆ ท่าทางอย่างไรก็ได้

หลังจากที่ไห่หลินได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เขาทำท่าคารวะแบบจีนและกล่าวว่า “พี่หลี่ พรรคเซียนเหินก่อกรรมทำเข็ญในมหาสมุทรอุดร และกดดันต่อแดนมนุษย์กษัตรา ในฐานะที่ไห่หลินเป็นผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งของมหาสมุทรอุดร มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการต่อต้านพรรคเซียนเหิน ประสบการณ์ของไห่หลินยังด้อยนัก แต่ได้รับเกียรติจากทุกคน เป็นตัวแทนของกองทัพพันธมิตรของแดนมนุษย์กษัตรามาขอความช่วยเหลือจากพี่หลี่”

ไห่หลินวางท่าทีของตนเอาไว้ต่ำมาก แม้ว่าตัวเขาเองคือแม่ทัพของกองทัพพันธมิตรแล้วในเวลานี้ แต่ว่า เวลาพูดเรื่องนี้กับหลี่ชิเย่เขาไม่กล้าพูดว่าต้องการเป็นพันธมิตรหรือร่วมมือกับหลี่ชิเย่อะไรทำนองนั้น แต่บอกว่าเป็นการขอความช่วยเหลือจากหลี่ชิเย่ สิ่งนี้แหละคือการแสดงความเคารพนอบน้อมของเขานั่นเอง

เมื่อหลี่ชิเย่เห็นไห่หลินวางท่าทีของตนต่ำมาก หัวเราะนิดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ดูท่าเจ้านี่วางตัวได้เก่งมากนี่ รู้จักกาลเทศะ รู้จักขอบเขต”

“มิบังอาจ” ไห่หลินแสดงคารวะแบบจีน และกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเกียรติและความเสื่อมเสียของผู้หนึ่งผู้ใด แต่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของมหาสมุทรอุดร น้องอาศัยจิตที่นอบน้อมขอความช่วยเหลือจากพี่หลี่”

ตัวของไห่หลินใช่ว่าเป็นคนที่อ่อนแอคนหนึ่ง ตรงกันข้าม เขาเป็นคนที่หยิ่งทะนงตนยิ่งคนหนึ่ง หาไม่แล้วเขาก็คงไม่ชนกับหลงอ้าวเทียนซึ่งหน้าเช่นนี้ แต่ว่า เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของปีศาจทะเล เผ่าปีศาจ และมหาสมุทรอุดร ดังนั้น ไห่หลินจึงละทิ้งอารมณ์ของตน ละทิ้งเกียรติและความเสียเกียรติส่วนตัว อาศัยจิตที่นอบน้อมที่สุดเข้าขอความช่วยเหลือจากหลี่ชิเย่

“ความเป็นความตายของมหาสมุทรอุดร ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้า” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทียิ้มๆ พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ

“แม้ว่าพี่หลี่จะไม่ใช่คนของมหาสมุทรอุดร แต่พี่หลี่ก็ถือกำเนิดในแดนมนุษย์กษัตรานะ” ไห่หลินรีบเร่งกล่าวต่อว่า “ถ้าหากมหาสมุทรอุดรถูกยึดครอง พรรคเซียนเหินต้องพุ่งเป้าไปที่แดนมนุษย์กษัตราแน่นอน! สุดท้าย พี่หลี่ก็ต้องรบกับพรรคเซียนเหินอยู่ดี หากว่าถึงตอนที่พรรคเซียนเหินกดดันต่อแดนมนุษย์กษัตราแล้วนั้น เกรงว่าพรรคเซียนเหินจะยิ่งแข็งแกร่งมากไปกว่านี้อีก!”

“แค่พรรคเซียนเหินเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ กล่าวไปตามอารมณ์ว่า “หากข้าจะทำลายพรรคเซียนเหิน มันง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง”

“เรื่องนี้” ไห่หลินไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

หลี่ชิเย่มองดูไห่หลินแล้วหัวเราะขึ้นมา กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าคือแม่ทัพของกองทัพพันธมิตร เจ้ารอได้นี่ เจ้าสามารถรอจนกว่าข้ากับพรรคเซียนเหินฆ่าฟันกันเองแล้วค่อยมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ก็ได้ หรือจะกล่าวว่า รอให้พวกเราสู้รบกันอย่างดุเดือดจนสุดท้ายเจ้าค่อยออกมาเก็บกวาดสถานการณ์ที่ย่อยยับ และจัดการกับพรรคเซียนเหิน และข้าในคราเดียว…”

“…ชะตาฟ้าได้ปรากฏออกมาแล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าต้องได้เป็นผู้ชนะในที่สุด เมื่อถึงตอนนั้นเจ้ากวาดเรียบทั้งข้าหลี่ชิเย่ และพรรคเซียนเหิน ชื่อเสียงของเจ้าต้องเป็นที่ยอมรับทั่วหล้า เจ้าต้องได้เป็นราชันเซียน” เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้ หัวเราะและส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่ พี่หลี่เข้าใจข้าผิดแล้ว” ไห่หลินรีบเร่งกล่าวว่า “น้องไม่มีความคิดเช่นนี้อย่างเด็ดขาด และน้องก็ไม่กล้าคิดเช่นนี้ ชาตินี้ตำแหน่งราชันเซียนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่หลี่”

หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “เจ้าจะคิดอย่างไรนั้นหาใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่สำคัญคือเจ้าจะทำอย่างไร”

“เรื่องนี้” ไห่หลินถึงกับงงงัน เขาถึงกับต้องนั่งไตร่ตรอง

หลี่ชิเย่ก็ไม่พูดอะไรออกมา เพียงจ้องมองไห่หลินเท่านั้น รอฟังคำตอบของเขา

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ไห่หลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งกล่าวหนักแน่นจริงจังว่า “ข้าเข้าใจ พี่หลี่ไม่เชื่อใจข้า จะอย่างไรเสียสงครามหาใช่เป็นเรื่องเล่น อีกทั้งสงครามนี้ยังเกี่ยวพันไปถึงความเป็นความตายความเจริญหรือเสื่อมถอยของแดนมนุษย์กษัตรา กระทั่งเกี่ยวพันถึงการแย่งชิงตำแหน่งราชันเซียน ดังนั้น การที่พี่หลี่รอจังหวะโดยไม่เคลื่อนไหวเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้”

ไห่หลินคิดว่าการที่หลี่ชิเย่มีความกังวลใช่จะไม่มีเหตุผล ถ้าหากหลี่ชิเย่และพรรคเซียนเหินต่างเพลี่ยงพล้ำทั้งคู่ แล้วถูกผู้อื่นเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไป เท่ากับสิ่งที่ทำมาทั้งหมดต้องสูญสิ้นไป!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล